หนึ่งในอาหารญี่ปุ่นที่เราฝากท้องไว้บ่อย ๆ คือ ราเมน (Ramen) นี่แหละ แต่ส่วนใหญ่แล้วราเมนแต่ละร้านก็มักจะแข่งกันที่เส้น ที่ซุป ที่ชาชูในชาม แต่เบสของน้ำซุปส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นซุปโชยุ ซุปมิโสะ และซุปชิโอะ (ซุปเกลือ) แต่ล่าสุด Routeen. ได้พบกับร้านราเมนที่เพิ่งเปิดเมื่อปลายเดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมาในย่านเมืองทองธานี อย่าง Modan Japanese Restaurant ที่จะเปลี่ยนซุปที่เราเคยคุ้นในชามราเมนกันไปเลย


ตัวร้านตั้งอยู่ในโครงการ BEEHIVE Lifestyle Mall ที่ชั้น 1 หาไม่ยาก ขนาดของร้านกำลังดี รับลูกค้าได้ประมาณ 30 คนได้ เราชอบหน้าตาของร้านที่ดูโฮมมี่หน่อย ๆ เลือกใช้ไม้สีสว่าง กับโซฟา และผ้าบุเก้าอี้สีเบจ ที่ช่วยทำให้ร้านดูกว้างขึ้น และยังสื่อถึงความเป็นญี่ปุ่นได้นิด ๆ แต่ก็ดูทันสมัย มินิมอลฟีลมูจิได้หน่อย ๆ สิ่งที่เตะตาคือการมีมู่ลี่ระหว่างหลุมที่นั่ง และม่านปิดของแต่ละโซนที่นั่ง คุณแอน – สมฤดี ศรีเคลือบ ผู้จัดการร้าน Modan บอกกับเราว่า เพราะทางร้านอยากสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการได้มากที่สุด (ไม่ต้องกลัวว่าพอปิดม่านแล้วจะเรียกพนักงานลำบากนะ สามารถกดปุ่มเรียกพนักงานได้ที่โต๊ะเลย)

คุณแอนยังบอกกับเราเพิ่มเติมว่า Modan Japanese Restaurant นี้ มีเจ้าของเดียวกับร้านเนื้อที่เรารู้จักกันดีอย่าง Beef Express (ที่ปัจจุบันมีอยู่ถึง 4 สาขา ได้แก่สาขาเลียบทางด่วนรามอินทรา, สาขาบางนา, สาขาเมืองทองธานี และสาขาราชพฤกษ์) หลังจากที่ทำร้านสเต็กสไตล์ตะวันตกอยู่นาน ก็อยากลงมาลุยในร้านอาหารญี่ปุ่น เพื่อสร้างความหลากหลายด้วย โดยเลือกสาขาแรก (และสาขาเดียวในตอนนี้) มาตั้งอยู่ที่โครงการ BEEHIVE เพราะชัยภูมิที่ค่อนข้างพลุกพล่าน ใกล้กับเมืองทองธานี และยังเป็นศูนย์การค้าที่มีคนแวะเวียนมาอย่างสม่ำเสมอ จึงเลือกที่นี่เป็นที่ตั้งของร้านนั่นเอง
และหากใครรู้ภาษาญี่ปุ่น ก็คงเดาได้ว่าชื่อร้านอย่าง Modan ก็มาจากการอ่านออกเสียงคำว่า Modern (โมเดิร์น) ในแบบภาษาญี่ปุ่นนั่นเอง ที่เลือกชื่อนี้เพราะทั้งการตกแต่งร้านที่ออกมาในทางญี่ปุ่นสมัยใหม่ ไปจนถึงเมนูราเมนที่ทำให้ทันสมัยและแปลกใหม่มากขึ้นด้วย
“Modan Japanese Restaurant นี้ มีเจ้าของเดียวกับร้านเนื้อที่เรารู้จักกันดีอย่าง Beef Express หลังจากที่ทำร้านสเต็กสไตล์ตะวันตกอยู่นาน ก็อยากลงมาลุยในร้านอาหารญี่ปุ่น เพื่อสร้างความหลากหลายด้วย”

