Restaurant I-SANG ร้านอาหาร ไฟน์ไดนิง สไตล์เกาหลี โดยเชฟมิชลิน Steve Sanggun Lee ที่สนุกกับการหยิบจับเอาวัตถุดิบท้องถิ่นมาใส่ลงในจานเมืองโสม

แม้ Routeen. จะพาไปสัมผัสกับประสบการณ์การทานอาหารแบบไฟน์ไดนิงมาหลายครั้ง แต่กับ ร้านอาหาร ไฟน์ไดนิง แบบเกาหลี น่าจะเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่หาไม่ได้ง่ายนักในกรุงเทพฯ ยิ่งเป็น ร้านอาหาร ที่ได้เชฟระดับมิชลินมารังสรรค์จานอาหารให้เราแล้วด้วยยิ่งเหมือนยากคูณสองขึ้นไปอีก การได้มาที่ Restaurant I-SANG จึงถือเป็นการเช็กลิสต์ร้าน ไฟน์ไดนิง ที่อยากมาลองสักครั้ง

Restaurant I-SANG ร้านอาหาร ไฟน์ไดนิง สไตล์เกาหลี

Restaurant I-SANG (เรสเตอรองก์ อี-ซัง) เพิ่งเปิดตัวสด ๆ ร้อน ๆ ในรูปแบบ Soft Opening เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมานี้เอง ตัวร้านตั้งอวดโฉมอยู่บริเวณปลายบันไดชั้นสองของอาคาร Vivre หลังสวน ภายนอกของตัวร้านเลือกใช้วัสดุหินธรรมชาติสีอ่อนที่ช่วยทำให้ร้านดูหรูหราขึ้น แทรกเส้นสายที่มองแล้วคล้ายม่านที่กำลังถูกเปิดออก แล้วเชื้อเชิญให้เราก้าวเท้าเข้าไปหลังประตูบานนี้

ร้าน อาหาร กรุงเทพ fine dining Korean
I-SANG ร้าน อาหาร เกาหลี หลังสวน Routeen.

ด้านในจะแบ่งร้านออกเป็นสองฝั่งด้วยกัน โดยขวามือจะเป็นพื้นที่ปรุงอาหารในรูปแบบ Open Kitchen ที่ให้เรามองเห็นการทำงานของเหล่าเชฟได้อย่างชัด ๆ มีบาร์เครื่องดื่มตั้งอยู่บริเวณตรงข้ามประตู ส่วนซ้ายมือจะเป็นโซนที่นั่ง โดยมีห้อง Private Room จำนวน 1 ห้อง

I-SANG ร้าน อาหาร เกาหลี หลังสวน Routeen. เที่ยว ดื่ม fine dining

ตกแต่งด้วยโทนสีสว่างเชื่อมโยงกับพื้นที่ด้านนอก และเน้นการใช้ลูกเล่นของไฟส่องสว่างภายในร้าน ที่ทำให้ตัวร้านด้านในดูมีมิติมากขึ้น (เราชอบที่แม้งานไฟในร้านจะไม่ได้สว่างจนมองเห็นทุกสิ่งเช่นเดียวกับ ร้านอาหาร ไฟน์ไดนิง ส่วนใหญ่ แต่ทางร้านเน้นการจัดไฟให้ลงมายังโต๊ะอาหารแบบชัด ๆ ทำให้เรายังมองเห็นอาหารในจานได้อย่างชัดเจนแบบไม่ต้องเพ่ง) เติมด้วยหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่นอกจากจะได้แสงสว่างจากไฟเมืองด้านนอกมาช่วยแล้ว ยังทำให้ร้านดูไม่ทึบ และลดความอึดอัดลงด้วย

