แม้ว่าในย่านพระราม 2 (ถนนในตำนานที่ทำไม่เสร็จสักที) จะมีร้านอาหารเอเชียอยู่หลายร้าน โดยเฉพาะร้านอาหารจีนสุดคลาสสิก อาทิ ครัวเจ๊ง้อ หรือเล่งหงษ์ แต่ยังมีอีกหนึ่งร้านอาหารเอเชียที่ซ่อนตัวอยู่ในย่านนี้ ที่ Routeen. คิดว่าแม้จะเป็นร้านใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานนัก (ประมาณ 8 เดือน) แต่รสชาติก็มัดใจลูกค้าหลายคนให้เป็นขาประจำได้ กับร้าน แสนเฮง SANHENG

และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์นี้ก็ต้องขอยกความดีความชอบให้กับ คุณป๊อป – โรจนพล ลิ้มสุมังคลกุล เจ้าของร้าน Sanheng และ Head Chef ประจำร้าน ที่เราแอบได้ยินเรื่องราวอันน่าสนใจของเขาจนต้องขอจับตัวมานั่งคุยกันสักหน่อย คุณป๊อปบอกกับเราว่าร้านนี้ประกอบไปด้วยพาร์ตเนอร์ท่านอื่น ๆ รวม 7 ท่าน ประกอบไปด้วย คุณนันทกร ลิ้มสุมังคลกุล, คุณรวีวรรณ เพ่งเล็งผล, คุณชัญญา วิชญเมธากุล, คุณวศิน อยู่ประเสริฐชัย, คุณธีรฉัตร วิโรจน์สกุลชัย, คุณไตรรงค์ อารีเพิ่มพร และคุณชรินทร์ สรรค์พฤกษ์สิน แต่เรื่องของอาหารและเมนูทั้งหมดของร้าน คุณป๊อปจะเป็นผู้ดูแล ด้วยความชอบและคลุกคลีกับการทำอาหารมาอย่างยาวนาน โดยเริ่มเรียนการโรงแรมที่วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยศิลปากร ในเวลานั้น แม้คุณป๊อปจะโฟกัสไปที่งานครัว แต่เรื่องส่วนต่าง ๆ ของภายในโรงแรมก็ไม่ได้ปิดกั้นเช่นกัน ทำให้คุณป๊อปได้ลงไปเรียนรู้เรื่องงานขาย จนเมื่อเรียนจบจึงมีโอกาสได้ไปเป็นฝ่ายขายอยู่ที่โรงแรมอนันตรา ริเวอร์ไซต์ ย่านเจริญนคร


ในเวลานั้น คุณป๊อปรู้ตัวแล้วว่าการเป็นฝ่ายขาย เป็นผู้ประสานงาน ไม่น่าจะใช่หนทางที่ตัวเองชอบ จึงเบนเข็มไปไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลียแทน เมื่อค่าครองชีพสูง ทำให้จำเป็นต้องหางานทำเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติมด้วย พอรู้อย่างนั้นคุณป๊อปจึงสร้างฝีมือให้กับตัวเองก่อนเดินทางด้วยการไปเรียนทำอาหารไทยไว้ก่อน พร้อมกับหางานในร้านอาหารที่ออสเตรเลียเอาไว้ล่วงหน้า “ผมไปถึงวันแรก ก็มีงานทำเลย เพราะเตรียมตัวทุกอย่างเอาไว้ก่อนแล้ว” คุณป๊อปเล่าให้ฟัง
แน่นอนว่าตำแหน่งแรกของคนครัวที่ยังไม่มีประสบการณ์มาก่อนย่อมเป็นงานล้างจาน เดินทางมาสู่ตำแหน่งงานในครัว (ที่ร้านอาหารใหม่) ที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ร้านอาหารไทยเล็ก ๆ ไปยังร้านอาหารไทยใหญ่ ๆ จนได้มาทำในร้านอาหารเอเชียที่มีชื่อในออสเตรเลีย อยู่อย่างนั้นประมาณ 8-9 ปี จนเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ทำให้คุณป๊อปเลือกที่จะเดินทางกลับมายังประเทศไทยอีกครั้ง
“ด้วยประสบการณ์ในการเป็นเชฟร้านอาหารเอเชียมาอย่างยาวนาน จึงไม่แปลกที่ร้าน แสนเฮง Sanheng จะเสิร์ฟอาหารสไตล์เอเชียให้เราได้ลองชิม โดยตั้งใจอยากให้บรรยากาศของร้านดูจีนนิด ๆ หว่องหน่อย ๆ จากแสงไฟของร้าน”

