หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่คู่ เขาใหญ่ มาอย่างยาวนาน คงมีชื่อของ Primo Piazza อยู่ในลิสต์ด้วยอย่างแน่นอน และหลาย ๆ คนน่าจะบรรจุไว้ว่า หากมีโอกาสไปเที่ยวเขาใหญ่ ก็ไม่ลืมที่จะแวะเวียนสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ด้วย เพราะบรรยากาศที่เหมือนยกเอาหมู่บ้านในแคว้นทัสกานี ประเทศอิตาลี มาให้เราได้เที่ยวเล่นกันแบบใกล้กรุงเทพฯ นิดเดียว นอกจากนี้ข้างในยังมีคาเฟ่ให้บริการที่ชื่อ Primo Cafe ที่ต้องบอกว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คาเฟ่ ที่นี่พร้อมให้บริการเมนูอาหารอย่างเต็มรูปแบบแล้วนะ
นั่นเป็นเพราะทาง Primo Piazza เล็งเห็นว่า นักท่องเที่ยวหลายคน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เมื่อแวะมาเล่นกับสัตว์ ถ่ายภาพ ที่นี่กันแล้ว พอถึงเวลาที่ต้องการอาหารสักมื้อ ก็ต้องขับรถจากที่นี่เพื่อไปหาร้านอาหารข้างนอก จึงอยากมอบความสะดวกสบายให้กับผู้มาเยี่ยมเยือนทุกท่าน และสามารถใช้เวลากับ Primo Piazza ได้มากขึ้น โดยไม่มีข้อจำกัดใด ๆ หากท้องร้องก็สามารถเดินเข้า Primo Cafe ที่ไม่ได้มีแค่เครื่องดื่มและขนมเสิร์ฟเท่านั้นแล้ว
หากย้อนกลับไป ที่นี่อยู่คู่กับ เขาใหญ่ มายาวนานแล้วในชื่อ พรีโมพอสโต โดยเป็นร้านกาแฟที่ด้านหลังมีไร่องุ่นเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง แล้วก็รีโนเวต ยกเครื่องเสียใหม่จนกลายเป็น Primo Piazza ในปัจจุบัน ที่ขยายจากร้านกาแฟ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและถ่ายภาพ เมื่อปลายปี พ.ศ. 2556
พื้นที่จะแบ่งออกเป็นสองโซน เมื่อเดินเข้ามาจะเจอกับหมู่บ้านยุโรปจำลอง ต้อนรับเราตั้งแต่ลาน Piazza หรือจัตุรัสพริโม ที่ฝั่งซ้ายจะเป็นที่ตั้งของคาเฟ่ ที่ตกแต่งในสไตล์อิตาลีฤดูร้อน (แอบได้ฟีลนั่งใต้ร่ม รับลมเย็น ๆ และไอแดดอุ่น ๆ ฟีล Call Me By your Name เบา ๆ) ด้านหลังของหมู่บ้านจะเป็นฟาร์ม ที่มีทั้งอัลปาก้า ดองกี้ และแกะ ให้เราได้ให้อาหาร และดูน้อง ๆ อย่างใกล้ชิด (ใช้หางตั๋วที่ซื้อตอนผ่านประตูเข้ามา แลกอาหารสัตว์ได้ฟรีนะ)
“นักท่องเที่ยวหลายคน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เมื่อแวะมาถ่ายภาพที่นี่กันแล้ว พอถึงเวลาที่ต้องการอาหารสักมื้อ ก็ต้องขับรถจากที่นี่เพื่อไปหาร้านอาหารข้างนอก จึงอยากมอบความสะดวกสบายให้กับผู้มาเยี่ยมเยือนทุกท่าน และสามารถใช้เวลากับ Primo Piazza ได้มากขึ้น”
เดินเล่นใน Primo Piazza จนหนำใจ (และท้องร้องนิด ๆ) ก็ถึงเวลาที่ Routeen. ขอแวะไปลองชิมเมนูอาหารใหม่ ๆ ที่ Primo Cafe สักหน่อย พื้นที่ของคาเฟ่กว้างขวาง โดดเด่นด้วยภาพวาดบนผนังสไตล์ยุโรป แบ่งออกเป็น 3 โซนหลักด้วยกัน ได้แก่โซนคาเฟ่ โซนโต๊ะใหญ่สำหรับทานอาหาร และโซนเอาต์ดอร์ที่ให้เรานั่งชิลล์ ๆ ดูวิวจัตุรัสไปด้วยก็ได้
เราลองสั่งเมนูมาแบบไม่ยั้ง เริ่มที่เซ็ต Appetizer กันก่อนอย่าง ปีกไก่มินิทอด ราดซอสน้ำจิ้มแจ่ว (220 บาท) ทาง คาเฟ่ ใช้ปีกไก่กลาง นำมาผ่าครึ่งเพื่อให้กินสะดวกขึ้น เคล้าแป้งและส่วนผสมเฉพาะของทาง Primo Cafe จากนั้นนำไปคลุกกับซอสน้ำจิ้มแจ่วโฮมเมด ตัวไก่ทอดมาไม่แห้ง กินง่าย และแอบแซ่บด้วยซอสน้ำจิ้มแจ่วแบบไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มเลย
คนรักมันฝรั่งทอดอย่างเราลองสั่ง เคิร์ลลีฟรายส์ชีส กับซอสพริกศรีราชามาโย (220 บาท) Curly Fries กรอบนอกนุ่มใน ราดซอสชีสด้านบนแบบฉ่ำ ๆ กินเปล่า ๆ ก็ได้ หรือจะดิปกับศรีราชามาโยที่ทางร้านปรุงขึ้นมาเอง
และ มันฝรั่งทอดราดซอสชีสและผงลาบอบกรอบ (250 บาท) เมนูที่หยิบเอาความเป็นไทยมาเจอกับตะวันตกแบบแปลกใหม่ เพราะที่นี่มีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ จึงอยากให้พวกเขาได้ลองอะไรใหม่ ๆ ในเมนูที่คุ้นเคยของแต่ละฝั่งกันด้วย ความพิเศษอยู่ตรงผงลาบที่ทำเอง และในผงลาบนี้มีเนื้อหมูบดอยู่ด้วยจริง ๆ ไม่ใช่แค่ผงปรุงรสลาบเฉย ๆ นะ
เข้าสู่เมนูหลักกันแล้ว เราขอเริ่มจานไทย ๆ อย่าง ข้าวเหนียวคอหมูย่างน้ำจิ้มแจ่ว (280 บาท) คอหมูย่างหั่นมาชิ้นหนากำลังดี มันน้อย แต่ยังฉ่ำไม่แห้ง กับ ไก่ย่างจิ้มแจ่วและส้มตำ เสิร์ฟคู่กับข้าวเหนียว (350 บาท) น่องสะโพกชิ้นโตหมักสมุนไพร มาพร้อมส้มตำไทยที่สามารถแจ้งรสชาติของส้มตำได้ ทั้งสองเมนูนี้ต้องแอบบอกว่า หากใครกินเผ็ดไม่เก่งอย่าจิ้มแจ่วเยอะล่ะ แจ่วที่นี่เขาแซบจริงอะไรจริง
เอาใจสายเนื้อด้วย เนื้อพิคานยาย่างพริกแกง (890 บาท) เสิร์ฟพร้อมสลัดผักและน้ำจิ้มแจ่ว หนึ่งเสิร์ฟจะอยู่ที่ 250 กรัม ผ่านกรรมวิธีการย่างที่ในขณะย่าง จะทาพริกแกงปรุงเองลงไปที่เนื้อด้วย จานนี้เลยแซบขึ้นมาอีกระดับ และสามารถเลือกระดับความสุกได้นะ (แต่ถ้าไม่เลือก ทางร้านจะย่างมาแบบมีเดียมจ้า)
