ตั้งแต่ที่ Routeen. ได้มีโอกาสไปลองชิมมัตฉะเกรดพิธีการในร้านสุดเท่กลางยานทรงวาด กับ CÉRÉMONIALE Matcha Atelier (เซเรโมเนียล มัตฉะ แอทเทลเย) มาก่อน และได้พบกับ 2 ผู้ก่อตั้งร้านอย่าง คุณโอม – อัครภณ ภาณุวงศ์กูล และ คุณแพรว – ฉันทิศา เตตานนทร์สกุล ซึ่งทำให้เรารู้ว่า นอกจากร้านมัตฉะนี้แล้ว ทั้งสองยังมีโปรเจ็กต์อื่น ๆ นอกเหนือจากที่นี่อีกมากมาย หนึ่งในนั้นคือ Produced By KHUN OHM ที่ขยันออกโปรเจ็กต์สนุก ๆ และน่าสนใจมาอย่างต่อเนื่อง (ล่าสุดก็ วิวัฒน์ชัยค้ากาแฟ Vol.2 ที่ต่อยอกมาจากงาน Bangkok Design Week 2024 ที่ผ่านมานี้เอง)
ล่าสุด Produced By KHUN OHM ก็สร้างอิเวนต์ที่น่าสนใจมาก ๆ อย่างการพาเชฟจากประเทศญี่ปุ่น ข้ามน้ำข้ามทะเลมาสู่กรุงเทพฯ เพื่อให้เรามีโอกาสได้ลองฝีมือของเชฟที่หาไม่ได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องบินไปถึงที่ ต้องบอกว่าอิเวนต์นี้จะมีเชฟจากญี่ปุ่นมาถึง 3 เชฟ จาก 3 ร้านอาหาร ที่แต่ละร้านเองก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว (แบบว่าถ้าเราไปเอง น่าจะไม่มีโอกาสได้ลองเพราะไม่มีข้อมูลมาก่อน) แต่คุณโอมจัดมาให้เราได้ โดยประเดิมครั้งแรกกับ Mioorto Omakase Cucina Italiana โดยเชฟ Kenji Muto (เคนจิ มุโตะ)
แล้ว Produced By KHUN OHM ไปเจอเชฟเคนจิ และเชื้อชวนมาเปิดคอร์สพิเศษถึงกรุงเทพฯ กันได้อย่างไร? Routeen. ขอแอบเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปสั้น ๆ ว่า สืบเนื่องจากคุณแพรวเคยไปศึกษาที่เมืองนาโกยา ประเทศญี่ปุ่นมาก่อน ทำให้มีโอกาสได้แวะเวียนกลับไปยังเมืองนี้อยู่แทบทุกปี
วันหนึ่งพบว่าเพื่อสนิทชาวญี่ปุ่นของคุณแพรวอย่าง Wakana Obara (วากานะ โอบาระ – ที่เธอยังเป็นศิลปินสร้างงานศิลปะ และกำลังจะมีนิทรรศการศิลปะจัดแสดงในบ้านเรา บนสเปซแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ เร็ว ๆ นี้ด้วยนะ) ได้ชวนพวกเขาไปทานมื้อเย็นกับที่ร้านอาหารที่เธอทำงานอยู่ ซึ่งร้านนั้นคือ Mioorto นั่นเอง
“ความเป็นอาหารอิตาเลียนสำหรับเชฟเคนจิก็เป็นเพียงโฮมคุกที่เข้าถึงง่าย และยังผนวกเอาเทคนิคต่าง ๆ แบบอิตาเลียน มาใช้กับวัตถุดิบและเทคนิคของญี่ปุ่น ออกมาเป็นเมนูใหม่ ๆ เฉพาะตัวอีกด้วย”
เมื่อเข้าไปก็ต้องพบว่า คุณวากานะเธอปิดร้านที่มีที่นั่งเพียง 6 ที่ให้กับพวกเขาทั้งสองคนโดยเฉพาะ เพื่อลิ้มลองรสชาติของเมนูที่เชฟเคนจิรังสรรค์และลงมือเสิร์ฟ และได้พูดคุยกันจนรู้ว่าเชฟเคนจิเรียนทำอาหารมาจากอิตาลีตอนบน และได้ทำงานในร้านอาหารที่อิตาลีมายาวนาน และเชี่ยวชาญการทำอาหารทั้งอิตาเลียนและญี่ปุ่น
ในขณะเดียวกัน เมื่อเชฟเคนจิกลับมายังญี่ปุ่น ก็อยากจะทำอาหารอิตาลีเพื่อลบภาพลักษณ์ของอาหารอิตาเลียนของชาวญี่ปุ่น ว่าจะต้องเป็นอาหารหรูราคาแพง ต้องทานในโอกาสพิเศษ ซึ่งจริง ๆ แล้วความเป็นอาหารอิตาเลียนสำหรับเชฟเคนจิก็เป็นเพียงโฮมคุกที่เข้าถึงง่าย และยังผนวกเอาเทคนิคต่าง ๆ แบบอิตาเลียน มาใช้กับวัตถุดิบและเทคนิคของญี่ปุ่น ออกมาเป็นเมนูใหม่ ๆ เฉพาะตัวอีกด้วย
พอได้รับรู้ถึงความพิเศษ แถมยังได้ลิ้มลองแต่ละเมนูด้วยตัวเอง ก็พบว่าหากไม่มีคุณวากานะ ก็คงไม่มีโอกาสได้มากินที่ Mioorto แน่ ๆ เพราะก็คงไม่รู้ว่ามีร้านโอมากาเสะแบบนี้ตั้งอยู่เหมือนกัน Produced By KHUN OHM จึงถือโอกาสชวนเชฟเคนจิ มาลองสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับชาวกรุงเทพฯ ดูบ้าง เราจึงมีโอกาสได้ลองฝีมือของเชฟเคนจิอย่างที่หาโอกาสที่ไหนไม่ได้อีกแบบนี้นี่เอง
สำหรับ Mioorto Omakase Cucina Italiana นี้จะมีให้เลือกทั้งคอร์ส Italian Kappo Course (ราคา 5,800++ บาท เฉพาะวันที่ 5-7 มิถุนายน 2567) และคอร์ส Premium Italian Kappo Course (ราคา 7,800++ บาท เฉพาะวันที่ 8-9 มิถุนายน 2567) โดยสามารถเพิ่ม Wine Pairing by Chef’s Selection ได้อีก (ราคา 2,500 บาท)
Pop Up นี้เกิดขึ้นที่ Counter Culture Bangkok ในซอยสุขุมวิท 31 ที่ทางคุณโอมเลือกที่นี่ เพราะหากดูบรรยากาศของร้าน Mioorto ที่นาโกยา กับบรรยากาศที่นี่แล้ว ค่อนข้างมีความคล้ายกันอยู่ไม่น้อย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่คล้ายกับการไปลองนั่งที่นาโกยาจริง ๆ ที่ Counter Culture จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
แม้วันที่เราได้ไปลอง จะไม่ได้ลองแบบ Full Course แต่ก็ต้องบอกว่าเชฟเคนจิตั้งใจรังสรรค์แต่ละจานออกมาแบบไม่ยั้ง และเสิร์ฟจนเราเองก็อดคิดไม่ได้ว่า “นี่ไม่ใช่ฟูลคอร์สจริง ๆ เหรอเนี่ย” เริ่มกันด้วย Frit Of Matcha Ravioli With Italian Ricotta Cheese ราวิโอลีมัตฉะไส้ริคอตตาชีส
ที่ไม่ใช่แค่ดึงเอาความเป็นอิตาลีและญี่ปุ่นเข้าไว้ด้วยกันเท่านั้น แต่เชฟยังแอบใส่ความเป็นไทยด้วยการใส่มังคุดเข้าไปด้วย จานนี้เสิร์ฟมากับ Kish With Zucchini และแฮม, Egg-Grilled Eggplant และ Grilled Seafood Risotto ที่กรอบ ๆ ด้านนอก และด้านในยังนุ่ม ๆ อยู่ เป็นจานเปิดที่มีหลากหลายรสชาติ แต่รวม ๆ รสยังไลต์ ๆ ไม่โดดจนเกินไป
ต่อกันที่ Homemade Kara Sumi กับไข่ปลาคาราซุมิหมักเกลือ ที่ต้องใช้เวลาทำถึง 2 เดือน โดยเชฟเคนจิพาตรงมาจากญี่ปุ่นเลย เสิร์ฟกับโฮมเมดพาสตา (Kitara) ที่เชฟเคนจิเล่นเก๋ ลองใช้แป้งไทยมาทำเส้นพาสตาดู โดยเชฟเลือกใช้แป้งเค้กตาพัดโบก แป้งสาลีอเนกประสงค์ตราว่าว และแป้งขนมปังตราหงส์ขาว มาผสมกันจนได้แป้งที่นำมาใช้ทำเส้นพาสตา และเมนูแป้งอื่น ๆ ในคอร์สนี้ด้วย
