สาย Cafe Hopping น่าจะคุ้นเคยกับคาเฟ่เกาหลีกันดี เพราะเป็นไวบ์ที่ฮิตในบ้านเราสุด ๆ แต่ร้านที่ Routeen. แวะมาคราวนี้ พิเศษกว่าเดิม เพราะเชฟที่ทำขนมที่นี่ เป็นชาวเกาหลีแท้ ๆ เลย ที่ คาเฟ่ Maison le petit คาเฟ่ย่านถนนจันทน์ – นางลิ้นจี่ ที่ใครมาก็ห้ามพลาดเมนูเค้กเจลลี่สุดคิวท์ Cloud Cheesecake

Maison le petit (เมซอง เลอ เปอร์ติ๊ด) เป็นคาเฟ่เบเกอรี่ ที่เปิดเมื่อเดือนมกราคม 2023 ที่ผ่านมา ตั้งอยู่ในโครงการจันทน์เพลส บนถนนจันทน์ 1 ความพิเศษของร้านนี้ คือแต่ละเมนูรังสรรค์โดยเชฟชาวเกาหลีชื่อคุณ คิม แซรอม หรือ เชฟโรมิ และมีคุณ เปรม – เปรมปรีดา สกุลศรีผ่อง เป็นหุ้นสวนดูแลร้านนี้อีกหนึ่งคน
จุดเริ่มต้นในการทำร้านนี้ เริ่มจากคุณคิม แซรอม เธอเป็นชาวเกาหลีที่อยู่ประเทศไทยมา 10 ปีแล้ว มาเรียนปริญญาตรีที่นี่ หลังจากเรียนจบอักษร จุฬาฯ ด้วยความเป็นคนที่สนใจในเรื่องของอาหาร วัฒนธรรม และเทรนด์อาหารเป็นทุนเดิม ก็เลยไปเรียนต่อที่เลอ กอร์ดองเบอร์ ดุสิตธานี หลังจากเรียนจบหลักสูตร ก็บินไปเรียนต่อด้านการชงเครื่องดื่มและการทำขนมถึงซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย

พอถึงเวลาเหมาะ ๆ เลยเริ่มโปรเจกต์ร้าน คาเฟ่ Maison le petit ขึ้นมา โดยการเริ่มหาพื้นที่ก่อน ตั้งโจทย์ว่าอยากได้พื้นที่ใจกลางเมือง ขนาดไม่ใหญ่มาก เพราะอยากให้มีความโฮมมี่อบอุ่น จนมาเจอตรงนี้ที่เป็นอะพาร์ตเมนต์ใหม่ให้เช่า ซึ่งข้อดีคือไม่ต้องรีโนเวทพื้นที่ เพียงนำโต๊ะ เคาน์เตอร์มาวาง และยังเดินทางสะดวก เพราะถนนนี้ก็เชื่อมต่อไปสุขุมวิท สีลม สาทรได้ และมีที่จอดรถอีกด้วย

“Maison le petit เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่าบ้านหลังเล็ก ๆ เราต้องการให้ไวบ์เป็นบ้านไซซ์เล็ก เริ่มด้วยความเป็นโฮมเมด เป็นสไตล์เล็ก ๆ อบอุ่นเหมือนบ้านตัวเอง เลยออกมาเป็นชื่อนี้และการตกแต่งแบบนี้ โทนมินิมอล สีสันสดใสในโทนอ่อน ๆ”
ในฝั่งของคุณเปรมเอง ก็เรียนนิเทศ จุฬาฯ และอยู่ในสายงาน Digital Marketing เรื่อยมา รวมถึงเคยทำธุรกิจ นำเข้าของจากจีนขายผ่านออนไลน์มาก่อน นานถึง 7-8 ปีเลย พอถึงจุดที่เลิกทำก็เปลี่ยนไปทำอีกหลายอย่าง เป็นคนที่ลองมาหลายรูปแบบ ทั้งเทรดหุ้น เป็นโบรกเกอร์ ผู้แนะนำการลงทุน ทำให้ลึก ๆ ก็ยังมีเป้าหมายว่าอยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเองเหมือนกัน และมองว่าธุรกิจอาหารหรือคาเฟ่ สามารถสร้างเอกลักษณ์ได้ เลยร่วมกับเชฟโรมิสร้างร้านนี้ขึ้นมา