ส่วนสายคาร์บ ที่นี่ก็มีจานข้าวแบบอาหารจานเดียวรอเสิร์ฟเช่นกัน เราลองสั่งเป็น ข้าวกะเพราเนื้อพิคานยา (320 บาท) ข้าวหอมมะลิผัดกับซอสกะเพราเผ็ดกลาง ๆ ท็อปด้วยพิคานยาสเต็กที่สไลซ์เป็นชิ้น เสิร์ฟคู่กับไข่ดาว
สายกุ้งสั่งเป็น ข้าวไข่เจียวกรอบราดกุ้งทอดกระเทียม (280 บาท) ข้าวหอมมะลิโปะด้วยไข่เจียวแบบฟูกรอบ ราดด้วยกุ้งที่นำไปทอดกระเทียมก่อนนำมาราดกับไข่เจียว เนื้อกุ้งเด้ง ๆ กับไข่เจียวกรอบ ๆ สร้างมิติให้จานนี้ได้มากขึ้น และน่าจะเป็นจานที่เด็ก ๆ ชอบแน่ ๆ
สุดท้ายกับ ข้าวสันคอหมูย่างคั่วปลาเค็ม (280 บาท) เมนูแนะนำของทางร้าน คอหมูย่างหั่นเต๋า แล้วนำไปคั่วกับซอสปลาเค็ม เสิร์ฟคู่กับไข่ดาว รสชาติเค็มนัวเหมือนกินคั่วพริกเกลือ แต่ได้กลิ่มหอมของปลาเค็มมาช่วยเพิ่มความอยากอาหารได้มากขึ้นด้วย
ส่วนคนรักเส้น ที่นี่ก็มีพาสตาและสปาเกตตีหลายจานให้เลือก เราลองทั้ง สปาเกตตีผัดขี้เมาปลาหมึกและหมูสับ (260 บาท) เส้นสปาเกตตีผัดกับซอสขี้เมาสูตรเฉพาะของทางร้าน มาพร้อมกับปลาหมึกชิ้นใหญ่และหมูสับบดเล็ก ๆ กระจายอยู่ เราชอบที่ผัดมาแบบแห้ง ๆ ไม่มัน และรสชาติยังเผ็ดร้อนที่คนไทยน่าจะถูกใจ แต่ถ้าชาวต่างชาติก็อาจจะเผ็ดไปหน่อยนะ หรือหากชอบเพสโตก็สั่ง สปาเกตตีซอสเพสโตหอยตลับ (280 บาท) ได้นะ
และ พาสตาสไปซีคาโบนารา (220 บาท) ทางร้านเลือกใช้เส้น Mezzi Rigatoni ผัดแบบคลาสสิกแต่เพิ่มความสไปซีเข้าไปด้วยพริกเล็กน้อย โรยด้วยพาร์มาแฮมทอดกรอบด้านบน ก็เข้ากับบรรยากาศอิตาลีของ Primo Piazza ได้เป็นอย่างดีเชียวล่ะ
มาที่นี่จะพลาดของหวานก็คงไม่ได้ (แม้จะแน่นท้องแค่ไหน แต่ของคาวกับของหวานนั้น แยกกระเพาะกันอยู่แล้วเนอะ) กับ Fruity Honey Toast (179 บาท) โทสต์โฮมเมดชิ้นเบิ้ม ราดช็อกโกแลตซอสและน้ำผึ้งมาแบบฉ่ำ ๆ โปะด้วยไอศกรีมวานิลลาด้านบน และผลไม้สดเพิ่มความสดชื่น กับ Ice Cream Croffle (179 บาท) ครอฟเฟิลกรอบ ๆ ที่เราเลือกจับคู่กับไอศกรีมรส Chocolate Banana เขากันได้ดี
นี่ยังเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นนะ เพราะทาง Primo Cafe บอกกับเราว่า ตอนนี้เมนูอาหารยังคงพัฒนาและจะเข็นจานใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ ให้มีความหลากหลายมากขึ้น แน่นอนว่าตั๋วเข้าชม Primo Piazza เขาใหญ่ ก็สามารถใช้เป็นส่วนลดอาหารได้ (ตรวจสอบโปรโมชันหน้าร้านอีกครั้งนะ)
Primo Cafe
เปิดทุกวัน 9:00 – 18:00 น. (Last Order 17:30 น.)
ตำบลหมูสี ปากช่อง จ. นครราชสีมา | มีที่จอดรถ