Micro System เจริญนคร กับคอนเซปต์ Beans to Bar กลางวันเป็นคาเฟ่ กลางคืนเป็นบาร์ไวบ์ชิลล์

กลางวันเป็นคาเฟ่กลางคืนเป็นบาร์ แถมยังมีแมวให้จกพุง นี่คือร้านในคอนเซปต์ Beans to Bar กลางวันเป็นคาเฟ่ กลางคืนเป็นบาร์ในย่านเจริญนคร ที่ให้เรามาแฮงเอาต์ปล่อยใจได้แบบเช้าจรดค่ำ ที่ร้าน Micro System เจริญนคร

Micro System เป็นร้านเล็ก ๆ ในซอยเจริญนครซอย 2 ใช้ชั้น 1 ของตึกออฟฟิศขนาด 1 คูหา มาเปิดเป็นคาเฟ่และบาร์มู้ดง่าย ๆ ที่วางเคาน์เตอร์ โต๊ะเก้าอี้ และของสะสมไว้อย่างมีเทส

คุณเอิง – ภัคนิตย์ ชมโฉม และ คุณพงษ์ – พงษ์พัฒน์ ศรีสำราญ เจ้าของร้านที่ทำกันแค่ 2 คน เล่าให้เราฟังว่า เดิมทีตึกนี้ตั้งใจทำเป็นออฟฟิศ ที่รวมถึง 3 บริษัท ย้ายมาได้ราว ๆ 4 ปีแล้ว มีทั้งบริษัท Autosave Studio ที่ทำเกี่ยวกับ Stage Design อีกหนึ่งบริษัทคือ SCENOGRAPHY DEPARTMENT BANGKOK แตกไลน์ออกมาทำเกี่ยวกับ Exhibition Design และ Than Anurak Co.,Ltd ที่ทำเกี่ยวกับรับเหมาบูรณะโบราณสถาน

ฟังมาถึงตรงนี้ ยังไม่เจอจุดไหนจะเชื่อมโยงมาหาคาเฟ่และบาร์ได้เลย คุณพงษ์เลยบอกเราว่า ที่มาทำคาเฟ่ได้ จริง ๆ เป็นความตั้งใจตั้งแต่ย้ายมาเลยแหละ ด้วยความที่พื้นที่ชั้น 1 ว่างอยู่แล้ว และทั้งคู่ก็ชอบกินแฟ ทำกินเองอยู่แล้ว มองว่าโลเคชันก็ดีด้วย ใกล้รถไฟฟ้า แถมยังใกล้ไอคอนสยาม (แบบมาก ๆ) เลยอยากเปิดคาเฟ่ ใช้พื้นที่ให้เป็นประโยชน์

ซึ่งคอนเซปต์ เรียกว่าไม่มีคอนเซปต์เลยก็ว่าได้  คือทั้งคู่บอกเราว่า ‘เพราะงานที่ทำก็ต้องคิดมากอยู่แล้ว พอมาเป็นตัวเองก็ไม่อยากคิดอะไรเยอะ (ขำ)’ เรียกว่าไม่ได้ตั้งไว้ว่าต้องเป็นแบบใดเลย แค่หยิบเอาสิ่งที่ชอบมารวม ๆ กันเหมือนเป็นการคอลลาจมากกว่า จะเห็นว่ามีทั้งเครื่องกาแฟ เครื่องเล่นไวนิล ลำโพง เปียโนหลังใหญ่ ไปจนถึงเก้าอี้โรงหนังสกาล่าที่เก็บสะสมมาก่อนร้านจะเปิดเสียอีก 

“ไม่ได้มองว่าต้องออกมาเป็นแบบนี้ แต่ทำไปเรื่อย ๆ บางอย่างก็ซื้อไว้ก่อน อย่างเก้าอี้สกาล่า ที่เขารื้อออกมา ก็ไปซื้อเก็บมาไว้ เลยเป็นของที่มิกซ์ๆ กัน ไม่ได้พยายามจะเป็นอะไรเลย เพราะเราทำงานออกแบบอยู่แล้ว ต้องคิดคอนเซปต์อยู่ตลอด พอมาทำร้านตัวเองเลยคิดว่าไม่อยากมีธีมมาครอบอะไรขนาดนั้น”

ตัวร้านจะมี 2 ชั้น โดยชั้นล่างจะเป็นโซนคาเฟ่และบาร์มีที่นั่งกินดื่ม ส่วนชั้นลอย และชั้น 2 ทำ Art Installation ให้มาถ่ายรูปเล่นกันได้ 

ที่เห็นลูกบอลสีเงินกับตู้ทีวี มาจากของที่เหลือจากงานที่ทำ ด้วยความที่บริษัทรับทำ Production Design ทั้งเวทีคอนเสิร์ตรวมถึงนิทรรศการต่าง ๆ เลยมักจะมีของที่เหลือจากงานอยู่เสมอ ทั้งคู่มองว่าไม่อยากทิ้งให้เป็นขยะ ก็เลยนำมาจัดวางเป็นงานอาร์ต ซึ่งก็ดูเข้ากันได้ดี

ชื่อร้าน Micro System เริ่มมาจากชอบคำว่า System เพราะชอบการมีระบบ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม เลยอยากให้ระบบนำหน้า และแค่อยากให้มันเป็น  2 คำ เลยหาคำมาเติม ส่วนหนึ่งก็ชอบคำว่า Micro เหมือนกัน เหมือนเป็นอะไรเล็ก ๆ ดี คิดง่าย ๆ แค่ว่า อยากทำอะไรที่มันเป็นอะไรก็ได้ที่อยากทำมากกว่า ไม่ต้องซับซ้อน

