นี่คือ Hidden Gem สายปลาดิบ ที่คนรักปลาญี่ปุ่นจะต้องห้ามพลาด และยังขนานนามว่าเป็นร้านอาหารที่มีห้องอาหารส่วนตัวที่ดีที่สุดในย่าน ที่ Shakarich Surawong ร้านอาหารญี่ปุ่น โดยชาวญี่ปุ่น ในตึก 4 ชั้นที่ซ่อนตัวอยู่บนถนนสุรวงศ์

Shakarich เปิดตัวเมื่อต้นปี 2024 เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตั้งใจนำเสนอความพรีเมียมของอาหาร และประสบการณ์ผ่านสิ่งที่เรียกว่า Sense ทั้ง 5 คือ การมองเห็น วิธีการรังสรรค์เมนู การได้ยิน การได้กลิ่น การสัมผัส และการรับรส ผ่านฝีมือ เชฟ Ryo Fukukawa (เรียว ฟุกุคาวะ) จากโอซาก้า ที่มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี ทั้งด้าน Omakase, Kappou และโรงแรมชั้นนำ เช่น Ritz Carlton, Okura, Hyatt และอีกมากมายในญี่ปุ่น

เมนูที่เสิร์ฟจะเน้นเป็นวัตถุดิบอาหารทะเล ที่รวมสารพัดปลา และอาหารญี่ปุ่นตามฤดูกาล คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน โดยนำเข้าอาหารทะเลโดยตรงจาก ตลาดปลาโทโยสุ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ถึง 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ที่นี่จึงใช้คำว่าสดได้แบบเต็มปากมาก ๆ ซึ่งนอกจากของสดที่นำเข้าแล้ว วัตถุดิบต่าง ๆ อย่างข้าว ซอส ก็นำเข้ามาเช่นกัน



อีกหนึ่งสิ่งที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอ คือการเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่มี ห้องส่วนตัว เยอะมาก ๆ มีห้องส่วนตัวพร้อมให้บริการถึง 15 ห้อง โดยชั้น 1 จะเป็นชั้นเดียวที่เป็นที่นั่งแบบเคาน์เตอร์บาร์ ที่มองเห็นเชฟรังสรรค์เมนู ซึ่งจะมีที่นั่ง 5-6 ที่เท่านั้น

“ชั้น 2-4 จะเป็นห้องส่วนตัวทั้งหมด มีทั้งแบบเสื่อทาทามิ (ที่หย่อนขาได้) และห้องแบบที่นั่งปกติ รองรับตั้งแต่ 2 คน 4 คน ไปจนถึงกลุ่มใหญ่ ที่รองรับได้สูงสุดถึง 36 คน ไม่ว่าจะมาเดท มาปาร์ตี้ หรือมากินเลี้ยงบริษัท ก็จะได้บรรยากาศความเป็นส่วนตัว”
สิ่งที่ทำให้เราหลงรัก Shakarich นอกจากวัตถุดิบที่สด คือการมอบประสบการณ์ที่ประทับใจ (มาก) ด้วยความตั้งใจที่อยากให้สาขาสุรวงศ์ (Shakarich มีสาขาทองหล่ออีกหนึ่งแห่งนะ) มีความพรีเมียมและได้ประสบการณ์ที่เหนือระดับ เลยมีรูปแบบการบริการที่ผสมผสานความเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น A la carte และโอมากาเสะ
Shakarich Surawong เมนู A la carte ที่จัดเสิร์ฟอลังการ ได้ประสบการณ์อย่างกับโอมากาเสะ
ครั้งนี้ Routeen. ได้ลิ้มลองเมนูทั้งสายปลาดิบ สายเนื้อ และของหวานที่ Shakarich Surawong ซึ่งทำออกมาได้ประทับใจมาก และคิดว่านี่แหละคือเมนูที่ถ้าใครได้มา ต้องลองสั่งให้ได้

เราเริ่มด้วย Nibble เมนูเรียกน้ำย่อย 9 อย่าง เป็นเหมือน Appetizer ที่พนักงานจะยกเมนูเรียกน้ำย่อยที่ต่างกันถึง 9 เมนูให้เลือก อาทิ อิคุระหัวไชเท้า, หมึกหิ่งห้อย, หมึกดองวาซาบิ, ปลาร้าดองญี่ปุ่น เป็นต้น