จุดเด่นของราเมนที่ร้านนี้คงต้องยกให้น้ำซุป โดยมีน้ำซุปให้เลือก 5 ชนิดด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ Shoyu Soup (ซุปโชยุ) สำหรับคนชอบซุปแบบมาตรฐาน กลมกล่อม เค็มนำนิด ๆ จากนั้นยกระดับขึ้นมาเป็น Truffle Shoyu Soup (ซุปทรัฟเฟิลโชยุ) ที่ใส่ทั้ง Truffle Paste และ Truffle Oil ลงไปในซุปด้วย ส่วนใครชอบ Miso Soup (ซุปมิโซะ) ก็มีให้ลองเช่นกัน แต่ต้องบอกว่าซุปมิโซะที่นี่จะแตกต่างจากที่อื่นเล็กน้อยด้วยการใส่น้ำมันพริกลงไปเพื่อเพิ่มความเผ็ดเล็กน้อย ให้รสชาติของซุปมิโซะแปลกใหม่ขึ้น ส่วนใครอยากอัปเกรดความโมเดิร์นขึ้นมา ต้องลอง Pesto Miso Soup ที่จับเอาซอสเพสโตมาเจอกับมิโซะ เป็นชามซุปสีเขียวที่เราเห้นแล้วก็อดเดาไม่ได้ว่ารสชาติจะเป็นอย่างไร จนต้องลองสั่งมาชิม สุดท้ายกับซุป Sugoii Thai (สุโกอิ ไทย) หรือซุปต้มยำสุโขทัย ที่ทางร้านอยากให้มีราเมนรสไทย ๆ เข้ามาฟิวชั่นบ้าง แต่ซุปต้มยำก็มีหลายร้านราเมนทำไปแล้ว ประกอบกับตัวเจ้าของร้านเองก็ชื่นชอบต้มยำสูตรสุโขทัย จึงเลือกซุปต้มยำประเภทนี้มาเขย่ารวมกับราเมนสไตล์ญี่ปุ่นเสียเลย

โดยราเมนทั้งหมด สามารถเลือกสั่งเป็นราเมนปกติ หรือเป็นท์สึเคเมน (Tsukemen) หรือราเมนแห้งจิ้มน้ำจุ้มแล้วก็ชุบน้ำซุปเข้มข้นก็ได้ นอกจากนี้ ทางร้านเองก็ยังมีท็อปปิ้งให้เลือกใส่เพิ่มเติมอีกมากมายตามแต่ความต้องการอีกด้วย อีกสึ่งหนึ่งที่โดดเด่นของที่นี่คือเรื่องเส้นราเมน ที่ทางร้านทำเส้นสดเอง โดยมีขนาดของเส้นเพียงขนาดเดียว (ไม่มีให้เลือก) เป็นราเมนเส้นกลม ไม่ใหญ่มาก และไม่เล็กเหมือนบะหมี่ ลวกเส้นมานุ่ม แต่หากใครชอบเส้นแข็ง ๆ กรุบ ๆ หน่อย ก็สามารถแจ้งพนักงานได้เช่นกัน


เราลองสั่งชามแรกเป็น บิฟุทรัฟฟิลโชยุเมน (920 บาท) และเลือกมาเป็นท์สึเคเมนดูสักหน่อย เราอยากลองเพราะมั่นใจเรื่องเนื้อว่าจะต้องดี (แหม ก็มีร้าน Beef Express เสียขนาดนี้) ราเมนแห้ง เสิร์ฟพร้อมกับหน่อไม้เมนมะ สาหร่ายแผ่นใหญ่ และไข่ต้มดองโชยุกับต้นหอมซอย ท็อปด้วยเนื้อ Wakyu Steak นำเข้าจากออสเตรเลียด้านหนึ่ง อีกด้านจะเป็นเนื้อสไลซ์ Wakyu ส่วน Chuck roll นำเข้าจากออสเตรเลียเช่นกัน มาคู่กับซุปทรัฟเฟิลโชยุที่กลิ่นโชยเตะจมูกมาแต่ไกล เรียกน้ำลายให้คนรักทรัฟเฟิลได้ดีมาก ๆ เราชอบที่ตัวเนื้อสเต็กเขากริลล์มามีเดียมหน่อย ๆ กำลัง Juicy เนื้อนุ่มมากและไม่เหนียวเลย ซุปทรัฟเฟิลโชยุมาแบบเค็มนำนิด ๆ แต่ก็กลมกล่อมได้ที่ กลิ่นทรัฟเฟิลคือหอมฟุ้ง แต่ส่วนตัวเราอยากให้ตัวซุปข้นมากกว่านี้อีกนิดเพื่อให้ติดเส้นเมื่อจุ่มมากขึ้น แต่มั่นใจว่าหากเป็นราเมนปกติจะต้องออกมาดีแน่ ๆ