Routeen. Steve Sanggun Lee เชฟ เกาหลี

นี่คือเส้นทางแห่งการทำอาหารครั้งใหม่ของเชฟชาวเกาหลีใต้ระดับรางวัลมิชลินอย่าง Steve Sanggun Lee เชฟสตีฟอยู่ในแวดวงอาหารนานาชาติมายาวนานกว่า 10 ปี เริ่มสะสมทักษะการทำอาหารตั้งแต่อยู่ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ก่อนได้มาเป็น Head Chef อยู่ที่ร้าน Hansik ในเกาะฮ่องกง

Restaurant I-SANG ครัว เปิด ร้านอาหาร เกาหลี หลังสวน ชิดลม กรุงเทพ

และร้านนี้ก็ได้รับดาวมิชลินดวงแรกมาเมื่อปี พ.ศ. 2565 แถมยังเป็นร้านอาหารเกาหลีแห่งแรกที่ได้รับการยอมรับจาก MICHELIN Guide Hong Kong & Macau อีกด้วย นอกจากนี้ เชฟสตีฟยังเฉิดฉายด้วยการได้รับ Young Chef Award ของ Michelin Guide ในปีถัดมาเช่นกัน

Restaurant I-SANG ครัว เปิด ร้านอาหาร เกาหลี หลังสวน ชิดลม กรุงเทพ ดินเนอร์ korean

และครั้งนี้เขาก็ตั้งใจที่จะถ่ายทอดมุมมองใหม่ ๆ ของอาหารเกาหลี ที่ข้ามพรมแดนและประเพณีมานำเสนอยังประเทศไทย เราจึงจะได้พบเมนูอาหารเกาหลี ที่มีความสอดคล้องกับเรื่องความเชื่อ และประเพณีของบ้านเขา ประกอบกับการหยิบจับเอาวัตถุดิบท้องถิ่นในประเทศไทยบ้านเรา เข้ามาเป็นส่วนประกอบในอาหารเกาหลีทุกจานอย่างกลมกลืนและแปลกใหม่

Restaurant I-SANG Wine Pairing

โดยคอร์สที่เราได้ลองจะมาในชื่อ “กึน” (Gun – ราคา 3,980++ บาทต่อท่าน) ซึ่งมาจากชื่อของเชฟนั่นเอง และยังเชื่อมโยงกับชื่อของร้านอย่าง Restaurant I-SANG ที่เป็นชื่อของเชฟเช่นกัน (หากอ่านครบทั้งชื่อร้านและชื่อคอร์ส ก็จะได้เป็นชื่อ อีซังกึน ซึ่งเป็นชื่อเกาหลีของเชฟสตีฟ)

นอกจากนี้ เราจะเห็นเครื่องหมายที่คล้ายกับข้อความปีกนก และมีตัว I อยู่ระหว่างกลาง เป็นลูกเล่นและคล้ายกับเป็นลัญลักษณ์ของร้านอยู่เสมอ แท้จริงแล้วคือการหยิบเอาตัวอักษรภาษาเกาหลีอย่าง “กึน” มาพลิกเป็นแนวตั้งนั่นเอง

Routeen. ไวน์ เครื่องดื่้ม อาหาร เกาหลี

สำหรับใครที่มองหาเครื่องดื่มมา Pairing ด้วย ก็ต้องบอกว่าที่นี่มีไวน์ให้เลือกหลายตัวมาก ๆ โดยสามารถสั่งมาเป็น By Glass หรือยกขวดก็ได้ (ราคาประมาณ 390 – 490 บาทต่อแก้ว) นอกจากนี้ยังมีสาเก และเบียร์สดให้เลือกด้วยเช่นกัน (ยังไงอาหารเกาหลีก็เข้ากับเบียร์จริง ๆ แหละเนอะ) ซึ่งในเร็ว ๆ นี้ ทาง Restaurant I-SANG ก็จะมี Wine Pairing ให้เลือกเช่นกันนะ

