หนึ่งในคาเฟ่ที่อยู่คู่อารีย์สัมพันธ์มาหลายปี หนึ่งในนั้นคงต้องยกให้ Oh! Vacoda (โอ้! วาโคด้า) คาเฟ่สำหรับคนรักอโวคาโดที่ตั้งอยู่ปากซอยอารีย์สัมพันธ์ 4 นี่แหละ ซึ่งก่อนหน้านี้หากใครผ่านไปผ่านมา คงเห็นแล้วว่าทางร้านกำลังปิดตัวเพื่อรีโนเวตใหม่ และวันนี้พวกเขากลับมาอีกครั้งที่ไม่ใช่แค่รีโนเวตเท่านั้น หากยังรีแบรนด์ เปลี่ยนแบบใหม่หมดตั้งแต่คอนเซปต์ยันเมนูอาหาร บนพื้นที่เดิม กับ Oh! Vacoda & the Fruit Bar Club
ผ่านมา 5 ปี เด็กแสนซนคนนี้ก็โตขึ้น
สิ่งแรกที่เราเห็นตั้งแต่มมาถึงร้านก็คือ ตัวร้านสีส้มสุดสนุกได้เปลี่ยนไปเป็นสีเขียวตุ่นที่นิ่งขึ้น (แต่ยังมีความสนุกซ่อนอยู่นะ) กับบรรยากาศในร้านที่เปลี่ยนแบบลืมไปเลยว่าร้านเวอร์ขั่นก่อนหน้าตาแบบไหน และแม้ 2 เจ้าของร้านอย่าง เพียงพลอย – รุจิยาทร โชคสิริวรรณ และ บอม – วัชรพงษ์ ทองยาน จะง่วนอยู่หลังเคาน์เตอร์มากแค่ไหน แต่เราก็ต้องขอดึงตัวมานั่งคุยถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้กันสักหน่อย
ถ้าจะให้พูดก็ต้องบอกว่า ตัวร้านเวอร์ชันใหม่ได้แรงบันดาลใจมาจากเพลง Japanese City Pop ในยุค 70-80’s ที่ทั้งคู่ชอบฟังเพลงแนวนี้อยู่แล้ว วันหนึ่งพอฟังเพลงชิลล์ ๆ แล้วมองตัวร้านของตัวเอง ภาพปกอัลบัมเพลง City Pop ของ Hiroshi Nagai (ฮิโรชิ นากาอิ) นักวาดภาพประกอบชาวญี่ปุ่น (ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากศิลปินชาวอังกฤษ David Hockney (เดวิด ฮอกนีย์) อีกที) ที่ชอบมีภาพอาคารชั้นเดียวทรงเหลี่ยมหน้าตรงสีเจ็บเป็นหลัก ก็ผุดทับซ้อนขึ้นมากับร้านของตัวเอง ประกอบกับตัวร้านเองก็มีอายุมาได้ 5 ปีแล้ว ลูกค้าที่มาร้านเองก็โตตามเช่นกัน หากปีแรกลูกค้าอายุประมาณ 22 ปี ก็หมายความว่าตอนนี้พวกเขาจะอายุ 27 ปีแล้ว เลยคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องโตขึ้น และถือเป็นการจุดไฟให้ตัวเองอีกครั้งหลังจากที่แรงบันดาลใจหายไปจากหลาย ๆ ปัจจัย ทั้งสถานการณ์โควิด-19 หรือการโดนก็อปปี้สไตล์ของเค้กไปในปีสองปีก่อนด้วย
จากยุค 80’s ในแคลิฟอร์เนีย / ไมอามี สู่ยุคเดียวกันในฮาวาย / โอกินาว่า แทน
ตัวร้านทั้งในเวอร์ชันก่อนและเวอร์ชันใหม่ล่านี้ยังคงอยู่ในยุค 80’s เหมือนเดิม เพียงแค่ย้ายฝั่งจากฟีลแคลิฟอร์เนีย มาอยู่ฝั่งฮาวายแทน เปลี่ยนจากโทนสีส้มสดใส ให้เป็นสีเขียวแทน เพราะช่วงแรกหลายคนก็ทักว่าทำไมร้านอโวคาโดถึงไม่ใช่สีเขียวนะ รอบนี้จึงมาเขียวกันไปเลย! และการใช้สีนี้ก็ช่วยเน้นย้ำตัวตนว่าเราคือ Avocado Specialty ได้ด้วย
“ตัวร้านเองก็มีอายุมาได้ 5 ปีแล้ว ลูกค้าที่มาร้านเองก็โตตามเช่นกัน หากปีแรกลูกค้าอายุประมาณ 22 ปี ก็หมายความว่าตอนนี้พวกเขาจะอายุ 27 ปีแล้ว เลยคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องโตขึ้น และถือเป็นการจุดไฟให้ตัวเองอีกครั้งหลังจากที่แรงบันดาลใจหายไปจากหลาย ๆ ปัจจัย ทั้งสถานการณ์โควิด-19 หรือการโดนก็อปปี้สไตล์ของเค้กไปในปีสองปีก่อนด้วย”
