เพราะมื้อเช้าเป็นสิ่งสำคัญ Routeen. จึงอยากให้ทุกคนไม่มองข้ามมื้อเช้าไป ยิ่งเวลามาเรามาเที่ยวต่างประเทศ ที่ต้องใข้พลังงานมากขึ้นจากการเดินเที่ยวตั้งแต่เช้าจรดเย็น ยังไงก็ต้องเติมพลังงานไว้ให้เพียงพอก่อน และอาหารเช้าฉบับง่าย ๆ เวลามาญี่ปุ่นของใครหลายคนก็คงหนีไม่พ้น Onigiri (โอนิกิริ) หรือข้าวปั้นสามเหลี่ยมไส้ต่าง ๆ ที่มีขายในร้านสะดวกซื้อเยอะแยะไปหมดนี่แหละ เพราะราคาถูก กินง่าย พกพาไปไหนก็ได้ และไม่หนักท้องจนเกินไป เราเองก็ยอมรับว่า Onigiri เป็นตัวเลือกที่ดี แต่มาญี่ปุ่นทั้งที ต้องขอจัด Onigiri ที่เก๋ ๆ และอร่อยมากขึ้นไปอีก กับร้านที่ขายเฉพาะ Onigiri สุดเท่อย่าง Potama (โพทามะ) นั่นเอง
พอได้เห็นภาพของ Onigiri ที่ร้าน Potama แล้วหลายคนคงสงสัยว่า ทำไมไม่ใช่ข้าวปั้นทรงสามเหลี่ยมอย่างที่คุ้นตาเลย นั่นเพราะจริง ๆ แล้วสิ่งนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Pork Tamago Onigiri ที่เรียกสั้น ๆ โดยหยิบเอาคำหน้าของสองวัตถุดิบหลักมารวมเป็นชื่อเมนูอย่าง Potama นั่นเอง โดยหน้าตาของ Onigiri ชนิดนี้บางคนก็จะเรียกว่า Onigiri Sandwich เพราะมีหน้าตาคล้ายแซนด์วิช (ที่เปลี่ยนจากขนมปังเป็นข้าวญี่ปุ่นแทน) แล้วพับเอาคล้ายทาโก มีไส้อยู่ตรงกลาง โดยไส้แบบคลาสสิคนั้นจะมีเพียงแค่ไข่ม้วน กับ Spam (สแปม) ตามชื่อเรียกเท่านั้น
โดย Potama นี้มีจุดเริ่มต้นอยู่ที่เมือง Okinawa (โอกินะวะ) ที่เราสามารถหาเจอกันได้ง่ายมาก ๆ ตามร้านสะดวกซื้อทั้งหมด โดยอาหารชนิดนี้ก็ถูกดัดแปลงมาจาก Onigiri อีกที ในสมัยก่อนที่มีมหารอเมริกันเข้ามาอาศัยที่เกาะ Okinawa เยอะมากขึ้น ก็นำมาเอาวัฒนธรรม รวมถึงไลฟ์สไตล์การรับประทานอาหารเข้ามาผสมผสานด้วย Spam หรือเนื้อหมูผสมไก่คล้ายแฮมในรูปแบบกระป๋อง ก็ถูกนำเข้ามายังญี่ปุ่นมากขึ้น และเริ่มคิดเมนูผสมผสานที่นำเอา Spam มารังสรรค์ร้วมด้วย และ Potama ก็เป็นหนึ่งในนั้น
แต่ในเมื่อ Potama หากินได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อขนาดนี้ แล้วทำไมถึงต้องมีร้านขาย Potama จริงจังอีกล่ะ? เรื่องราวเกิดขึ้นจากผู้ก่อตั้งร้าน Potama นี่แหละ เมื่อครั้งที่เขาแต่งงานภรรยาที่เกาะ Okinawa วันหนึ่งภรรยาของเขาทำเมนูมื้อเช้าอย่าง Potama เป็นครั้งแรก เมื่อเขาได้กินแล้วก็รู้สึกว่า ทำไมมันอร่อยกว่า Potama ที่เคยกินมาตลอดชีวิตอย่างนี้นะ (เอ๊ะ เหมือนจะเห็นคนคลั่งรักอยู่หนึ่งอัตรา) แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้มีอะไรมากเลย มันเพียงเพราะเขาได้กิน Potama แบบ “ร้อน ๆ” ที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ ๆ Spam ที่นุ่ม ไข่ม้วนที่ยังระอุมาจากเตาเมื่อครู่ ทำให้มันอร่อยกว่า Potama แบบที่เคยกินตามร้านสะดวกซื้อที่แช่ในตู้เอามาก ๆ นั่นเอง
