มีใครบ้างที่ชอบอาหารเมดิเตอร์เรเนียน เพราะได้สัมผัสรสชาติของวัตถุดิบสด ๆ แบบเต็ม ๆ รวมถึงซีฟู้ดที่ยิ่งสดก็ยิ่งอร่อย แต่ในขณะเดียวกัน ความเป็นไทยก็ค้ำคอ ต่อให้ชื่นมื่นกับความสดของวัตถุดิบแค่ไหน แต่ก็ยังคิดถึงรสชาติจัดจ้าน และน้ำจิ้มซีฟู้ดอยู่เสมอ และเพราะ Saole Bangkok (ซาวเล) ร้านอาหารในย่านทองหล่อเขารู้ จึงพร้อมมอบประสบการณ์การกินอาหารเมดิเตอร์เรเนียนแบบใหม่ ที่ถูกจริตคนไทยมากขึ้น

Saole Bangkok ตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ 25 ที่หากใครเคยมาลองชิมกันแล้ว น่าจะคุ้น ๆ ว่า เอ๊ะ ที่นี่เคยเป็นร้าน ZaoLarb (ซาวลาบ) ภาคต่อของร้าน Zao (ซาว) ที่พาเราไปรู้จักวัฒนธรรมอาหารอีสานอย่าง ‘ลาบ’ กันมาก่อนนี่นา ซึ่งก็เข้าใจถูกแล้ว เพราะที่นี่ถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็น Saole พร้อมปรับปรุงตัวร้านและเมนูอาหารแบบใหม่หมด และยกจานลาบไปรวมกับ Zao Ekamai นั่นเอง


Routeen. บุกไปยัง Saole Bangkok กันตั้งแต่ร้านเพิ่งเปิด จึงมีโอกาสได้พบกับ คุณนีฟ – ฮะนีฟ พิทยาสาร เจ้าของร้านพอดิบพอดี จึงแอบถามถึงที่มาที่ไปกันสักหน่อย ว่ากว่าจะมาอยู่ในวงการ Food & Beverage ยาวนานกว่า 20 ปี คุณนีฟมีเรื่องราวการเดินทางอย่างไรบ้าง
เห็นทำร้านอาหารอีสานฟีลชิลล์ ๆ กินม่วนกินแซ่บมากมายแบบนี้ จริง ๆ แล้วคุณนีฟเป็นคนเชียงใหม่ เติบโตมากับครอบครัวใหญ่ที่กินอาหารแบบซีเรียส และไม่ได้มีแพชชั่นเรื่องอาหารมาตั้งแต่ต้น แต่กลับชอบด้านศิลปะและดีไซน์มากกว่า

แต่วันหนึ่งเมื่อมีโอกาสได้ไปเรียนอยู่มาเลเซีย คุณป้าของคุณนีฟเปิดร้านอาหารไทยอยู่ที่นั่นพอดี จึงจับพลัดจับผลูไปช่วยงานในร้านอาหารนี้ มีโอกาสได้เรียนรู้งานในครัว รวมถึงได้เรียนรู้การจัดงานในงานหน้าร้าน ทำให้ได้ทักษะของการทำร้านอาหารมาโดยไม่รู้ตัวตั้งแต่เด็ก

คุณนีฟทำงานอยู่ในร้านอาหารนั้นกว่า 5 ปี จึงเริ่มหวนกลับไปยังสิ่งที่ตัวเองชอบอย่างการเรียนดีไซน์ ที่ลงเรียนอนุปริญญาที่สิงคโปร์ แต่ยังคงไป ๆ มา ๆ อยู่ระหว่างการเรียนและการทำร้านอาหารอยู่เสมอ รวมถึงการเรียนนอกห้องเรียนผ่านการใช้ชีวิต อย่างการไปลองลิ้มชิมรสจานอาหารจ้านร้านอื่น ๆ หรือการลงมือปรุงอาหารในจานที่ไม่ได้ทำเมื่ออยู่ในร้านอาหาร หรืออยู่ในบ้าน ทำให้ซึมซับเรื่องของอาหารมาเรื่อย ๆ

ถึงเวลาที่คุณนีฟต้องกลับมาเชียงใหม่ จึงมองหาอะไรทำในช่วงนั้น เริ่มจากการทำงานโรงแรมในกลุ่ม Wellness เพื่อร่วมทำอาหารกับคุณหมอเพื่อสร้างจานอาหารให้ลูกค้าที่เข้าพัก ทำอยู่อย่างนั้นกว่า 2 ปี คุณนีฟจึงออกมาเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองในเชียงใหม่ในชื่อ Rustic & Blue โดยเก็บเสียงที่ได้ยินจากลูกค้าว่าเชียงใหม่ในยุคนั้น ยังไม่มีร้านแนวบรันซ์จริง ๆ และชาวต่างชาติที่อยู่ในเชียงใหม่มากมายก็ต้องการร้านบรันซ์แบบนี้
“เมื่อหันมามองในบ้านเราว่า มีที่ไหนบ้างที่เป็นอาหารซีฟู้ดเมดิเตอร์เรเนียน ที่บรรยากาศดี ๆ กลับกลายว่าเวลานึกถึงซึฟู้ดในบ้านเรา ภาพแรกที่คิดออกกลับเป็น ‘สวนอาหาร’ เสียอย่างนั้น”

