เราแวะเวียนกลับมาย่านอารีย์อีกครั้ง สำหรับเราย่านอารีย์ยังคงเป็นแหล่งรวมร้านอาหารดี ๆ ที่น่าอิจฉาเสมอ (อยากสมัครตัวเป็นเพื่อนบ้านอารีย์เพราะของกินนี่แหละ!) ล่าสุดเราได้เจอกับร้านสุกี้แห้งแบบ Specialty ที่หยิบยกเอาเมนูสุกี้ผัดแห้งที่ดูธรรมดา ยกระดับมาเป็นเมนูหลักซิกเนเจอร์ของร้าน ชื่อว่า ร้าน ประกายไฟ suki & craft
ร้านประกายไฟเป็นร้าน Stand alone เล็ก ๆ ตั้งอยู่ใน ซอยพหลโยธิน 8 หรือที่เรียกติดปากว่าซอยสายลม ใครนึกไม่ออก ตรงนี้เคยเป็นร้านเผ็ดเผ็ด ร้านอาหารอีสานโฮมเมดนั่นเอง พอเปลี่ยนมือมาเป็น ประกายไฟ ทางร้านก็จัดการรีโนเวทใหม่ เปิดประตูเข้าไปจะเจอกับผนังลายไฟลุก ที่เห็นแล้วนึกถึงเปลวไฟจากกระทะที่ลุกโชน
เราได้พูดคุยกับคุณ กันต์ – ชนกันต์ โลหะธีรภาพ หนึ่งในหุ้นส่วนของร้านนี้ ถึงการเปิดร้านสุกี้แห้ง เมนูธรรมดา ๆ แต่คอนเซปต์ไม่ธรรมดา
ย้อนกลับไปคุณกันต์เองเคยทํามาหลายอย่าง ทั้งพนักงานคณะออฟฟิศก็เคย ช่วงโควิดก็มีกลับไปช่วยธุรกิจที่บ้าน ส่วนพาร์ทเนอร์อีกคนก็ทําร้านหมอฟัน ไม่มีใครเคยทำธุรกิจอาหารมาก่อน แต่ด้วยความที่เป็นคนชอบกินสุกี้เหมือนกัน ก็เลยคุยกันว่ามาลองเปิดดีไหม โดยมีคอนเซ็ปต์คือ เราอยากทําอาหารที่คนกินได้ทุกวัน เราอยากให้เวลาคนนึกถึงว่าจะกินอะไรดี ให้นึกถึงสุกี้
“สุกี้เป็นอาหารที่ค่อนข้างมีความสเปเชียลนิดนึง เวลาเราสั่งสุกี้ไปกินที่บ้านกับกินที่หน้าร้าน ความรู้สึกมันจะต่างกัน ก็เลยคิดว่าอยากเปิดเป็นร้านให้คนได้กินร้อน ๆ ในขณะเดียวกัน ฝั่งเดลิเวอรี่ ก็คุมให้คุณภาพให้ ต่อให้กลับบ้านไป มันก็ยังมีเหนียวนุ่ม เพราะเราตั้งใจสั่งวุ้นเส้นสูตรพิเศษเฉพาะของเรา”
พอตัดสินใจว่าจะทำร้านอาหารกัน ก็เลยมองหาพื้นที่เหมาะ ๆ บังเอิญว่าเจอประกาศของร้านเผ็ดเผ็ด ๆ ว่าจะย้าย และมีที่ว่างตรงนี้ ก็เลยติดต่อไปได้เป็นคิวแรก ๆ ของวัน พอดูเสร็จก็เลยตัดสินใจทันที โชคดีที่อยากได้ที่แถวนี้พอดี ก็เลยเป็นจังหวะที่เหมาะพอดี
การตกแต่งร้านแน่นอนว่าเห็นแล้วก็ต้องนึกถึงไฟ ที่เราเห็นนี่ก็คือเป็นประกายไฟจากกระทะ สีเทาเป็นตัวแทนของกระทะนะ ก็เลยจะเป็นโทนแบบดิบ ๆ หน่อย คุณกันต์บอกเราว่าอยากให้เวลาลูกค้าเข้ามากินแล้ว นึกภาพเป็นคุณลุงไว้หนวดเคราเฟิ้ม ๆ กําลังผัดกระทะแรง ๆ ทรงดูแบบดิบ ๆ สตรีต ๆ อย่างงั้น
อย่างที่เล่าไปตอนแรกว่า ไอเดียแรกในการทำร้าน คือการขายสุกี้ แต่ทำไมชื่อร้านถึงใช้คำว่าประกายไฟ คุณกันต์เล่าว่า อยากตั้งชื่อร้านสุกี้ที่ไม่มีคําว่าสุกี้ เหมือนให้ได้ยินชื่อแล้ว มีภาพขึ้นมาในหัวว่าเราขายอะไร ประมาณไหน เลยลองคิดว่าถ้าเราลองหลับตาคิดถึงสุกี้ เรานึกถึงองค์ประกอบอะไรบ้าง เราก็จะนึกถึงกระทะไฟแรง ๆ มีเปลวไฟ กลิ่นหอมกระทะ เสียงเหล็กที่กระทบกันอะไรอย่างงั้น เลยออกมาเป็นชื่อ ประกายไฟ
เมนูหลัก ๆ ของที่ร้านจะมี สุกี้แห้ง/น้ำ และเมนูเส้นที่ใช้ไฟในการคั่วเป็นหลัก อย่างคั่วไก่ และบะหมี่ประกายไฟที่ใช้เส้นบะหมี่เหลืองใหญ่ ๆ คล้ายหมี่ฮกเกี้ยน
