หากดอกไม้ เป็นความสวยงามของธรรมชาติที่ทำให้ชีวิตของเราเบ่งบาน สดชื่น และมีสีสันได้ คาเฟ่ แห่งใหม่ในย่าน พระโขนง ที่ชื่อ Overdote Café ก็น่าจะเป็นดอกไม้ดอกใหญ่ ที่ทำเราให้เอนจอยกับเครื่องดื่มและอาหาร พร้อมบรรยากาศสุดโคซี่ของร้านได้ไม่แพ้กัน และ Routeen. ก็ไม่พลาดที่จะพาทุกคนไปทำความรู้จักพร้อมกัน
Overdote Café ตั้งอยู่ในโครงการ W District ที่เดินทางสะดวกมาก ๆ ที่สำคัญพออยู่ในพื้นที่โครงการแบบนี้ ก็หมดปัญหาเรื่องพื้นที่จอดรถไปอีกหนึ่งสิ่ง นอกจากนี้ยังสามารถเข้าทางซอยปรีดี พนมยงค์ 3 ได้เช่นกัน ตัว คาเฟ่ ต้อนรับเราด้วยลายเพนต์รูปดอกไม้สีสันพาสเทลสดใสขนาดใหญ่บนผนังด้านนอก มาพร้อมกับหน้าต่างกระจกสีเขียวบานใหญ่รอบร้าน คล้ายกับเรากำลังนั่งอยู่ในกลาสเฮาส์ชิลล์ ๆ
แม้ว่า คุณครีม – ณัฐพัชร์ พูลวรลักษณ์ เจ้าของ Overdote Café จะวุ่นอยู่ใน คาเฟ่ สักแค่ไหน แต่เราก็ยังแอบไปคุยถึงที่มาที่ไปของ คาเฟ่ แห่งนี้มาได้ (ที่สำคัญคือ ชื่อ Overdote ได้มาอย่างไร) คุณครีมบอกกับเราว่า แรกเริ่มก็นึกถึงคำว่า Overdose นั่นแหละ แต่อยากเล่นคำให้เตะหูมากขึ้น
จึงหยิบเอาคำว่า Dote ที่หมายถึง “ลุ่มหลง” “หลงใหล” มาผสมคำกันเสียใหม่ ให้ คาเฟ่ ที่นี่เป็นอีกหนึ่งที่ที่ทำให้แขกไปใครมาได้ลุ่มหลงไปกับความอร่อยของเครื่องดื่มและอาหาร ตามคอนเซปต์ของร้านอย่าง Overdose On Taste ด้วย
ในขณะเดียวกัน ทาง คาเฟ่ ก็อยากให้ทุกคนได้ Overdote ประสบการณ์ที่ได้รับจากการมาที่นี่ ทั้งบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และเครื่องดื่มกับอาหารต่าง ๆ ที่รังสรรค์มาอย่างตั้งใจ และพอผนังโดยรอบของร้านเป็นกระจก ที่ช่วยทำให้ร้านโปร่ง โล่ง ไม่อึดอัด ยังชวนให้นึกถึงเหมือนกับการนั่งอยู่ในกลาสเฮาส์ได้อีกด้วย
จึงหยิบเอาดอกไม้มาเป็นส่วนประกอบต่าง ๆ ของ คาเฟ่ ตั้งแต่โลโก้ของ Overdote Café ที่ใช้เป็นดอกไม้แบบภาพวาดลายเส้นน่ารัก ๆ งานตกแต่งภายในร้าน ทั้งแจกันดอกไม้ขนาดใหญ่กลางร้าน หรือแจกันดอกไม้เล็ก ๆ ที่วางบนโต๊ะ หรือเรียงรายอยู่บริเวณเคาน์เตอร์
หากใครแวะเวียนมายัง W District หรือโรงแรม Beat Hotel Bangkok อยู่บ่อย ๆ น่าจะรู้ว่าแต่เดิมพื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นร้านอาหารอย่าง Melting Pot มาก่อน แต่หลังจากที่ Melting Pot ปิดตัวลงไป พื้นที่นี้ก็ไม่ได้ถูกใช้งาน จึงต้องการปรับให้เป็น Community Space ที่สร้างสีสันในช่วงกลางวันได้มากขึ้น ประกอบกับเป็นความฝันเล็ก ๆ ของคุณครีมเองที่อยากเปิดคาเฟ่สักครั้ง Overdote Café จึงถือกำเนิดขึ้น
เครื่องดื่มของที่นี่จะแอบซ่อนการใช้กิ่ง ก้าน ใบ ดอก เข้ามาเป็นส่วนประกอบหนึ่งของเครื่องดื่มและขนม ตามคอนเซปต์ของ คาเฟ่ รวมถึงการเลือกใช้วัตถุดิบที่เน้นความสดใหม่ และผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ
เลือกใช้ผลไม้สดแทนไซรัป หรือน้ำผลไม้กล่อง ที่ทำให้กาแฟน้ำผลไม้ของที่นี่พิเศษกว่าใคร เพราะเราสามารถเลือกเทช็อตเอสเพรสโซกับน้ำผลไม้สด และ Cold Press ที่หลากหลาย ทั้งมะพร้าว ส้ม สับปะรด แอปเปิล ฝรั่ง นอกจากนี้ยังมีน้ำผลไม้สดตามฤดูกาลให้ได้ลองใหม่ ๆ อยู่เสมอด้วย
มาพร้อม House Blend ที่มีให้เลือกทั้งคั่วอ่อน ที่ใช้เมล็ดจากเอธิโอเปีย เมียนมาร์ และเปรู ให้ความเบอร์รี ซิตรัส และมีความชาดำปลาย ๆ และคั่วกลางค่อนเข้ม ที่ใช้เมล็ดเปรูและลาว ให้ Taste Note ของช็อตโกแลต คาราเมล และมีความน้ำตาลทรายแดงซ่อนอยู่ด้วย
“เครื่องดื่มของที่นี่จะแอบซ่อนการใช้กิ่ง ก้าน ใบ ดอก เข้ามาเป็นส่วนประกอบหนึ่งของเครื่องดื่มและขนม ตามคอนเซปต์ของ คาเฟ่ รวมถึงการเลือกใช้วัตถุดิบที่เน้นความสดใหม่ และผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เลือกใช้ผลไม้สดแทนไซรัป หรือน้ำผลไม้กล่อง ที่ทำให้กาแฟน้ำผลไม้ของที่นี่พิเศษกว่าใคร”
เราลองสั่งเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของทางร้านอย่าง Overdote Dirty (150 บาท) กาแฟเดอร์ตี้จากเฮาส์เบลนด์คั่วกลางค่อนเข้มที่ใส่งาดำลงไป ส่วนนมก็นำไป Process กับงาดำ ผสมกับครีมและปั่นรวมกันด้วย อีกแก้วเป็น Chestnut Cloud (180 บาท) กาแฟปั่นที่ใส่เกาลัดเข้าไปเล็กน้อย ท็อปด้วยครีมเกาลัดที่ทางร้านทำขึ้นมาเอง และผงเกาลัดโรยด้านบน รสชาติไม่หวาน มีความหอมมัน เสริมให้บอดี้ของกาแฟแก้วนี้นัตตี้มากขึ้น
ฝั่ง Non Coffee เองก็มีเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ให้ลองเช่นกัน เราลองเป็น Lychee Spicy (130 บาท) ลิ้นจี่สดผสมกับน้ำลิ้นจี่ เสริมด้วยทับทิมสกัดเย็น ตัดรสด้วยข่าที่สร้างความสไปซ์เบา ๆ ท็อปด้วยโซดาให้สดชื่นขึ้น แก้วนี้เหมาะกับคนรักสุขภาพมาก ๆ เพราะไม่มีน้ำเชื่อมเลย
และ Yuzu Petal (160 บาท) น้ำยุซุที่เสริมความฟลอรัลด้วยกุหลาบและพีช สร้างลูกเล่นด้วยน้ำอัญชันให้เราได้เทเป็นเลเยอร์ด้านบน ช่วยดันรสชาติที่ซ่อนอยู่ในแก้วนี้ออกมาได้ชัดขึ้น และยังสร้างสีสันที่ชวนให้หยิบมือถือขึ้นมาแชะภาพด้วย
ของหวานที่นี่ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน และมีหลายตัวให้ได้ลองสั่งมาก ๆ รอบนี้เราขอชิม Who Dropped The Banana? (190 บาท) ที่ทำออกมาหน้าตาเหมือนกล้วยมาก แต่ไม่ได้นำกล้วยทั้งลูกมาเสิร์ฟนะ นี่คือการ Deconstruct กล้วยออกมาเพื่อประกอบร่างให้คล้ายกล้วยจริงอีกครั้ง เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมซอร์เบต์มะพร้าว และครัมเบิลใบเตย เมื่อกินทั้งหมดพร้อมกันแล้วจะให้รสชาติเดหมือนกำลังกินกล้วยบวชชีอย่างไรอย่างนั้น