นอกจากนั้น คุณนีฟยังทำงานอีกหลากหลายมาก ๆ ทั้งทำอิเวนต์ เป็นที่ปรึกษา จัดงานแต่งงาน ออแกไนเซอร์ แคเทอริง และอีกหลากหลายอย่างที่คุณนีฟสนใจก็จะก้าวขาเข้าไปลองเสมอ รวมถึงเปิดร้านอาหารโซลฟู้ดอย่าง Greensmoked | ร้านแกงเวฬา รวมถึงช่วงเวลาที่คุณนีฟได้มาเจอกับ คุณอีฟ – ณัฐธิดา พละศักดิ์ ที่ทำร้าน “ซาว” อยู่ที่อุบลราชธานี และตัดสินใจขยับขยายเข้ามาสู่กรุงเทพฯ นั่นเอง

แล้ว Saole Bangkok เกิดขึ้นมาได้อย่างไร? ต้องบอกว่าส่วนตัวคุณนีฟชอบอาหารเมดิเตอร์เรเนียนทางฝั่ง Sicilian (ซิซิเลียน) มาก แต่ด้วยความเป็นคนไทย แม้วัตถุดิบสดและปรุงมาอร่อยแค่ไหน ก็ยังรู้สึกว่าจากอะไรไป
ความจัดจ้านอย่างรสเปรี้ยวโดด เผ็ดซ่อน เค็มนัวจากน้ำปลาร้า หรือความแซ่บจากน้ำจิ้มซีฟู้ดที่เราคุ้นเคยยังอยู่ในความต้องการลึก ๆ เสมอ เมื่อหันมามองในบ้านเราว่า มีที่ไหนบ้างที่เป็นอาหารซีฟู้ดเมดิเตอร์เรเนียน ที่บรรยากาศดี ๆ กลับกลายว่าเวลานึกถึงซึฟู้ดในบ้านเรา ภาพแรกที่คิดออกกลับเป็น ‘สวนอาหาร’ เสียอย่างนั้น

ไอเดียการทำร้านที่ Proper แต่ยัง Casual สำหรับอาหารเมดิเตอร์เรเนียนซีฟู้ดแบบไทย ๆ นี้จึงเกิดขึ้น โดยได้ คุณกาย – ไล มิตรวิจารณ์ เจ้าของร้าน Tonkin – Annam และเพื่อนของคุณนีฟ มาตั้งคำถามเพิ่มให้ว่า “ทำไมถึงไม่ทำอาหารยูนนาน บ้านเกิดของครอบครัวคุณนีฟล่ะ?” จึงลองเอาความเป็นยูนนานเข้ามาใส่ในซีฟู้ด (ที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้แน่ ๆ เพราะยูนนานเป็นภูเขา ที่ไม่มีพื้นที่ติดทะเล) เกิดเป็นคอนเซปต์ที่เราเห็นห้อยท้ายชื่อร้านอย่าง Sea + Mountain ขึ้นมา

และยังพ้องเสียงกับคำว่า Sole (โซเล) ในภาษาอิตาเลียน ที่แปลว่า “ดวงอาทิตย์” ครบทั้งทะเล ภูเขา และดวงอาทิตย์ (งานออกแบบโลโก้จะเห็นว่าที่ตัว O จะใหญ่และหนากว่าตัวอักษรอื่น ๆ เพราะอยากให้แทนดวงอาทิตย์นั่นเอง)


แต่ก็ยังแอบใส่งานดีไซน์เข้ามาเติมสีสันให้กับตัวร้าน ทั้งเฟอร์นิเจอร์ ของประดับ ไปจนถึงผ้าปูโต๊ะที่ปักลวดลายสัตว์ประหลาดจากใต้ท้องทะเลเอาไว้ ทั้งปลา Frogfishes ที่ผสมกับพริก หรือสาวในน้ำที่ออกมาจากหอย และสัตว์อื่น ๆ ที่ได้หลานของคุณนีฟ และ คุณโอ – ศรัณย์ เย็นปัญญา มาช่วยออกแบบให้

มาพร้อมครัวแบบเปิดที่ติดกระจกใสบานใหญ่ ให้เราได้เห็นขั้นตอนการทำงานหลังครัวแบบชัด ๆ หรือถัดไปข้าง ๆ ก็เป็นเคาน์เตอร์ที่เอาไว้แล่ปลา และยังมีตู้ดรายเอจที่เอาไว้ดรายเอจทั้งปลา และเนื้อวัวด้วย รวมถึงบาร์เล็ก ๆ ที่พร้อมเสิร์ฟคลาสสิกค็อกเทล
และยังมีไวน์ที่สามารถเลือกขวดที่ถูกใจมาดื่มคู่กับอาหารที่สั่งได้เช่นกัน โดยคาแรกเตอร์ของไวน์ที่นี่จะไม่เข้ม และไม่แข็งจนเกินไป เพื่อให้ดื่มกันได้ทั้งวัน (ส่วนใครยังคิดถึงเมนูลาบ แจ่วฮ้อน ของ ZaoLarb อยู่ ก็ไม่ได้หายไปไหนนะ เมนูทั้งหมดถูกยกไปไว้ที่ Zao เอกมัยแล้ว ตามไปแซ่บกันได้เลย)