เมนูต่อมาเราลอง Seafood Egg Custard (290 บาท) เป็นไข่ตุ๋นทะเลซุปปลาโอแห้ง ท็อปด้วยอิคุระ เมนูนี้ตัวซุปจะมาแบบหนืด ๆ หอมปลาโอมาก ๆ แนะนำให้คลุกเคล้าอิคุระกินพร้อมกับเนื้อไข่ตุ๋นและซุป จะได้เทกเจอร์ของอิคุระที่แตกในปาก เข้ากันดีมาก ๆ แถมเมนูนี้เครื่องทะเลยังให้มาแบบแน่น ๆ

มา Shakarich ที่พลาดไม่ได้คือปลาดิบ ด้วยความที่นำเข้าปลาจากตลาดปลาในญี่ปุ่นถึง 2 ครั้งต่อสัปดาห์ มั่นใจได้เลยว่าเราจะได้ปลาที่ดี ไม่ผิดหวังเลย ครั้งนี้เราเลือกเซ็ต Special Assorted Sashimi (เริ่มต้น 6 ชนิด ชนิดละ 2 คำ 999 บาท) เซ็ตซาชิมิรวม ที่รวมปลาดิบหลากหลายชนิด ก่อนสั่ง เชฟจะยกถัง Seafood Barrels มาให้เลือกที่ห้องส่วนตัวว่าเราอยากลิ้มลองปลาขนิดไหน

เราเลือกอะกามิ ชูโทโร่ กุ้งหวาน คิมเมได แซลมอน และ อูนิมากิ (ปลามาไดห่ออูนิ) เสิร์ฟมาพร้อมวาซาบิสดและวาซาบิดอง ตัวปลาดิบมาแบบชิ้นหนา สดฉ่ำมาก ในเซ็ตสามารถเลือกได้ว่าอยากให้เชฟหั่นมาแบบ 2 คำ 3 คำ หรือ 4 คำ ตามจำนวนคนที่มากินได้

“ที่ชอบมากคือปลามาไดที่ห่ออูนิ เป็น Bafun Uni จากฮอกไกโด ที่เนื้อสัมผัสดีและไม่คาวเลย กินพร้อมกันทั้งคำจะได้ความหวานของปลา เข้ากับความมันและความหอมเฉพาะตัวของอูนิได้ลงตัวมาก ๆ”

อีกเมนูที่ไม่อยากให้พลาดด้วยประการทั้งปวง โดยเฉพาะสายปลาดิบเลิฟเวอร์ (แบบเรา) คือ Omakase Seafood Roll (1,980 บาท) เป็นโรลที่ไม่มีข้าว แต่อัดแน่นไปด้วยวัตถุดิบ คือปลามาได บุริ ชิมะอาจิ อะกามิ โอโทโร่ ชูโทโร่ โฮตาเตะ คาเวียร์ และอูนิ พร้อมวาซาบิดอง เป็นเมนูที่เชฟเรียว ฟุกุคาวะคิดขึ้นมาเอง ด้วยความที่เชฟอยู่ไทยมานานถึง 8 ปีแล้ว เลยรู้ว่าคนไทยชอบแบบไหน (ซึ่งใช่มาก)


ความพิเศษของเมนูนี้ คือเชฟจะมาโรลให้ดูกันสด ๆ ถึงห้อง ให้เราได้เห็นก่อนว่าจะมีอะไรอยู่ในโรลบ้าง ก่อนจะค่อย ๆ ม้วนแล้ว หั่นเป็นคำพอดีกิน โรยด้วยอิคุระปิดท้าย เป็นโรลที่กัดไปคำไหนก็ได้รสชาติปลาเต็ม ๆ และเป็นโรลที่อบอวลไปด้วยรสชาติที่หลากหลายในคำเดียว อร่อยมาก

พักตัดเลี่ยนกันด้วย Wagyu Roast Beef Salad (690 บาท) สลัดผัดสไตล์ญี่ปุ่นที่เสิร์ฟมาแบบจานใหญ่ จะมีสลัด บล็อกโคลี่ ดอกกะหล่ำ มะเขือเทศ กระเจี๊ยบ ราดน้ำซอสสลัดวากิวเพิ่มความหอมเนื้อ ท็อปด้วยเนื้อวากิว A5 สไลด์บาง ๆ พอดีคำ เป็นเมนูที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้ดี