การกลับมาประเทศไทยในช่วงที่ยังมีโควิด-19 อยู่จึงนับเป็นอีกหนึ่งชาเลนจ์ของคุณป๊อป แต่ด้วยประสบการณ์และฝีมือที่สั่งสมมา ทำให้คุณป๊อปได้เป็นเชฟในร้านอาหารใหญ่ ๆ ของไทยมากมาย อาทิ Leon By Cocotte และ Bo.Lan ถึงอย่างนั้นการทำธุรกิจร้านแอาหารในช่วงเวลาที่มีการควบคุมโรคอย่างเข้มงวดก็ทำให้ชีวิตเชฟเดินต่อไม่ง่ายนัก หลังจาก Bo.Lan ปิดตัวลง คุณป๊อปก็เลือกทำอาหารกล่องออนไลน์ โดยมองวิกฤติเป็นโอกาสว่าน่าอาจจะถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องมีกิจการเป็นของตัวเอง ในที่สุดก็มีหน้าร้านของตัวเองเป็นครั้งแรก กับร้าน “สุกี้เฮียหนวด” ในย่านเจริญราษฎร์
ในขณะที่ร้านสุกี้เฮียหนวดกำลังไปได้สวย พอถึงเดือนที่ 5 ของการเปิดร้านสุกี้ ก็ทราบข่าวมาว่าทางบ้านมีตึกแถวห้องหนึ่งอยู่ที่ย่านพระรามสอง ที่มีคุณหมอเช่าเปิดเป็นร้านรักษาสัตว์มากว่า 30 ปี เมื่อทางคุณหมอไม่ต่อสัญญา ทำให้ตึกแถวนี้ไม่ได้ใช้งาน และนี่จึงเป็นที่มาของ แสนเฮง Sanheng นั่นเอง

ด้วยประสบการณ์ในการเป็นเชฟร้านอาหารเอเชียมาอย่างยาวนาน จึงไม่แปลกที่ร้าน Sanheng จะเสิร์ฟอาหารสไตล์เอเชียให้เราได้ลองชิม ผ่านการตกแต่งร้านที่ล้อไปกับอาหารเอเชีย และชื่อร้านด้วย โดยแฟนคุณป๊อปและเพื่อนช่วยกันออกแบบภายในร้าน โดยตั้งใจอยากให้เป็นฟีล Cafeteria หน่อย ๆ หยอดสีเขียวที่มองสบายตา และเป็นสีที่คุณป๊อปชอบลงไปกับร้านโทนขาว ทำให้บรรยากาศของร้านดูจีนนิด ๆ หว่องหน่อย ๆ จากแสงไฟของร้าน

ฟังเรื่องราวของคุณป๊อปจนอินขนาดนี้ Routeen. จึงขอชิมหลายจานพิสูจน์สักหน่อย เราเริ่มด้วย สุกี้เฮียหนวด (90 บาท หากเป็นกุ้ง/เนื้อ หรือเบคอน 120 บาท และรวมมิตร 150 บาท) เมนูที่ไม่มีไม่ได้ และหยิบมาจากการเปิดร้านชื่อเดียวกับเมนูนี้อย่างที่เราเล่าให้ฟังไปนั่นแหละ สุกี้แห้งผัดมาเข้มข้น เส้นเหนียวหนึบ กับซอสที่มีรสชาติกลมกล่อม เปรี้ยวและเค็มนำเล็กน้อยจากกระเทียมดองและน้ำส้มสายชู สูตรไม่ใส่เต้าหู้ยี้ โดยได้สีแดงมาจากพริกและมะเขือเทศ ชิมแล้วคิดถึงสุกี้ช้างเผือกที่เชียงใหม่นิด ๆ (แต่ไม่เหมือนเสียทีเดียว) ที่สำคัญคือหอมกลิ่นกระทะมาก ๆ และคุณป๊อปบอกกับเราด้วยว่า รสชาติมาจากรสมือโดยไม่ใส่ผงชูรสเลยทุกเมนู