ภายในของร้านก็มีการเปลี่ยนเลย์เอาต์ใหม่ทั้งหมด โชคดีที่ทั้งเพียงพลอยและบอมเองก็มีประสบการณ์ในการทำร้านมาก่อนไม่น้อย ตั้งแต่ Pocupine Cafe หรือแม้การไปเปิด Pop Up Store ที่ร่วมกับแบรนด์ชุดว่ายน้ำไทยสุดชิคอย่าง April Pool Day จึงทำการวางที่นั่งทั้งหมดใหม่ สั่งทำเฟอร์นิเจอร์ตามที่ทั้งคู่ออกแบบไว้ โดยเลือกใช้งานไม้สีเข้มที่ดูวินเทจนิด ๆ เปลี่ยนกำแพงสีสันสดใสที่มีงานเพ้นต์ประกอบ ให้กลายเป็นวอลล์เปเปอร์ผ้าที่ตั้งใจเลือก
และด้วยความที่ทั้งคู่เป็น Maximalism แบบตัวมัมตัวแด๊ด การจะเห็นร้านแบบคลีน ๆ โล่ง ๆ น่าจะยากหน่อย งานตกแต่งที่นี่จึงเต็มไปด้วยดีเทลและองค์ประกอบต่าง ๆ มากมาย โดยหยิบเอาของสะสมและความชอบของตัวเองใส่เข้าไป (ซึ่งก็มีเยอะพอที่จะเอามาใส่จนแน่นร้าน) ช่วยเติมเต็มบรรยากาศในร้านให้วินเทจและสื่อถึงความเป็น City Pop ตามต้องการมากขึ้น
งานนี้ไม่ได้เปลี่ยนแค่ตัวร้านเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนไปถึงแบรนด์ดิ้งของร้าน ทั้งชื่อร้านที่พ่วงท้ายยาวขึ้นเป็น Oh! Vacoda & the Fruit Bar Club ซึ่งจริง ๆ แล้วนี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะชื่อ The Fruit Bar Club นั้นเป็นชื่อบาร์ในพาร์ตกลางคืนของคาเฟ่อยู่แล้ว แต่รอบนี้หยิบมาใช้ร่วมกันเลยเพราะ
รวมถึงโลโก้ร้านและคาแรกเตอร์ที่ได้ EAOWEN นางแบบสาวที่มีดีกรีเป็นอาร์ติสต์ มีโอกาสร่วมงานกับแบรนด์ดังมากมาย อาทิ Casetify มาช่วยวาดรูปอโวคาโดตัวใหม่ให้ ที่ดูโตขึ้น แต่ยังสนุกและมีสีสันอยู่
Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club เสิร์ฟอโวคาโดเหมือนเดิม เพิ่มเติมคืออาหารแนว American – Japanese Brunch
ในฐานะที่ขึ้นชื่อลือชาในความเป็นคาเฟ่อโวคาโดอยู่แล้ว กาารกลับมาครั้งนี้ เมนูทั้งอาหาร ของหวาน และเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของอโวคาโดยังมีอยู่แน่ ๆ แต่ก็มีไลน์ทั้งเมนู เบเกอรี่ และเครื่องดื่มใหม่ ๆ มาอีก โดยมาในคอนเซปต์ American – Japanese Brunch ที่สอดคล้องกับ Vibe แบบ City Pop ยุคที่คนญี่ปุ่นฮิตในการเที่ยวฮาวายเอามาก ๆ นั่นเอง
เราได้ลองจานใหม่อย่าง Avocado Pesto Rice With Hamburg & Curry (370 บาท) ทางร้านเลือกใช้ข้าวญี่ปุ่นที่นำมาคลุกกับซอสโฮมเมดอโวคาโดเพสโต รองด้านล่างด้วยแฮมเบิร์กเนื้อผสมหมูที่ได้เชฟเจมส์-พงษกร บุญรักษา จากร้าน Jamie’s Burger มาช่วยครีเอตสูตรให้ แล้วทำให้เป็นทรงอโวคาโด เพิ่มด้วยไข่แดงที่นำไปดองดาชิ มาท็อปด้านบนให้เป็นเหมือนเม็ดของลูกอโวคาโด ราดด้วยซอสแกงกะหรี่เนื้อรสเผ็ดนิด ๆ กำลังกลมกล่อม เราแนะนำให้กินทั้งแบบเอาเนื้อแฮมเบิร์กมาจิ้มไข่แดงดองแล้วกิน กับลองเจาะไข่แดงคลุกกับข้าว แล้วกินทุกอย่างพร้อมกันในคำเดียว จะได้มิติของรสชาติที่แตกต่าง แต่อร่อยไปทั้ง 2 แบบ