หนึ่งในเมนูเนื้อที่อยากแนะนำให้ลองคือ Salt-crusted Wagyu Roast Beef (880 บาท) เนื้อคุโรเกะวากิว เกรด A5 ก้อนโต ที่นำไปอบเกลือถึง 2 วัน ช่วยให้เนื้อมีความชุ่มฉ่ำ และหอมกว่าเดิม เมนูนี้จะมาโชว์ทุบก้อนเกลือให้เราดูก่อน จากนั้นเชฟจะนำไปสไลด์พอดีคำ แล้วจัดเสิร์ฟมาแบบสวยงามอีกครั้ง
“เนื้อมีความมีเดียมแรร์ ความหนากำลังดี เราชอบที่เป็นเนื้อ A5 แต่ยังมีเทกเจอร์ให้เคี้ยว สู้ฟันดี มาพร้อมกับกระเทียม และมีเครื่องเคียงเป็นแรดิชพอนสึ จะกินเนื้อแตะเกลือเฉย ๆ ก็อร่อยแล้ว หรือจะกินคู่กับเครื่องเคียงที่ความเปรี้ยวนิด ๆ ก็ยิ่งช่วยเสริมรสเนื้อให้อร่อยขึ้นมาก ๆ”


อีกหนึ่งเมนูที่เชฟมาทำให้ถึงห้องคือ Grilled Scallops Norimaki topped with Uni (480 บาท) หอยเชลล์ชิ้นโตจากฮอกไกโด ย่างบนเตาถ่านหอม ๆ วางบนสาหร่าย ท็อปด้วยอูนิฮอกไกโดฉ่ำ ๆ ที่ให้แบบไม่หวง โรยด้วยวาซาบิสดจากชิซูโอกะ

เสิร์ฟร้อน ๆ ทีละคน แนะนำให้กินทั้งคำ (คำใหญ่นิดนึงแต่ต้องสู้) จะได้ทั้งความหวานของหอยเชลล์ และมีความหอมจากการย่างถ่านอบอวลอยู่ พร้อมความมันจากอูนิ และวาซาบิที่ไม่เผ็ดฉุน แต่เสริมรสกันได้ดี ยกให้เป็น A Must!


และเมนูด้งที่เราร้องว้าวตอนเสิร์ฟคือ Mini DIY Seafood Don (ราคาตามชนิดปลาที่เลือก เริ่มต้น 370 บาท) เป็นข้าวด้งที่เราสามารถเลือกวัตถุดิบได้เอง 3 อย่าง มีให้เลือกทั้ง อูนิ โอโทโร่ ฟัวกราส์ คิมเมได และอีกเพียบ และยังสามารถเลือกชนิดข้าวได้ ระหว่างข้าวญี่ปุ่นที่ปรุงด้วย Red Vinegar (เหมาะกับปลาและเมนูที่มีความมัน) และ White Vinegar (เหมาะกับปลาเนื้อขาว) หรือจะเลือกเป็นแบบผสมก็ได้เช่นกัน
เมนูด้งจะมาแบบไซซ์ไม่ใหญ่มาก ปริมาณข้าวไม่เยอะ แต่ปริมาณปลาที่เสิร์ฟค่อนข้างใหญ่เลย วางสามอย่างมาแบบล้น ๆ และทุกถ้วยจะมาพร้อมกับไข่แดงดิบด้วยนะ


ปิดท้ายด้วยเมนูของหวานแบบญี่ปุ่นที่เราชอบมาก Towa Toro Kuromitsu Kinako (120 บาท) เต้าหู้สดจากเมืองฮิโรชิม่า ประเทศญี่ปุ่น ราดด้วยคินาโกะ และซอสคุโรมิตซึ (ผงถั่วเหลือง กับน้ำเชื่อมดำ) อีกเมนูเป็น Kuromitsu Kinako No Daifuku (150 บาท) ไอศกรีมวานิลลาที่ด้านในเป็นโมจินุ่มหนึบ ราดด้วยผงถั่วและน้ำเชื่อมดำบราวน์ชูการ์ กินรวมกันหวานมันกำลังดี
ต้องบอกว่าด้วยความที่ Shakarich เป็น A la Carte ทำให้จริง ๆ เมนูมีเยอะมาก ๆ ใครที่อยากกินอาหารญี่ปุ่นที่สดเหมือนไปนั่งกินปลาในตลาดปลาจริง ๆ ต้องลองมาสักครั้งแล้วล่ะ แนะนำว่าให้จองที่นั่งก่อน จะได้ไม่เสียเที่ยวนะ สำรองที่นั่ง/สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร: 02-086-7898 หรือ Facebook : Shakarich surawong
Shakarich Surawong
เปิดทุกวัน 11:00 – 03:00 น.
ถนนสุรวงศ์ (ตรงข้ามถนน ธนิยะ)
BTS ศาลาแดง/MRT สีลม | จอดรถได้ที่อาคารชาญอิสระ ทาวเวอร์ 1
Google Maps