นอกจากนี้ เขายังรู้สึกอีกว่า ความสดใหม่ในการทำและได้กินทันที ยังสัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่และความตั้งใจที่ผู้ทำอาหารมีให้ เขามองเห็นภาพในระดับว่า ครั้งหนึ่ง ภรรยาของเขาก็คงรู้สึกแบบนี้ เมื่อแม่ยายทำ Potama ให้กินเหมือนกันแน่ ๆ
พอคิดแบบนั้นจึงอยู่นิ่งไม่ได้ เขาตั้งใจที่จะเปิดร้าน Potama ขึ้น เพราะอยากให้ทุกคนได้กิน Potama แบบทำใหม่ ๆ อย่างที่เขาได้กิน ร้านแรกของ Potama แน่นอนว่าต้องตั้งอยู่ที่เกาะ Okinawa และมีคอนเซปต์ว่า Potama ทุกชิ้น จะทำตามออเดอร์ใหม่ ๆ ร้อน ๆ ชิ้นต่อชิ้น ในระดับที่ไม่ใช่ทำไส้ทิ้งไว้ แล้วพอได้รับออเดอร์แล้วจะแค่คีบไส้มาใส่ข้าวแล้วปั้นให้ แต่รวมถึงทุกองค์ประกอบของไส้ ก็จะทำใหม่ ๆ ตามออเดอร์ด้วย
ปัจจุบัน Potama มีกระขายทั่วญี่ปุ่นถึง 9 สาขา โดยใน Fukuoka (ฟุกุโอกะ) มีอยู่ 1 สาขาที่ย่าน Akasaka (อะคะซะกะ) และยังมีอีก 1 สาขาที่ฮาวายอีกด้วย รู้แบบนี้เราจึงไม่พลาดที่จะไปลองชิม Potama ดูสักที และขอฝากท้องไว้เป็นมื้อเช้านี้เลยแล้วกัน
ตัวร้านทำออกมาได้น่ารักมาก ๆ เรียกว่าชวนให้หยิบกล้องขึ้นมาถ่ายเพลิน ๆ เลย ด้วยการเลือกใช้สีขาวและสีเหลืองเป็นหลัก เปรียบดั่งตัวแทนของข้าว และไข่ ทำให้ร้านดูทั้งมินิมอล และยังน่ารักหน่อย ๆ มีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่โชว์กระบวนการทำ Potama ให้เราเห็นตั้งแต่ยังไม่เดินเข้าร้าน
และสิ่งหนึ่งที่เราเห็นได้ชัด และรู้สึกว่านี่มันน่ารักมาก ๆ นั่นคือพนักงานทั้งหมดภายในร้านเป็นคุณป้ากันหมดเลย ทั้งหมดมาในยูนิฟอร์มสีขาวสะอาด มีผ้าโพกผมคล้ายแม่บ้านญี่ปุ่นที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นแคชเชียร์ แม่ครัว พนักงานรับออเดอร์เดลิเวอรี พนักงานจัดเตรียมวัตถุดิบ ไปจนถึงพนักงานเก็บกวาดภายในร้าน ทุกคนล้วนอายุเกิน 60 ปีทั้งหมด! ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างที่มาที่ไปของแบรนด์ให้แข็งแรงขึ้น (จากที่บอกว่ากินแล้วจะคิดถึงคนในบ้านมาทำให้เรากิน เหล่าป้า ๆ นี่ก็ได้ฟีลคุณแม่ของเรามาทำให้จริง ๆ) ยังเป็นส่วนช่วยให้ผู้สูงวัยมีรายได้ ยังสามารถทำงานได้ เพิ่มศักยภาพที่ยังมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมของผู้สูงวัย และยังช่วยสร้างรายได้ให้กับพวกเขาอีกด้วย