จากที่เราเห็นว่าตอนนี้ที่ร้านมีเค้กหลายแบบให้เลือก แต่จริง ๆ ในช่วงแรกที่เปิดตั้งใจทำเบเกอรี่มาก่อน อย่างสโคน ฟินองเซีย มาการอง แต่ก็พบว่ายังไม่ตอบโจทย์ลูกค้า ด้วยความเป็นมาร์เกตติ้งเองด้วย ก็เลยพยายามหาคำตอบว่า ทำยังไงให้ลูกค้าสนใจ ให้แตกต่างจากร้านอื่น ๆ

โดยเริ่มจากวิเคราะห์ หาคำตอบจากคนอื่น ๆ ที่สำเร็จแล้วถอดบทเรียนออกมา จนพบว่าสิ่งที่สำคัญก็คือ สินค้าที่มีความยูนีค อย่างคาเฟ่สวย ๆ ใคร ๆ ก็ไปได้ แต่สินค้าที่สวยและโดดเด่นแตกต่างขึ้นมาจริง ๆ แล้วเลียนแบบไม่ได้ หรือเลียนแบบยากมาก ๆ จะเป็นสิ่งที่ทำให้คนนึกถึงร้าน และกลับมาอีก
“หลังจากทำมา 7 เดือน ก็ค้นพบว่า คนไทยไม่ได้กินเบเกอรี่เป็นอาหารหลัก คนไทยกินข้าว แต่เค้กมีความพิเศษตรงที่ เค้าซื้อให้ครอบครัว ซื้อให้แฟน ในวันสำคัญ วันพิเศษ เลยมีเหตุผลในการซื้อที่มากกว่า”

หลังจากคิดมากว่า 4 เดือน เชฟโรมิที่เป็นคนตามเทรนด์เกาหลีใต้อยู่แล้ว ก็ไปเจอกับเค้กเจลลี่ที่เป็นเทรนด์ขึ้นมาในเกาหลี แต่ที่เกาหลีจะเป็นเจลลี่ล้วน ๆ ทั้งก้อนเลย เชฟเลยปิ๊งไอเดียเอามาปรับเข้ากับชีสเค้ก ให้กลายเป็น 2 เลเยอร์ ซึ่งต้องใช้ความพิถีพิถันสุด ๆ ในการเชื่อมต่อเลเยอร์ให้ดูเนียนตา 1 ก้อนใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมงเลยทีเดียว ตัวเนื้อเจลลี่ที่เราเห็นจะมีความยืดหยุ่น ไม่ได้เป็นบล็อกวุ้นแข็ง ๆ นะ
พอได้เมนูเจลลี่เค้กขึ้นมา ก็ได้ผลตอบรับดีเกินคาด เพราะนอกจากจะสวยไม่เหมือนใครแล้ว ทางร้านยังควบคุมรสชาติ และคุณภาพทุกก้อน โดยใช้เนย นม ครีม ของแท้หมดเลย เพราะเชฟบอกว่ารสชาติต่างแน่นอน กินแล้วรู้เลยว่าแบบไหนเป็นไขมันแท้หรือเทียม ซึ่งเธอยอมไม่ได้ ตั้งใจเสิร์ฟสิ่งที่ดีให้กับลูกค้า
หลังจากได้เค้กตัวชูโรงออกมา ทางร้านเลยตั้งเป้าหมายว่า ร้านต้องมีความยูนีค ไม่ได้อยากเป็นแค่ร้านเค้กทั่ว ๆ ไป อยากจะเป็นเหมือนแฟชั่นแบรนด์ ที่ออกคอลเลกชันได้ ครีเอตคอลเลกชันใหม่ ๆ ได้ ภายใต้ความเป็น Modern French Korean Bakery ซึ่งเป็นสไตล์ของเชฟโรมิ ที่มีความโมเดิร์นผสมผสานระหว่างความเป็นเกาหลีและฝรั่งเศส ด้วยความที่เธอเรียนเลอ กอร์ดองเบอร์มา ทำให้มีความฝรั่งเศสจ๋า ๆ เลย บวกกับเธอเองก็เป็นคนเกาหลีที่ชอบดูเทรนด์ต่าง ๆ เลยซึมซับสไตล์เกาหลีมาปรับใช้ทั้งรสชาติ ความน่ารักของหน้าตาขนม
ถึงเวลาชิม!