อีกจานเป็น Strawberry Flower Cheesecake (190 บาท) ชีสเค้กทรงดอกไม้น่ารัก ที่เสริมด้วยสตรอว์เบอร์รี่ซอส ด้านนอกทำมาจากไวต์ช็อกโกแลต ทานได้เพลิน ๆ และเข้ากับเครื่องดื่มได้ดีทีเดียว
แม้ว่าที่นี่จะถูกห้อยท้ายว่า คาเฟ่ ที่เราอาจจะนึกภาพถึงคาเฟ่ทั่วไปที่มีโต๊ะกับที่นั่งเล็ก ๆ ให้พักจิบเครื่องดื่มได้สั้น ๆ ก่อนที่จะเดินทางกันต่อ แต่กับที่ Overdote Café จะมาพร้อมโต๊ะขนาดใหญ่ ที่นั่งโอ่โถงทั้งในรูปแบบของเก้าอี้และโซฟา ที่มาเป็นแก๊งเพื่อน หรือมากันทั้งครอบครัวก็นั่งด้วยกันได้สบาย ๆ
นั่นเพราะนอกจากเมนูเครื่องดื่มแล้ว ที่นี่ยังจริงจังเรื่องอาหารจนแทบจะเป็นอีกหนึ่งแห่งในย่านพระโขนงที่เราสามารถแวะมาฝากท้องได้เสมอด้วย ทำให้ที่นั่งของที่นี่ต้องรองรับการทานอาหารได้อย่างสะดวก และ Routeen. เองก็ไม่พลาดที่จะลองสั่งอาหารมาชิมเช่นกัน
แม้อาหารของที่นี่จะมาในคอนเซปต์ของเมนูคาเฟ่ที่เข้าถึงง่ายและอร่อย (และมีความเฮลท์ตี้ซ่อนอยู่) พร้อมกับการใช้กิ่ง ก้าน ใบ ดอก ต่าง ๆ ในประกอบเมนู เพื่อให้เข้ากับคอนเซปต์ของร้านเช่นกัน แต่ด้วยความที่เชฟประจำร้านสนุกกับการรังสรรค์อาหาร และเคยทำ Chef Table มาก่อน ทำให้อาหารแต่ละจานจะมีกลิ่นอายของความเป็น Fine Dining อยู่ (ในราคาที่เอื้อมถึงมาก ๆ)
เริ่มตั้งแต่ Petite Fettuccine Truffle Carbonara With Guanciale (250 บาท) เมนูชื่อยาวที่น่าสนใจตรงคำว่า Petite ในเมนู นั่นเพราะเชฟเขาคำนวณมาแล้วว่า ขนาดที่ควรเสิร์ฟของคาโบนาราจานนี้ต่อคนควรเป็นเท่าไหร่ ที่จะทำให้กินจานนี้ได้อย่างอร่อยที่สุดโดยไม่เลี่ยนจนเกินไป มาพร้อมกับ Guanciale โฮมเมดจากเชฟ ที่เข้ากับคาโบนาราครีมมี ๆ ได้ดี
Japanese Seaweed Salad With Akaebi (390 บาท) ผักสลัดสดหลากหลายชนิด และสาหร่ายทะเล มาพร้อมกับกุ้งหวานญี่ปุ่น ราดด้วยวาซาบิเดรสซิงโฮมเมด ที่รสไม่จัดจนเกินไป และได้ความงา ๆ อยู่ในเดรสซิงด้วย จานนี้แอบใส่ซูเปอร์ฟู้ดอย่างไข่ผำเข้าไปเพิ่มด้วย และ Egg, Guac And Salmon Croffle (320 บาท) เปลี่ยนขนมปังในจานให้เป็นครอฟเฟิลหอมกรอบ พร้อมด้วยแซลมอน และกัวคาโมเล ท็อปด้วยร็อกเก็ต และพาเมซานชีส
ความน่ารักอีกอย่างของที่นี่คือเขา Welcome ให้เรามานั่งทำงานกันชิลล์ ๆ สั่งเครื่องดื่มแก้วที่ชอบไว้จิบระหว่างทำงานได้ แถมยังมีปลั๊กคอยให้บริการอยู่หลายจุดอีกด้วย นอกจากนี้ที่ Overdote Café เป็น Pet Friendly ด้วยนะ สำหรับใครที่มีน้องหมาน้องแมว แล้วอยากพาออกมาพักผ่อนด้วยกัน ที่นี่ก็ต้อนรับน้อง ๆ ทุกตัวเลย
Overdote Café
เปิดทุกวัน เวลา 07:00 – 17:00 น.
ชั้น 1 Beat Hotel Bangkok
W District พระโขนงเหนือ สุขุมวิท
BTS พระโขนง แล้วเดิน | มีที่จอดรถ