บริเวณเคาน์เตอร์ถูกตกแต่งด้วยกระป๋อง Spam เรียงกันอย่างโดดเด่น มีเมนูบนแท็บเล็ตให้เลือกได้ตามใจ แม้คุณป้าจะพูดภาษาอังกฤษไม่คล่องนัก แต่ก็เต็มใจสื่อสารและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เราจะต้องมาสั่งออเดอร์และชำระเงินเสียก่อน จากนั้นก็สามารถเลือกที่นั่งได้ตามชอบ โดยมีที่นั่งไม่มีมากนัก แบ่งออกเป็นที่นั่งโซนหน้าเคาน์เตอร์จำนวน 3 โต๊ะ และโต๊ะใหญ่แบบแชร์ในห้องด้านในอีก 1 โต๊ะ ทางร้านมีบริการน้ำดื่มฟรี แต่ก็มีเครื่องดื่มให้สั่งเช่นกัน
แม้จะเป็นเพียง Pork Tamago Onigiri แต่เมนูไม่ได้มีแค่ขาวปั้น (พับ) กับไข้ม้วนและสแปมอย่างที่คิด กลับมีเมนูให้เลือกเยอะมาก ๆ จนเราลังเลอยู่นาน แบ่งออกเป็นเมนู Standard ทั้งสิ้น 6 เมนู ตั้งแต่ Potama ธรรมดา ที่ประกอบไปด้วยข้าว, ไข่ม้วน, สแปม และสาหร่าย (390 เยน) และมีไส้เพิ่มเติมจากเดิม เช่นใส่ Abura Miso (460 เยน) ใส่ Takana – ทะคะนะ หรือใบมัสตาร์ด (460 เยน) หรือ Mentaiko Mayo – มายองเนสผสมเมนไทโกะ (460 เยน) เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมี Special Menu ให้เลือกอีก 3 เมนู แบบที่มาหน้าล้น ๆ ทะลักสะใจมาก ได้แก่ Goya Tempura (600 เยน) ไส้เทมปุระมะระ โบนิโตแห้ง ละหัวหอม Deep Fried Tofu & Abura Miso (700 เยน) เต้าหู้จากโอกินาวา มิโซะ ไชเท้าขูด และต้นอ่อนถั่วงอก Shrimp Tartar (650 เยน) กุ้งเทมปุระตัวใหญ่ กับซอสทาทาร์และไชเท้าขูด โดยทั้ง 3 เมนูพิเศษนี้จะมีจำหน่ายเฉพาะที่สาขา Fukuoka และสาขา Tokyo Midtown Yaesu และ Momochitama เท่านั้นนะ
และยังมีเมนู Limited Edition ที่แต่ละสาขา ก็จะขายเมนูที่ต่างกันออกไป (แปลว่าอยากเก็บให้ครบทุกไส้ก็ต้องไปให้ครบทุกสาขาสินะ…) อย่างที่ Fukuoka เองจะมีไส้พิเศษด้วยกัน 4 ไส้ ได้แก่ไส้ Keema Curry (700 เยน) ไส้ปลาแมคเคอเรลกับผักดองมัสตาร์ดและพริก (750 เยน) ไส้ไก่ท์สึกุเนะย่างกับเต้าหู้โอกินาวา (650 เยน) และไส้ที่พลาดไม่ได้อย่างไข่ปลาเมนไทโกะย่าง (900 เยน)
Potama เสิร์ฟมาแบบชิ้นใหญ่เต็มคำ ข้าวไม่ได้หนาจนเกินไป เมื่อกินพร้อมกันกับไส้แล้วไม่ทำให้แน่นแป้งและกลบรสไส้จนจืดไปหมด ตัวไข่หมวนทำออกมาได้เนื้อเนียนและอร่อยมาก ๆ ส่วนสแปมเองก็ไม่เค็มจนเกินไป หากจะพูดโดยรวมคงต้องบอกว่าเป็น Potama แบบที่รสชาติไม่จัดตามสไตล์ของญี่ปุ่น แต่ก็อร่อยจนคิดว่าหากต้องกินทุกวัน ก็คงไม่เบื่อแน่ ๆ
นอกจากร้าน Potama แล้ว เรายังออกไปตะลุยชิมเมนูอื่น ๆ ที่น่าสนใจทั่วเมือง Fukuoka แบบแน่น ๆ จุก ๆ อีกเยอะเลย ลองคลิกที่ ‘รวม 8 เมนูน่าลองใน Fukuoka’ นี้ดู รับรองว่าอ่านจบแล้วท้องร้องไม่รู้ตัวแน่นอน!
Potama
เปิดทุกวัน เวลา 07:00 – 20:00 น.
3-15 Reisenmachi, Hakata Ward, Fukuoka, 812-0039, Japan
สถานี Gion ทางออก 2 แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที