Routeen. พาออกไปเที่ยว Fukuoka (ฟุกุโอกะ) กันแบบถึงลูกถึงคนมาด็หลายสถานที่ ทั้งออกไปตะลุยเที่ยวแบบวันเดียว 9 แลนด์มาร์ก (อ่านอีกครั้งที่นี่) ตะลุยกินแบบจุก ๆ 8 ร้าน (ก็กลับไปตามรอยความอร่อยได้อีกครั้งที่นี่) หรือจะพาออกไปเที่ยวยังเมืองเคียงข้างอย่าง Yufuin (ยุฟุอิน) และ Beppu (เบปปุ) มาแล้ว แต่อีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนตั้งใจใส่ไว้ในแพลน นั่นคือการไปไหว้ขอพรสิ่งสักด์สิทธิ์ พร้อมชมความสวยงามของวัด และศาลเจ้าญี่ปุ่น แต่จะดีแค่ไหน ถ้าศาลเจ้าที่เราไป สวยทั้งสิ่งปลูกสร้าง และวิวแบบหลักล้านไปพร้อมกัน กับ Miyajidake Shrine (ศาลเจ้ามิยะจิดะเคะ) ใน ฟุกุโอกะ
นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่หลายคนอยากมาดูด้วยตาตัวเอง และเป็น 1 ใน 3 สถานที่นอกเหนือจาก Nanzoin Temple (วัดนันโซอิน) และศาลเจ้าแห่งเครื่องราง Dazaifu Tenmangu (ดะไซฟุ เทนมันกุ) และเพราะจังหวัด Fukuoka นั้นถือเป็นจังหวัดที่มีศาลเจ้ามากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น จึงไม่แปลกที่จะมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ห้ามพลาดเยอะมาก ๆ
ถึงอย่างนั้น ชื่อเสียงของ Miyajidake Shrine สำหรับนักท่องเที่ยวไทย ก็อาจไม่ได้เปรี้ยงปร้างหรือเป็นที่แบบ “ห้ามพลาด” อย่าง 2 สถานที่ที่เรากล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ทั้ง ๆ ที่นี่ก็มีความพิเศษไม่แพ้กับอีก 2 แห่งเลย นั่นอาจเป็นเพราะที่ตั้งที่แยกออกมาจากทั้ง 2 แห่งก่อนนี้ที่สามารถเดินทางไปวันเดียวกันได้ แต่ Miyajidake Shrine จะฉีกออกมาอีกด้าน ทำให้หลายคนต้องตัดศาลเจ้านี้ออกไปจากแพลนอย่างเสียมิได้
ภาพจากภาพยนตร์โฆษณา JAL โดย 5 หนุ่มวง Arashi
Miyajidake Shrine เป็นศาลเจ้าของศาสนานิกายชินโต ทั้งพื้นที่ของศาลเจ้าจะรวมด้วยศาลเจ้าอื่น ๆ อีก 8 แห่ง ที่สามารถขอพรได้แตกต่างกันออกไป ศาลเจ้าแห่งนี้เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังมากขึ้นจากโฆษณาของสายการบิน Japan Airlines (JAL) ที่นำเอา 5 หนุ่มวง Arashi (อาราชิ) ในยุคที่กำลังดังเป็นพลุแตกไปทั่วเกาะญี่ปุ่น (ตอนนี้อาราชิไม่มีแล้วนะ แง้) มาเป็นพรัเซนเตอร์ชักชวนให้ทุกคนมาท่องเที่ยวญี่ปุ่น และหนึ่งในสถานที่ที่ทาง JAL เลือก ก็คือศาลเจ้าแห่งนี้ ที่ชวนต้องมนตร์ด้วยภาพบันไดสูง ที่มีเสาโทริอิอยู่เป็นระยะ โดยบันไดนี้ถูกเชื่อมต่อไปยังถนนสัญจร ที่ทอดยาวไปยังทะเลเบื้องหน้า โดยที่มีอวงอาทิตย์สาดแสงสีสองขณะกำลังจะลับขอบฟ้า ลงตรงเป็นเส้นระนาบเดียวกัน เป็นวิวสุดสตันท์ที่กลายเป็นภาพจำของที่นี่ไปแล้ว