ต่อกันที่อีกหนึ่งจานที่เราชอบเป็นการส่วนตัวกับ Carpaccio โดยเชฟเลือกใช้ปลาดิบจากประเทศญี่ปุ่นมาทำกรรมวิธีแบบการ์ปัชโช กับปลา Sea Bream ที่เสิร์ฟพร้อมหัวหอมขูด อิตาเลียนเคเปอร์ มัสตาร์ด พร้อมซอสโฮมเมดที่ทำมาจากมะเขือเทศอบแห้งและ Kenken Bonito และยังมีโฮตาเตะ และขิงดองด้วย
จานต่อมากับ Handmade Pasta Tortelline Broad พาสตาราวิโอลีไส้ไก่ เนื้อ และแฮม ไซซ์เล็ก ๆ พอดีคำ ในซุปผักร้อน ๆ ช่วยตัดรสชาติและล้างปากก่อนเดินทางสู่จานซีฟู้ดอีกจาน กับหอยเป๋าฮื้อจากจังหวัดชิบะ ที่นำมาตุ๋นจนเนื้อนุ่ม ทานคู่กับปลากระพงแดงย่าง เสิร์ฟพร้อมบัลซามิก ต้องบอกว่าซอสรสชาติดีและโดดเด่นมาก ๆ ทำให้จานนี้เด่นขึ้นมาขึ้นอีกเยอะเลยล่ะ
เข้าสู่จานหลักกับ Roasted Lamb Loin เนื้อแกะที่นำไปอบในเตาจนเปื่อยนุ่ม เสิร์ฟพร้อมซอสไวน์แดง ซิตรีส และกราแตงมันฝรั่ง เป็นจานเนื้อที่ทำได้ดีมาก ๆ ไม่มีกลิ่นสาบ และเนิ้อแทบจะละลายในปากเลย ก่อนที่จะส่งต่อไปยังจานคาวสุดท้ายกับ Portini Mushroom And Various Mushroom Risotto ริซอตโตเห็ดที่คุกมาแบบเพอร์เฟค รสชาติไลต์ ๆ ตามสไตล์ของเชฟ แต่กินได้หมดจานไม่เบื่อ
ปิดท้ายด้วยของหวานกับ Three Homemade Gelatos มาใน 3 รส กับคาราเมล มัตฉะ และรสพริกไทยดำ (ส่วนตัวเราชอบรสคาราเมลมาก ถึงรสคาราเมลเข้มข้นสุด ๆ) ปิดท้ายด้วย Panna Cotta ที่เชฟเคนจิเลือกเอาเสาวรส ผลไม้เมืองร้อนรสเปรี้ยวหวานมาใช้เป็นหน้าพานาคอตตาด้วย
นอกจากนี้คุณโอมยังลงมือดริปกาแฟให้เราดื่มปิดคอร์สกันด้วย กับเมล็ดเบลนด์พิเศษอย่าง Nostalgic Memories เมล็ดคั่วอ่อนแบบ Nordic Light Roast ที่มีการเบลนด์เมล็ดแบบอิตาเลียนโบราณและแบบญี่ปุ่น ซึ่งเข้ากับคอนเซปต์ของอาหารในคอร์สนี้ได้ดีทีเดียว
เรียกว่าเป็นประสบการณ์การทานโอมากาเสะที่เราไม่ต้องลงทุนบินไปไกลถึงญี่ปุ่น แถมเชฟยังมีการทำการบ้าน หยิบเอาวัตถุดิบในบ้านเรามาครีเอตเป็นเมนูที่เราคุ้นเคย แต่ได้รสสัมผัสและมิติใหม่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ และถึงแม้ว่าอิเวนต์ของ Mioorto จะจบลงไปแล้ว แต่ยังมีอีก 2 เชฟจากญี่ปุ่นที่เตรียมให้เราออกไปสัมผัสกันได้อีก ติดตามความเคลื่อนไหวกันได้ที่ Produced By KHUN OHM ได้เลย
Mioorto
เปิดทุกวัน เวลา 18:00 – 23:00 น.
1 Chome-36-47 Nagono, Nishi Ward, Nagoya, Aichi, Japan
สถานี JR Nagoya ทางออก 2 แล้วเดินประมาณ 500 เมตร
