อารีย์มีอะไรใหม่ ๆ อีกแล้ว! ต้องบอกว่าไม่ใช่เพียงแค่ฝั่งราชครูและอารีย์สัมพันธ์เท่านั้น แต่ฝั่งตรงข้ามเองก็มีร้านรวงใหม่ ๆ เกิดขึ้นให้เราได้แวะไปเช็กอินอย่างต่อเนื่องเช่นกัน หนึ่งในนั้นคงต้องยกให้โครงการ Vanit Place โครงการมิกซ์ยูสที่มีร้านดี ๆ เกิดขึ้นเรื่อย ๆ หนึ่งในนั้นคือ Luigi Bangkok ไวน์บาร์ ที่กำลังเป็นที่พูดถึงในเวลานี้ และ Routeen. เองก็ไม่พลาดที่จะแวะเวียนไปสักครั้ง
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในร้านก็ต้องบอกว่าว้าวมาก เพราะในพื้นที่ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่สร้างมู้ดมาได้ชิลล์และน่านั่งสุด ๆ ประกอบกับขวดไวน์ที่วางอยู่แบบละลานตารอบพื้นที่ร้าน ยิ่งตอกย้ำว่าที่นี่แหละจะเป็นไวน์บาร์ให้เรานั่งกันยาว ๆ แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ได้ คุณนิว – ฉัตรธมลวรรณ เหลี่ยมแก้ว General Manager ของ Luigi Bangkok เล่าให้เราฟังว่า จริง ๆ แล้วตัวเขาเองมีธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ในย่านอารีย์มาก่อนแล้ว ทั้ง Tokyoxxx Premium Ari ยากินิกุเนื้อพรีเมียมในพหลโยธินซอย 9 และร้านอิซะกะยะอีกแห่งในพหลโยธินซอย 7
กว่า 5 ปีที่ทำธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นมา จึงอยากหาสิ่งใหม่ ๆ รวมถึงชาเลนจ์ตัวเองเพิ่ม ถึงอย่างนั้นก็ต้องยอมรับว่าอาหารญี่ปุ่นก็เป็นอะไรที่เชี่ยวชาญและคุ้นมือ คุณนิวจึงอยากลองหยิบจับ ผสมผสานระหว่างความเป็นญี่ปุ่นเข้ากับสิ่งใหม่ ๆ อย่างความ Western ดูบ้าง จึงออกมาเป็น Luigi Bangkok อย่างทุกวันนี้
คุณนิวขอเรียกสไตล์ของอาหารที่นี่ว่าเป็น Harmony Dish มากกว่าเป็น Fusion เป็นการผสมผสานระหว่างศาสตร์ของอาหารฝรั่งเศส และศาสตร์ของอาหารญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน โดยได้เชฟมากฝืมือที่เคยร่วมงานกับเชฟ Vincent Thierry มาก่อน จึงได้ศาสตร์ดั้งเดิมของอาหารฝรั่งเศสมาอย่างเต็มมือ นอกจากนี้ยังเคยทำงานที่ฮ่องกงมาก่อนด้วย โดยคุณนิวตั้งโจทย์ไว้ว่า ไม่อยากให้เมนูที่นี่ออกมาเป็นฝรั่งจ๋า และมีการใช้วัตถุดิบจากญี่ปุ่นเข้ามาร่วมด้วย
นอกจากนี้ยังอยากให้ที่นี่ไม่เป็นร้านอาหารแบบจริงจัง แต่ยังมีความเป็น ไวน์บาร์ เข้ามาด้วย จะมาแฮงก์เอาต์ชิลล์ ๆ เน้นดื่มกับเพื่อนแกล้มสแน็กสักจาน หรือจัดฟูลคอร์สจริงจังก็มีพร้อมรองรับทั้งหมด ส่วนที่เลือกโลเคชันนี้เพราะย่านอารีย์ขึ้นชื่อเรื่องที่จอดรถมาก ๆ การมาลงร้านที่อาคารวานิชนี้ทำให้ตัดปัญหาเรื่องที่จอดรถไปได้ และด้วยความที่อาศัยอยู่ในย่านอารีย์มาโดยตลอด (รวมถึงร้านอาหารก่อนหน้าก็อยู่ในย่านนี้เช่นกัน) จึงค่อนข้างคุ้นเคยและเข้าใจความเป็น “อารีย์” อยู่ไม่น้อย Luigi Bangkok จึงลงหลักปักฐานที่นี่