Restaurant I-SANG Samgye Tang & Chogye Salad Tart ซุปโสมไก่เกาหลี

เริ่มเปิดต่อมรับรสกันด้วย Bite เล็ก ๆ ที่พรีเซนต์อลังการงานสร้างมาก กับ Samgye Tang & Chogye Salad Tart ซุปโสมไก่เกาหลี ที่ใช้เป็นไก่ต๊อกที่นำไปตุ๋นกับโสมเกาหลี และสมุนไพรจีนอีกมากมาย ที่ทางร้านยกไก่ต๊อกทั้งตัว และสมุนไพรต่าง ๆ มาให้เราได้เห็นกันแบบจึ้ง ๆ ด้วย

Routeen. อาหาร เกาหลี Restaurant I-SANG Samgye Tang & Chogye Salad Tart ซุปโสมไก่เกาหลี

ส่วนตัวทาร์ตด้านในจะเป็นผักที่ปรุงรสกับซอสมัสตาร์ดเกาหลี ท็อปด้วยไก่หยองที่เอามาจากเนื้อไก่ที่ทำน้ำซุปนั่นเอง เพิ่มรสชาติด้วยแรดิชขูด แนะนำให้ดื่มซุปก่อน แล้วค่อยตามด้วยทาร์ต กินคู่กับ White Wine สักแก้วที่ออกรสหวานหน่อย ก็เข้ากับซุปและไบต์คำนี้ได้ดี

Restaurant I-SANG ร้านอาหาร ไฟน์ไดนิง สไตล์เกาหลี HWEH

ยังไม่หมดในส่วนของ Bite เพราะเชฟยังเสิร์ฟต่อเนื่องด้วย Appetizer แบบดิบสองจาน ได้แก่ Hweh เชฟเลือกใช้ปลาท้องถิ่นในน่านน้ำไทย ที่แต่ละครั้งก็จะได้วัตถุดิบที่ไม่เหมือนกัน อย่างวันที่เราไปชิมนั้นจะเป็นปลากะมงพร้าว ด้านในจะเป็นกิมจิเต้าเจี้ยว แล้วห่อด้วยใบชะพลู ท็อปด้วยเม็ดพริกไทยเสฉวน จานนี้ต้องบอกว่าปลาสดดี ได้รสเค็มอ่อน ๆ คล้ายรสบ๊วย และยังมีกล่นสโมกหน่อย ๆ ด้วย

ร้าน อาหาร เกาหลี Steve Sanggun Lee Yukhweh

ต่อกันที่ Yukhweh บีฟทาทาร์สไตล์ยุกเกะที่เราคุ้นเคยกันดี ทาซอสพลัมและโคชูจังลงบนเนื้อ แทรกระหว่างชิ้นเนื้อด้วยลูกแพร์กับพริกชิชิโต โรยด้วยไข่แดงเค็มขูด และผงเม็ดมะม่วงหิมพานต์ สำหรับเรายุกเกะทำออกมาดี เสียดายที่รสของไข่เค็ม หรือแม้แต่การอยากเสริมความมันจากไข่แดงลงบนคำนี้ยังไม่ค่อยออกเท่าไหร่ แต่ก็เป็นคำที่อร่อยอยู่

“เราจะได้พบเมนูอาหารเกาหลี ที่มีความสอดคล้องกับเรื่องความเชื่อ และประเพณีของบ้านเขา ประกอบกับการหยิบจับเอาวัตถุดิบท้องถิ่นในประเทศไทยบ้านเรา เข้ามาเป็นส่วนประกอบในอาหารเกาหลีทุกจานอย่างกลมกลืนและแปลกใหม่”

ขนมปัง เกาหลี Jjin-Bbang

และ Jjin-Bbang ขนมปังเกาหลีที่เชฟสตีฟทวิสต์ออกให้เป็นสไตล์ไทย ข้างในสอดไส้ด้วยเนื้อขนุนกับพาร์เมซานชีส ที่เชฟนำเนื้อขนุนไปตุ๋นกับซอสถั่วเหลืองของเกาหลีจนเนื้อเนียน คำนี้จะได้กลิ่นหอมจากน้ำมันวัวที่เชฟทาลงบนขนมปังด้วย เป็นรสชาตืใหม่ ๆ ที่ไม่คุ้นเคย แต่อร่อยไม่น้อยทีเดียว

Restaurant I-SANG หลังสวน Routeen. MUK

เริ่มจานแรกกับ Muk (มุกในภาษาเกาหลีหมายถึง เยลลี่) ตัวเยลลี่สีขาวด้านบนทำมาจากถั่วเขียว ท็อปด้วยคาเวียร์ ส่วนตัวฐานจะเป็นแตงกวา ลูกแพร์สด และ Semi Tomato Dry ที่นำมาทำเป็นครันซ์

ตอนเสิร์ฟเชฟจะมาราดโคเรียนสไปซีซอสลงไป ที่เสริมรสเปรี้ยวด้วยนำส้มสายชู เวลากินให้คลุกเคล้าเข้ากัน จานนี้จะได้ความรู้สึกเหมือนกำลังกินหมี่เย็นเกาหลีอยู่ไม่น้อย

อาหาร เกาหลี Perilla Oil Guksu

ต่อด้วย Perilla Oil Guksu กุ๊กซูเส้นโฮมเมดที่ทำมาจากกุ้ง ราดด้วยซอสงาขี้ม่อน ท็อปด้วยซูกินีเกาหลี แล้วโรยด้วยเมล็ดงาขี้ม่อน เป็นการประยุกต์วัตถุดิบไทยเข้ามาใช้ร่วมได้อย่างน่าสนใจ

เส้นมีสัมผัสคล้ายโซบะ เหนียวกำลังดีแต่ไม่ถึงกับหนึบ และรสชาติกลมกล่อม ถึงเครื่องมาก ๆ เป็นอีกจานที่แขกหลายคนชื่นชอบจนอยากให้เชฟมาเป็นร้านจานเส้นแยกเลยทีเดียว

เชฟ สตีฟ เกาหลี The Birth Routeen.

The Birth จานนี้ถูกดัดแปลงมาจากประเพณีดั้งเดิมของชาวเกาหลีใต้ ที่จะกินซุปสาหร่ายในวันเกิด เขฟสตีฟเลือดเสิร์ฟจานนี้เพราะเหมือนร้านนี้ก็เพิ่งถือกำเนิดขึ้น และอยากให้เราเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองครั้งนี้ด้วย

เชฟ สตีฟ เกาหลี The Birth Routeen. Bangkok Fine Dining

จานนี้ประกอบไปด้วยเนื้อปลาเก๋ามังกรในซุปสาหร่ายที่เนื้อแน่น สด และเฟิร์มดีมาก ๆ ซุปสาหร่ายที่ใช้หอยตลับกับแอนโชวีซอสทำซุปก็รสอ่อนซดง่าย และไชเท้าที่มีความ Pickle เล็ก ๆ แทรกสาหร่ายเข้ามาช่วยสร้างรสได้มากขึ้น

KFC - Korean Fried Crab Routeen. ปูนิ่ม ทอด

คั่นด้วย Complimentary Dish จากทาง ร้านอาหาร กับ KFC – Korean Fried Crab ปูนิ่มทอดกรอบแล้วนำไปคลุกกับซอสเกาหลี และโคชูจัง โรยด้วยกระเทียมและหอมแดงที่ทำเป็นครัมเบิล เคียงด้วยยอดมะพร้าวอ่อนที่นำไปดองกับขิง แทนที่จะเป็นไชเท้าหั่นเต๋าดองทั่วไป เป็นอีกหนึ่งจานที่อร่อยเซอร์ไพรส์ และเรื่องของทอดเกาหลีก็ไม่เคยผิดหวังเลย

Restaurant I-SANG Subak Routeen.