อีกจานกับ Oh! Vacoda Fav Set (380 บาท) เซ็ตอาหารเช้าที่รวมสิ่งที่เราชอบมาหมดทุกอย่างแล้ว (ฟีลว่าจะเลือกทำไม เพราะเราสามารถกินได้ทุกอย่าง!) กับวาฟเฟิลสูตรบัตเตอร์มิลก์สไต์อเมริกัน ไข่ดาว ไส้กรอกหมูสดอาร์ติซานเครื่องเทศแน่น อโวคาโดสด และกาแฟร้อนที่เลือกได้ว่าจะเป็นอเมริกาโนหรือลาเต้ และไอศกรีมที่มีให้เลือกหลายรส เป็นอีกจานที่ไม่จำเป็นต้องกินตอนเช้า แต่ก็เอนจอยกับมันได้ตลอด
โฉบมาที่เครื่องดื่มอย่าง ครีมโซดา ที่คนญี่ปุ่นยุค 80’s จะฮิตสั่งกันมาก ๆ เวลาไปเดต แล้วจะต้องเป็น Melon – Vanilla Ice Cream (220 บาท) ด้วยนะ ซึ่งทางร้านได้สูตรนี้มาจากคุณลุงคุณป้าชาวญี่ปุ่นจริง ๆ
พอพูดถึงเครื่องดื่มแก้วนี้ ก็พบความน่าสนใจอีกอย่างของความ Japanese City Pop คือจริง ๆ แล้วนี่คือเพลงสำหรับคนเหงาในยุคนั้น แทนภาพด้วยคนที่ใช้ชีวิตคนเดียวในเมืองใหญ่อย่างโตเกียว ซึ่งตัวบรรยากาศ อาหาร และค็อกเทลของที่นี่ก็ค่อนข้างสอดคล้องกับคอนเซปต์นี้ ที่คนว้าเหว่และโดดเดี่ยว ก็สามารถแวะเวียนมาฝากท้องที่นี่ได้คนเดียว และอาจจะหายเหงากลับไปก็ได้ แน่นอนว่าเพราะคอนเซปต์นี้ บาร์เครื่องดื่มของที่นี่จึงไม่ได้โฉ่งฉ่างอะไรนัก และค็อกเทลตัวใหม่ (ทั้งหมด 6 แก้ว) ก็ถูกดีไซน์มาจากชื่อเพลง City Pop ที่เรารู้จักกันดีอีกด้วย (รวมของเดิมที่มีก็จะมีซิกเนเจอร์ทั้งหมด 12 แก้วแล้วนะตอนนี้)
ส่วนใครที่ชอบ Umeshu เป็นทุนเดิม ก็ต้องบอกว่ามาไม่ผิดที่แล้ว เพราะทั้งเพียงพลอยและบอมเองก็ชอบ Umeshu ญี่ปุ่นมาก พาร์ตบาร์เองจึงมี Umeshu ที่ทั้งคู่ Selected มาเองให้ลองมากกว่า 40 ตัว รวมถึงสปิริตต่าง ๆ ที่เน้นไปที่เหล้าผลไม้เป็นหลัก (ตามชื่อ The Fruit Bar Club) เช่น เหล้ากีวี เหล้าเสาวรส หรือ Japanese Natural Wine เป็นต้น นับว่าเป็น Specialty Umeshu Bar อีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ได้เลย
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของ Oh! Vacoda จึงเต็มไปด้วยความรู้สึกของวัยรุ่นที่โตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ยังคงสนุกกับชีวิตแต่ก็รู้จักตัวเองมากกว่าก่อน และดึงเอาตัวตนที่ชอบ กับความเป็น City Pop มานำเสนอได้อย่างชัดเจน ส่วนตัวเราว่านี่คือความลงตัวระหว่างความนิ่งและแอ็กทีฟ ความปัจจุบันและวินเทจ และเรายังคงยกให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งร้านในย่านอารีย์ที่แวะเวียนมาได้บ่อย ๆ เลยล่ะ
Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club
เปิดทุกวัน (เว้นวันอังคาร) เวลา 11:00 – 01:00 น.
ซอยอารีย์สัมพันธ์ 4 สามเสนใน พญาไท
BTS อารีย์ แล้วต่อพี่วิน | ไม่มีที่จอดรถ