แน่นอนว่าเราไม่พลาด เค้กเจลลี่ท้องฟ้าตัวดังของทางร้าน Cloud Cheesecake (190 บาท) เนื้อครีมชีสเนียนปากดีมาก เนื้อมีความ Juicy ฉ่ำ ๆ หนึบแต่ไม่แข็ง ตัวเจลลี่มีความนุ่ม ยืดหยุ่น ไม่ได้แข็งเหมือนวุ้นซะทีเดียว รสชาติเหมือนบลูฮาวายนิด ๆ กินเข้ากับชีสเค้กกำลังดี

เมนูชีสเค้กที่น่าลองอีกตัวคือ Oreo Basque Cheesecake (190 บาท) ชิ้นค่อนข้างใหญ่เลย มาแบบครีมล้น ๆ ออนท็อปอยู่บนเค้ก เนื้อมีความฟูเนียนนุ่ม ตัวเค้กก็มีความแน่นได้รสโอริโอ้ กินคู่กับครีมหวานกำลังดี

ฝั่งเครื่องดื่ม ต้องบอกที่ร้านไม่ได้เป็นบาริสต้าจ๋า ๆ เพราะเน้นที่การทำเค้กเป็นหลัก ตั้งใจให้เป็นร้านขนมที่มีเครื่องดื่มคู่ด้วยมากกว่า เลยเลือกเป็นกาแฟแคปซูลเพื่อความสะดวก แต่ก็เลือกแบรนด์ระดับท็อปให้กับลูกค้า คือ illy coffee แบรนด์กาแฟจากอิตาลี


เมนูกาแฟเราลอง Creme Brulee Latte (140 บาท) เป็นกาแฟลาเต้ที่มีความพิเศษคือท็อปด้วยฟองนมนุ่ม ๆ โรยน้ำตาลและเบิร์นไฟให้ผิวมีความกรอบแบบเครมบูเล่ หวานนิด ๆ เข้ากับกาแฟที่มีรสชัดแต่ไม่ขม ออกรสนวล ๆ

อีกแก้วเป็นเมนูที่ห้ามพลาดเช่นกัน Ice cream Soda Float (150 บาท) เมนูสุดเทรนด์ดี้จากเกาหลี ที่ร้านจะมี 2 รสชาติให้เลือก เราเลือกรสเมลอน สีเขียวสุดฮิต เสิร์ฟมาพร้อมไอศกรีมช็อกโกแลตชิพลูกโต รสชาติน้ำเมลอนโซดามีความหวานหอมสดชื่น แก้วนี้สีเขียวตัดกับไอศกรีมน่ารักสุด ๆ
แม้ว่าตอนนี้เค้กจะยังเป็นเมนูดาวเด่นของร้าน แต่ในอนาคตทางเชฟบอกว่าจะนำเบเกอรี่กลับมา เพิ่มเติมเมนูใหม่ ๆ มากขึ้น ใครเป็นสายขนมหวานรอติดตามได้เลย
คาเฟ่ Maison le petit
เปิดทุกวัน (ยกเว้นวันพุธ) 10:00 – 18:00 น.
โครงการจันทน์เพลส ถนนจันทน์
จอดรถได้ที่หลังโครงการ (จอดฟรี 1 ชั่วโมง)
Google Maps