คั่นด้วยจานล้างปากสร้างความสดชื่นด้วย Subak แตงโมซอร์เบต์ ท็อปด้วยกรานิตาแตงกวา และมะนาวนิ้วมือ ที่ช่วยเสริมรสเปรี้ยวหน่อย ๆ ได้ แอบบอกว่าคนไม่ชอบแตงกวาอย่างเราก็กินจานนี้ แถมยังอร่อยด้วยนะ

Restaurant I-SANG Main Course The Feast Routeen.

มาสู่ Main Course กับ The Feast เริ่มเสิร์ฟด้วยเครื่องเคียง 4 แบบที่ทาง Restaurant I-SANG ทำเองทั้งหมด เริ่มด้วยกิมจิสดที่มีมินต์ มะละกอ และผักกาดขาว, ผักชัมนามุล ที่นำไปคลุกกับน้ำมันงา, ไวต์กิมจิ ทำมาจากผักกาดขาวที่ตุ๋นกับน้ำสต็อกแอนโชวี สุดท้ายกับเซ็ตของดอง ทั้งกูสเบอร์รี่ ใบชะพลูโรยปลาข้าวสารไทย และรากบัว

Restaurant I-SANG Main Course The Feast Routeen. อาหาร ดั้งเดิม เกาหลี ดินเนอร์ กรุงเทพ
จากนั้นจะเสิร์ฟ พร้อมกับข้าวสวย ที่ทางร้านใช้ข้าวเกาหลี ที่ปลูกโดยชาวนาคนเกาหลีที่อยู่ในจังหวัดเชียงราย หุงด้วยนำสต็อกแอนโชวี และน้ำมันงา กินคู่กับหมูสองแบบ แบบแรกเป็นหมูสามชั้นที่หมักกับซอสเกาหลี อีกตัวเป็นสันคอหมูที่นำไป Sous Vide ถึง 6 ชั่วโมง แล้วนำไปย่างถ่าน มาพร้อมซอสซัมจังพูเรต์สูตรของทางร้าน
Routeen. Ginger & Honeycomb พานาคอตตา

ปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง Ginger & Honeycomb พานาคอตตาที่พัฒนามาจากเต้าฮวยของจีน ข้างล่างมีครัสต์รสเค็มเล็กน้อย ด้านบนเป็นไอศกรีมมีความขิงมาก ราดด้วยฮันนีคอมบ์

Restaurant I-SANG Dadwa คาราเมล ชาร้อน

และ Dagwa คาราเมลชิ้นพอดีคำ โรยด้วยผงโคชูจังที่ช่วยตัดรสคาราเมลได้ดี อีกชิ้นเป็นเดนจังเบิร์นชีสเค้กรสดี ไม่แน่น ไม่เลี่ยน เรียกว่าเป็นการปิดคอร์สได้อย่างสมบูรณ์แบบทีเดียว

Restaurant I-SANG  สำหรับเราแล้ว น่าจะไม่ใช่เพียงการเปิดประสบการณ์การทาน ไฟน์ไดนิง สไตล์เกาหลี เพียงอย่างเดียว แต่ยังให้เราสนุกกับการทดลองของเชฟ ที่พยายามหาวัตถุดิบไทย ๆ ที่ไม่ใช่ของง่าย ๆ แต่เชฟพยายามใส่ลูกเล่นลูกชน ลองพาให้วัตถุดิบไทยไปอยู่ในจานอาหารเกาหลีได้กลมกลืนขึ้น เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งร้าน ไฟน์ไดนิง ที่เราต้องขอต้อนรับเอาไว้ในกรุงเทพฯ อีกหนึ่งแห่งเลย

Restaurant I-SANG
เปิดทุกวัน (เว้นวันอาทิตย์) 18:00 – 23:00 น.
ชั้น 2 อาคาร Vivre หลังสวน
BTS ชิดลม แล้วเดิน | มีที่จอดรถ

google maps