ตามมาด้วย หมูกรอบ (300 บาท) ที่ต้องพรีออเดอร์ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วันนะ ที่โดดเด่นกว่าหมูกรอบเจ้าไหนตรงที่บริเวณส่วนเนื้อด้านล่างจะหมักกับผงพะโล้คั่วเกลือ พริกไทย ห่อฟอยล์แล้วนำไปย่าง เรียกว่าเป็นการ Sous Vide ด้วยวิธีการอบ ส่วนหนังฟูกรอบแบบที่อยู่กึ่งกลางระหว่างสไตล์ไทยกับฮ่องกง คือไม่บางไฟ ไม่ฟูไป เสิร์ฟคู่กับซีอิ๊วหวาน และน้ำจิ้มซีฟู้ดแซ่บสไตล์ของทางร้าน บอกเลยว่าหมูกรอบที่นี่คือเนื้อนุ่ม หนังฟู และชั้นไขมันละลายดีจริง



ต่อกันที่ ไก่ทอดซอสเกาลูน (120 บาท) ปีกบนทอด นำไปคลุกกับซอสที่ทางร้านทำซอส Chu Hou ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นซอสสไตล์ฮ่องกง รสชาติเปรี้ยวหวาน มีกลิ่นขิงและสมุนไพรชัดเจน ใครชอบกลิ่นขิงน่าจะชอบจานนี้ได้ไม่ยาก กับ หมูเปรี้ยวหวานแบบจีน (150 บาท) หมูหมักคลุกแป้งแล้วนำไปทอด ก่อนนำมาผัดกับซอสที่มีส่วนประกอบของมะเขือเทศ บ๊วย ซอสเปรี้ยวฝรั่ง และเหล้าจีน



ซดซุปกันหน่อยกับ ต้มบ๊วยหมูสับ (150 บาท) ที่นี่จะตีหมูสับให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ กระจายไปทั่วซุป ไม่ได้ปั่นมาเป็นหมูสับก้อน กับซุปรสเปรี้ยวเค็ม เช็ง ๆ หน่อย ซดได้คล่องคอแม้ไม่กินคู่กับข้าวสวย แต่ส่วนตัวแล้วเราว่าหากรสเข้มกว่านี้อีกนิดจะกินกับข้าวได้อร่อยขึ้นอีก กับอีกจานเป็น ข้าวผัดปู (250 – 550 บาท) ทางร้านมีพาร์ตเนอร์ส่งปูสดมาจากสมุทรสงคราม ข้าวผัดสไตล์ Wok หอมกลิ่นคั่วกระทะซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่อยู่ไม่น้อย แล้วค่อยมาท็อปด้วยเนื้อปูแบบเน้น ๆ ไม่นำไปผัดรวมกับข้าวด้วยเพื่อไม่ให้เนื้อปูแตกกระจายหายไป ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดลงไปด้วยหน่อย หมดจานแบบไม่รู้ตัวกันเลย


นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มน่าลองอย่าง ชาไทย (95 บาท) ที่ทางร้านหมักชาเอาไว้ 12 นาที ก่อนนำมาชักอีก 18 รอบ เสิร์ฟมาในรูปแบบขวดที่สามารถเสิร์ฟได้ถึง 3-4 แก้ว ดื่มไม่หมดก็ถือขวดกลับบ้านไปได้ด้วยนะ กับของหวานอย่าง ปังเย็นไมโล (60 บาท) ที่เอาใจสายหวาน เป็นการปิดท้ายมื้อใหญ่ของเราวันนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ


เรามองเห็นถึงแพชชั่น ความสนุกในการทำอาหาร และการคลุกคลีอยู่ในครัวมาอย่างยาวนานของคุณป๊อป ที่สะท้อนออกมาผ่านอาหารแต่ละจานออกมาได้อย่างชัดเจน รวมถึงความสนุกในอาคารหลังนี้ ที่เราอาจจะได้เจอการเปลี่ยนแปลงอะไรอีกหลายอย่างในอนาคต ทั้ง Showheng Grocery ร้านโชห่วยรวมของเจ๋ง ๆ ที่ชั้น 2 ของร้าน ที่จะเปลี่ยนแปลงไป ไปจนถึงแว่ว ๆ มาว่าเราอาจจะได้เห็นบาร์ลับ ๆ ซ่อนอยู่หลังร้าน Sanheng ด้วยนะ แต่ตอนนี้ใครกำลังมองหาร้านอาหารเอเชียถูกปากไว้ฝากท้อง ลองลิสต์ร้านนี้ลงไปเพิ่มดูก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะ
SANHENG
เปิดทุกวัน (เว้นวันอังคาร) เวลา 11:00 – 21:00 น.
ถนนพระราม 2 จอมทอง
BTS ตลาดพลู แล้วต่อแท็กซี่ | มีที่จอดรถ