ขอบคุณภาพจาก Visit Japan
สำหรับเราที่แม้จะไม่ได้แวะมาในช่วงเย็นเพื่อมาดุภาพดวงอาทิตย์ตกอย่างที่ใครต่อใครร่ำลือ แต่ก็ต้องบอกว่าเมื่อมาเห็นของจริงแล้วก็รู้สึกตรงปกเป็นอย่างมาก เพราะวิวที่เราได้เห็นด้วยตาเนื้อเป็นอย่างที่เห้นในภาพโฆษณาจริง ๆ จนคิดเสียดายว่าหากมาตอนอาิทตย์ตกน่าจะฟินกว่านี้แน่ ๆ
แอบบอกเคล็ดลับว่า หากอยากเห็นอาทิตย์ตรงแบบเป็นเส้นตรงกับถนนและบันไดขึ้นศาลเจ้าแล้วล่ะก็ ต้องลองมาในช่วงประมาณวันที่ 20 ของเดือนกุมภาพันธ์ และเดือนตุลาคมดู อาจจะได้เห็นปรากฎการณ์แบบเดียวกับ “แมนฮัตตันเฮนจ์” ในนิวยอร์กนะ
นอกจากวิวสุดยอดนี้ ศาลเจ้านี้ยังมี “สามสิ่งที่เป็นที่สุด” บรรจุเอาไว้อยู่อีก ได้แก่ Shimenawa (ชิเมะนะวะ) หรือเชือกฟางที่เราเห็นแขวนไว้บริเวณหน้าศาลเจ้า ที่นี่นับว่าเป็นศาลเจ้าที่มีเชือก Shimenawa ขนาดใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และมีน้ำหนักมากถึง 3 ตัน หากลองเงยหน้าขึ้นไปมองที่ปลายเชือกที่ถูกตัดห้อยไว้ จะเจอเหรียญ 1 เยนเสียบอยู่เอาไว้มากมายเต็มไปหมด เป้นการขอพรอีกอย่างหนึ่งนอกจากการโยนเหรียญ 5 เยนลงในกล่อง จะว่าไปก็คล้ายกับการโยนเหรียญลงบ่อน้ำขอพรในวัดบ้านเราอยู่เหมือนกัน
รวมถึงยังมี “กลองไทโกะ” และ “ระฆังใหญ่” ซึ่งถือเป็น 3 ความใหญ่ที่มีที่นี่ หากใครมีโอกาสมาแล้วก็อย่าลืมตามหาทั้ง 3 สิ่งนี้ให้ครบกันนะ
ในวันที่เราเดินทางไปถึง แม้จะเป็นเวลาเที่ยงแล้ว แต่ศาลเจ้าก็เงียบสงบ แม้กระทั่งร้านค้าบริเวณทางเดินไปยะงศาลเจ้าก็ไม่มีร้านไหนเปิดเลยแม้แต่ร้านเดียว สำหรับใครที่อยากมาในช่วงที่ศาลเจ้าคึกคักมาก ๆ ขอแนะนำให้มาในช่วงวันที่ 1 ของทุกเดือน เพราะที่ศาลเจ้าแห่งนี้จะมีพิธี Tsuitachi (ท์สึอิทะจิ) ซึ่งจะเป็นพิธีสวดมนต์เล็ก ๆ ในช่วงของเที่ยงคืน ในวันนั้นร้านอาหาร และร้านขายของฝาก จะเปิดกันอย่างคึกคักจนถึงดึกเลยนั่นเอง
ขึ้นชื่อว่า Fukuoka เป็นเมืองอันดับ 3 ที่มีวัดและศาลเจ้าเยอะที่สุดทั้งที จะพาไปทำความรู้จักแค่ Miyajidake Shrine ก็คงไม่ได้ ติดตามซีรีส์พิเศษของ Routeen. นี้เอาไว้ แล้วเราจะพาไปสัมผัสกับสถานที่อื่น ๆ อีกแน่นอน
Miyajidake Shrine
เปิดทุกวัน 09:00 – 17:00 น.
7-1 Miyaji Motomachi, Fukutsu, Fukuoka 811-3309, Japan
นั่งรถไฟสาย Kagoshima ลงสถานี Fukuma จากนั้นต่อรถเมล์สาย 1-1 เพื่อไปยังศาลเจ้า