“นอกจากสุกี้ก็มีคั่วไก่ พอดีหุ้นส่วนเขาก็ชอบทําอาหารเหมือนกัน เลยลองทำคั่วไก่กัน ก็เลยเกิดสูตรนี้ขึ้นมา โดบที่คั่วไก่ของเราจะไม่เหมือนที่อื่น เพราะเราใช้วุ้นเส้นผัด”
จุดเด่นของร้านประกายไฟ คือการคัดสรรวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ดีที่สุด อย่างเช่นเนื้อ ก็จะคัดเฉพาะส่วนที่เหมาะกับการผัด เป็นเนื้อสันในพรีเมียม ผัดออกมาแล้วยังอร่อยได้รสชาติ วุ้นเส้นก็สั่งทำเป็นสูตรพิเศษของทางร้าน เส้นเล็กกว่าปกติ มีความเหนียวนุ่มเป็นเอกลักษณ์แล้วตัวน้ำจิ้มสุกี้ ทางร้านก็คิดสูตรเฉพาะขึ้นมา
ต้องบอกว่าน้ำจิ้มของที่นี่เป็นน้ำจิ้มสุกี้ที่ไม่เผ็ดมาก เพราะว่าเจ้าของร้านกินเผ็ดไม่เก่ง ตัวน้ำจิ้มก็ทำสดใหม่ทุกวันเลย ส่วนผักต่าง ๆ ก็คัดผักสด กรอบ พอผ่านกระบวนการผัดด้วยไฟแรงในระยะเวลาสั้น ๆ จะยังมีความกรอบ ได้รสผัก
เนื้อสัตว์ นอกจากหมูและเนื้อ ก็มีไก่กรอบเพิ่มเข้ามา เกิดจากชิมไปชิมมาแล้วรู้สึกว่าอยากได้เทกเจอร์ที่มันตัดกับความนุ่มของวุ้นเส้น เลยลองหาอะไรกรอบ ๆ มาลองทํา เลยมาจบที่ไก่กรอบ เพราะมีความเข้ากันพอดี เพราะมันไม่ได้มี เทกเจอร์ที่นุ่มไปทั้งหมด แต่มันยังมีความกรอบของแป้ง ความฉ่ำของตัวสะโพกไก่เข้ามาตัดอีก
เมนูที่ต้องลอง ร้าน ประกายไฟ สุกี้ & คราฟต์
เราได้ลอง สุกี้แห้งเนื้อ (149 บาท) เป็นสุกี้แห้งที่ผัดออกมาได้กำลังดี ไม่ถึงกับแห้งเกินไป และหอมกระทะดีมาก ๆ วุ้นเส้นดูเส้นเล็กกว่าปกติ มีความเหนียวหนึบ ส่วนผักที่ดูเปื่อยแต่กินแล้วยังมีความกรอบได้รสชาติ น้ำจิ้มสุกี้มาแบบแยกให้ราดได้เองตามชอบ รสกลมกล่อมแบบไม่หนักมาก
อีกจานเป็น สุกี้แห้งไก่กรอบ (149 บาท) ให้ไก่มาแบบเต็มจาน เสิร์ฟใหญ่มาก เป็นไก่ส่วนสะโพกทำให้มีความนุ่ม ฉ่ำ ไม่แห้งกระด้าง ส่วนตัวแป้งที่ชุบไก่ก็ไม่หนาเกินไป ที่เห็นชิ้นใหญ่คือไก่เน้น ๆ
มาทั้งทีต้องลอง บะหมี่ประกายไฟ (149 บาท) เมนูคล้ายหมี่ฮกเกี้ยน มาพร้อมเนื้อสะโพกไก่และไข่ออนเซน ตัวเส้นเป็นบะหมี่เหลืองเส้นใหญ่ ๆ เหนียวนุ่ม ผัดกับซอสสูตรพิเศษของทางร้านแบบเคลือบเส้นกำลังดี รสเข้มข้นมาก ๆ
และ ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ (99 บาท) ความพิเศษคือเค้าเปลี่ยนจากเส้นใหญ่ ไปใช้วุ้นเส้นสูตรเฉพาะแทน ผัดใส่ไก่ชิ้นใหญ่และหมึกกรอบ เส้นเหนียวนุ่มที่ผัดมาแบบหอมกระทะ กินแบบไม่ใส่ซอสก็อร่อยแล้ว
มีเมนูกินเล่นเป็น เผือกทอด (69 บาท) ที่ร้านใช้เผือกแท้ขูดสด ๆ ทุกวัน แล้วนำไปทอดในน้ำมันร้อน ๆ หอม กรอบ จิ้มกับน้ำจิ้มมะขามหวานตัดเปรี้ยวหน่อย ๆ ทำให้มันกินแล้วไม่เลี่ยนมาก
สำรวจร้านอาหาร คาเฟ่ย่านอารีย์ ได้ที่ : Routeen x Ari
ร้าน ประกายไฟ suki & craft
เปิดทุกวัน 10:30 – 20:00 น.
ซอยพหลโยธิน 8
BTS อารีย์ | จอดรถได้ที่ พหลโยธินเพลส (มีค่าจอดนะ)
Google Maps