Micro System Cafe จิบกาแฟ กินขนมตอนกลางวัน

สำหรับพาร์ทคาเฟ่ในตอนกลางวัน มีความจริงจังไม่น้อย ด้วยความชอบกาแฟอยู่แล้ว แถมยังไปลงคอร์สเรียนรู้เพิ่ม ทำให้ที่นี่มีเมล็ดกาแฟทั้ง House-blend เป็นลาว-บราซิล และเมล็ด Single อีกหลายตัว 

ส่วน non-coffee แม้จะดูเป็นเมนูธรรมดา ๆ แต่ในความธรรมดานี้ผ่านการคัดมาแล้วอย่างดีอย่าง Matcha Orange (130 บาท) เป็นมัตฉะจากอูจิประเทศญี่ปุ่น ผสมกับน้ำส้ม รสสดชื่น ให้ความเปรี้ยวหวานจากน้ำผลไม้ และหอมชาไปพร้อมกัน

อีกหนึ่งเมนูที่น่าสนใจคือ Microsoft (150 บาท) เมนูซิกเนเจอร์ที่ทางร้านพยายามเชื่อมโยงกับความเป็นบาร์ โดยใช้เมล็ดกาแฟเป็นบราซิล-ฮอนดูรัส ที่เป็นรัมบาเรลเอจ จะมีความเป็นวานิลลาหน่อย ๆ และมีกลิ่นของรัม ดื่มไปพร้อมครีมนุ่ม ๆ แบบ Espanner Latte 

นอกจากเครื่องดื่ม ยังมีขนมอบเบา ๆ ให้กินคู่ อย่างขนมเปี๊ยะลาวา ที่เรียกว่า Micro Pia หรือไมโครเปี๊ยะ (ชิ้นละ 40 บาท) เป็นเมนูขนมเปี๊ยะที่ทำเอง ปรับหน้าตาให้ดูเข้ามินิมอล เข้าถึงง่าย ข้างในเป็นไส้ลาวาไข่เค็มเยิ้ม ๆ กินเพลิน และยังมีเพลนครัวซองต์อบร้อน ๆ กรอบนอกนุ่มใน เข้ากับกาแฟได้ดีให้สั่งได้อีกด้วย

Micro System Bar – Beans to Bar ไวบ์ดี

สำหรับพาร์ทบาร์ พื้นที่ก็ไม่ได้ปรับอะไรมาก แค่เปลี่ยนมู้ด Lighting และไวบ์ของเพลงให้มีความสนุกขึ้น ซึ่งจะมีดีเจมาเปิดแผ่นไวนิลสร้างบรรยากาศสนุก ๆ ด้วย เราชอบที่พอไฟเริ่มมืด จะเห็นเงาตรงผนังชัดขึ้น ซึ่งเงาเนี่ยมาจากเครื่องปิ้งแผ่นใสจากชั้นลอย (ใครเกิดทันยกมือขึ้น) ช่วยเพิ่มมู้ดของบาร์ได้ดี

สำหรับเมนูดริงก์จะเน้นเป็นค็อกเทล แต่ด้วยความที่ยังอยู่ในช่วง Soft-opening เมนูเลยจะมีปรับเพิ่มลดอยู่เรื่อย ๆ ที่เราได้ลองจะเป็นค็อกเทลที่ผสมกับกาแฟ มาจากความตั้งใจให้มีความเชื่อมโยงกันระหว่าง Beans to Bar จริง ๆ ชื่อว่า Espresso Martini (230 บาท) เบสเป็น Coffee Liqueur วอดก้า และราดด้วยช็อตกาแฟตัว House Blend ของร้าน เป็นแก้วที่มีความหวานปนขมของกาแฟ ดื่มไม่ยาก แต่รู้สึกได้ว่าไม่เบาแน่ ๆ

และยังมีม็อกเทล (ไม่มีแอลกอฮอล์) ที่น่าสนใจอีกหนึ่งตัว มีความคล้าย ๆ กับค็อกเทลแก้วแรก เป็น Espresso Martini Mocktail (160 บาท) ใช้ช็อตกาแฟบราซิล ฮอนดูรัส ที่มีความเป็นรัมบาเรลเอจ ผสมเข้ากับนมและไซรัป เป็นเมนูที่ให้คนที่ไม่อยากดื่มแอลกอฮอล์ มานั่งบาร์แล้วยังมีอารมณ์ร่วมได้ดี เพราะตัวกาแฟจะมีกลิ่นรัมคล้ายกับแอลกอฮอล์ เป็นแก้วที่ดื่มสนุกเลยล่ะ

และที่ชอบมาก ๆ คือในพาร์ทบาร์ ก็ยังสั่งกาแฟได้อีกด้วยนะ เพราะเครื่องกาแฟยังไม่ปิด ถูกใจคอกาแฟที่หาร้านกาแฟค่ำ ๆ ดื่มมาก 

และถ้าโชคดี อาจจะได้เจอน้องแมว 2 ตัว เจ้านายที่แท้จริงของที่นี่คอยเดินป้วนเปี้ยน เรียกแขกอยู่ เราได้เจอทั้งน้องมุ้งลวดและอะลูมิเนียมเลย (ฮ่า) ชื่อน่าเอ็นดูมาก

MICRO SYSTEM เจริญนคร | BEAN TO BAR
คาเฟ่ เปิดอังคาร-อาทิตย์ 09:30 น. – 17:30 น. และ บาร์ เปิดศุกร์ -อาทิตย์ 17:00 น. – Late
เจริญนครซอย 2
BTS สายสีทอง สถานีเจริญนคร | ไม่มีที่จอดรถ
Google Maps

Articles You Might Like

Share This Article