อีกชามเป็น เอบิเพสโตมิโซะเมน (290 บาท) กุ้งหวานตัวโตมาเน้น ๆ ถึง 2 ตัวจากอาร์เจนตินา เบิร์นไฟมานิด ๆ ให้มีกลิ่นหอม เนื้อเด้ง ๆ มาพร้อมเครื่องราเมนเช่นเดียวกับชามก่อนหน้า กับสิ่งที่พิเศษอย่างซุปเพสโตมิดซะที่อยากลองมาก ๆ ว่ารสชาติจะเป็นอย่างไร และต้องบอกว่ายอมรับในไอเดีย เพราะรสชาติแปลกใหม่ และถูกปากพวกเราจริง ๆ กลิ่นโหระพาชัดเจนตามสไตล์ของเพสโต แต่ยังมีรสชาติของมิโซะอยู่ที่ปลายลิ้นเพิ่มเติม เป็นอีกชามที่อยากให้ลองด้วยตัวเอง


ขออีกชามกับ บุตะสุโกอิไทยเมน (280 บาท) รามเมนในซุปต้มยำสูตรสุโขทัย ที่มีถั่วฝักยาวฝานในซุปรสหวานนำ เปรี้ยว เค็ม เผ็ด ตามมา เปลี่ยนท็อปปิ้งในชามจากสาหร่ายเป็นเกี๊ยวทอดแผ่นโต เสิ์ฟพร้อมกับหมูกรอบ และชาชูสูตรพิเศษของทางร้าน และโรยด้วยกากหมูเจียว ใครที่ชอบอะไรไทย ๆ ชามนี้น่าจะตอบโจทย์ได้


นอกจากนี้ทางร้านยังมีเมนูอื่น ๆ นอกเหนือจากราเมนให้ได้สั่งกันด้วย เราเลือกเป็น สลัดหมูชาชูโมดัน (290 บาท) สลัดโบลว์ชามโตที่ประกอบไปด้วยอโวคาโด สับปะรด มะเขือเทศ หอมแดง แตงกวาญี่ปุ่น ผักเรดโอ๊ก ผักฟิลเลย์ไอซ์เบิร์ก และแรดิช ท็อปด้วยชาชูชิ้นโตหั่นหนา โดยสามารถเลือกน้ำสลัดได้ทั้งน้ำสลัดงาคั่ว และน้ำสลัดโชยุ ตามความชอบ กับ เกี๊ยวซ่าซอสมิโซะ (3 ชิ้น 69 บาท และ 6 ชิ้น 129 บาท) เกี๊ยวซ่าไส้แน่น ทอดแบบดีปฟรายส์ ราดด้วยซอสมิโซะสูตรเฉพาะของทางร้าน ที่ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มเลยก็รสชาติถูกปากแล้ว
ทางร้านยังมีท็อปปิ้งอื่น ๆ ให้เลือกอีกเยอะมาก ๆ เช่น ยากิโทริ, กิวตัน หรือลิ้นวัวชาชู, ชิฟุโดะ (กุ้งหวานและหอยเชลล์จากฮอกไกโด) หรืออุนางิ (ปลาไหลย่างซีอิ๊วญี่ปุ่น) เรียกว่ามิกซ์แอนด์แมตซ์ได้ตามใจเลยล่ะ

เราว่านี่คืออีกหนึ่งร้านราเมนที่ใครชอบแนวคลาสสิกก็มี ใครอยากลองประสบการณ์ใหม่ ๆ ก็ได้ กับความพายายมที่จะพาเราให้ได้เจอกับความโมเดิร์นของซุปโชยูและมิโซะที่คุ้นเคย อีกอย่างที่เราชอบคือเรื่องของวัตถุดิบที่สัมผัสได้ว่าตั้งใจคัดมา และเรื่องเนื้อก็เป็นอะไรที่ไม่ผิดหวังเลยเช่นกัน หากวันไหนได้แวะไปแถวเมืองทองธานี ลองมอง ๆ Modan เอาไว้เป็นอีกหนึ่งมื้อเผื่อฝากท้องยามหิวก็ได้นะ
เปิดทุกวัน 11:00 – 20:30 น.
ชั้น 1 โครงการ BEEHIVE Lifestyle Mall ถนนป๊อบปูล่า เมืองทองธานี
BTS อนุเสารีย์ชัยสมรภูมิ แล้วต่อรถตู้มายังเมืองทองธานี | มีที่จอดรถ