หากจะให้จำกัดความอาหารของที่นี่ น่าจะเรียกได้ว่าเป็น “ร้านอาหารซีฟู้ดแบบไทย-จีน ที่มีกลิ่นอายเมดิเตอร์เรเนียน” ทางร้านเลือกวัตถุดิบในประเทศมาใช้เป็นหลัก ทั้งกุ้ง หอย ปู จากฝั่งอ่าวไทย และปลาทะเลจากฝั่งอันดามัน เพราะอยากให้เป็นวัตถุดิบแบบเป็น ๆ ส่วนมาก ถึงอย่างนั้นก็ยังมีวัตถุดิบนำเข้าไม่น้อย อาทิ กุ้งแกมแบโรรอซโซ ที่มาจากเมืองมาซาลา ประเทศอิตาลี หรือเพรียงทะเลที่มาจากฝั่งสเปนและโปรตุเกส ก็สามารถหาชิมได้ที่นี่เช่นกัน


เรามีโอกาสลองหลายจาน เริ่มที่ Starter อย่าง เพรียงคอห่าน (1,150 บาท) เป็นสายพันธุ์หนึ่งของเพรียงทะเลที่สามารถกินได้ นำไปหมักกับ Fish Sauce Olio เป็นเมนูหากินยากที่อยากให้มาลองสักครั้ง ตัวน้ำปลาหมักรสหวานปลาย ซึมเข้าไปในเนื้อเพรียงนุ่มเด้ง กินเล่นก็ได้ กินกับข้าวก็ดี อีกจานกับ ครูโดกุ้งแกมแบโรรอซโซ และปลาช่อนทะเล (1,150 บาท) ที่ราดด้วยซอสสูตรเฉพาะของทางร้าน ก็เป็นครูโดอีกจานที่สดชื่นดีเชียวล่ะ


ต่อกันที่ Secondi อย่าง กุ้งแชบ๊วยซอสบัตเตอร์เลมอน (850 บาท) อีกหนึ่งจานที่เชฟแนะนำให้ลอง ซึ่งจานนี้มาจัดจ้านกว่าเดิม เพราะนอกจากกระเทียม เนย เลมอนแล้ว ยังผัดด้วยซอสสูตรพิเศษที่ถึงเครื่องมากขึ้น และเพิ่มความเปรี้ยวด้วยส้มจี๊ดที่ใส่มาเป็นลูก ๆ ให้เราบีบเพิ่มได้ แอบบอกว่าเอา ขนมปังปลา ที่ใช้แป้ง T55 เป็นหลักมาทำ ปาดซอสผัดจานนี้กินร่วมด้วย ก็คืออร่อยแบบใหม่ ๆ เลยล่ะ

เติมคาร์บกันสักหน่อยกับ ข้าวอบขากบภูเขาหม้อดิน (850 บาท) ขากบจากภูเขาฝั่งเหนือที่นำไปหมักจนเข้าเนื้อ นำไปอบกับข้าวหอมมะลิประมาณ 20 นาที เสิร์ฟพร้อมพริกคั่วน้ำมันสไตล์ยูนนาน บอกเลยว่าขากบที่นี่ใหญ่สะใจดีมาก ๆ

ลองสั่ง หมึกหวานงาขี้ม่อน (490 บาท) มาเพิ่มเป็นกับข้าว จานนี้คือการหยิบวัตถุดิบจากภูเขาและทะเลมารวมกันไว้อย่างลงตัว นำมาผัดกับกระเทียม พริก และซอสงาขี้ม่อนเคี่ยว ท็อปด้วยงาขี้ม่อนคั่วเม็ด เป้นอีกจานที่้เราชอบมาก ๆ ในวันนี้เลยล่ะ

หากเป็นแฟน “ซาว” อยู่แล้ว คงมั่นใจในเรื่องของรสชาติที่ถึงเครื่องได้ และแม่ที่นี่จะเป็นซีฟู้ดแบบซิซิเลียน แต่ก็ยังคงความจัดจ้านแบบไทยไว้อย่างนั้นเช่นกัน ถือเป็นอีกหนึ่งการเปิดโลกอาหารเมดิเตอร์เรเนียนแบบใหม่ ๆ ที่ถูกปากมากขึ้น และกลับมาซ้ำได้บ่อย ๆ ไม่เบื่อเลยล่ะ
Saole Bangkok
เปิดทุกวัน เวลา 11:30 – 14:30 น. และ 17:30 – 24:00 น. (เสาร์ – อาทิตย์เปิด 11:30 – 24:00 น.)
ซอยทองหล่อ 25 คลองตันเหนือ วัฒนา
BTS ทองหล่อ แล้วต่อพี่วิน | มีที่จอดรถ