“คุณนิวขอเรียกสไตล์ของอาหารที่นี่ว่าเป็น Harmony Dish มากกว่าเป็น Fusion เป็นการผสมผสานระหว่างศาสตร์ของอาหารฝรั่งเศส และศาสตร์ของอาหารญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน โดยได้เชฟมากฝืมือที่เคยร่วมงานกับเชฟ Vincent Thierry มาก่อน”
งานตกแต่งของร้านแม้จะออกมาทางฝั่งเวสเทิร์นเป็นหลัก แต่ยังแอบสอดแทรกความเป็นญี่ปุ่นเข้าไปเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามคอนเซปต์ของอาหารด้วยเช่นกัน เช่นการเลือกใช้วัสดุไม้มาประกอบเป็นส่วนมาก เพื่อ Represent ถึงความเป็นญี่ปุ่น หรือการขึ้นฝ้าเพดานด้วยไม้และตีกรอบเหลี่ยมมุม ก็ได้ความรู้สึกแบบญี่ปุ่น ในขณะเดียวกันก็มีการใช้รูปทรงเรขาคณิต ซุ้ม Arch แบบโค้ง หรือโซฟาแบบโค้ง ที่ให้ความรู้สึกแบบ Modern – Mid Century ไปพร้อม ๆ กัน มาพร้อมโทนสีวอร์ม ๆ เป็นเอกลักษณ์ของทางร้านที่สบายตามและเข้ากับวัสดุไม้ด้วย
ส่วนชื่อร้านที่หลายคนอาจได้ยินแล้วคิดว่า เอ๊ะ ที่นี่ไม่ใช่ร้านอาหารอิตาเลียนเหรอ ก็ต้องยอมรับว่าชื่ออาจให้รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ โดยอยากให้ชื่อร้านฟังดูสนุกและจำง่าย จึงหยิบชื่อของคาแรกเตอร์ที่เรารู้จักกันดีอย่าง Luigi คู่ซี้ของ Mario ในเกม Super Mario มาใช้ ขณะเดียวกันยิงมีกิมมิกสนุก ๆ กับเสียงพ้องของคำไทยอย่าง ‘ลุยสิ’ เข้ามาด้วย จึงหยิบชื่อของคาแรกเตอร์นี้มาเป็นชื่อร้านเสียเลย
เชฟเลือกใช้เทคนิคการทำอาหารฝรั่งเศสเป็นส่วนมาก (แต่บางจานก็มีความสแปนิช หรืออิตาเลียนอยู่บ้าง) มาในรสชาติที่เข้าถึงง่าย ปรับให้ถูกปากคนไทยเพิ่มเติม แถมยังมีเมนูใหม่ ๆ ให้เราได้ลองกันทุก ๆ 3 เดือนอีกด้วย (ขยันมาก!) อาหารมีตั้งแต่จานเรียกน้ำย่อยเล็ก ๆ สแน็กแกล้มเครื่องดื่ม ไปจนถึงเมนคอร์ส และของหวานปิดท้ายก็มี
เราลองสั่งไบต์เล็ก ๆ ที่หน้าตาอาจดูฝรั่ง ๆ แต่วัตถุดิบหลายอย่างมาจากญี่ปุ่น อย่าง Hokkaido Uni (590 บาท) ที่ฐานเป็นโชกุปัง มี Tarama Salmon วางด้านบน ก่อนท็อปด้วยไข่หอยเม่นจากฮอกไกโดที่มาสด ๆ ไม่คาวเลย Truffle Bite (550 บาท) โชกุปังที่ทาด้วยตับไก่บดและ Fig Jam ท็อปด้วยทรัฟเฟิลแบบแน่น ๆ ตัวตับบดกลิ่นตับไม่ชัดมาก ทำให้กินง่ายขึ้น และ Tuna Stick (260 บาท) ทูน่าซาชิมิที่ห่อด้วยสาหร่าย มาพร้อม Seasoning อย่างอโวคาโด วาซาบิ และซอสพริกสเปน
ต่อกันที่ Starter กับ Wakasagi Fried (280 บาท) เปลี่ยนเมนู Calamari ที่คุ้นเคยเป็นปลาวากาซากิจากญี่ปุ่นแทน จิ้มกับทาทาร์ซอสแบบฝรั่งเศส โรยคัตสึโอะบุชิ ตัวเนื้อปลารสชาติเค็ม ๆ บีบเลมอนเสริมรสชาติอีกสักนิด กินได้เพลิน ๆ หรือจะลองเมนูดิปที่เราสามารถเลือกดิปที่ชอบ จับคู่กับของทอดต่าง ๆ ได้ อย่างเราเลือกเป็น Truffle Mayo (280 บาท) จับคู่กับเฟรนซ์ฟรายส์ จับคู่กับเครื่องดื่มสักแก้วลงตัวไม่หยอก
Salmon Crudo (560 บาท) ทางร้านเลือกใช้แซลมอนจากสกอตแลนด์ เติมความเป็นญี่ปุ่นด้วยอิคุระ ราดด้วย Orange Reduction Sauce ใส่ Blood Orange เพิ่มความสดชื่น (แต่ช่วงนี้เปลี่ยนมาใช้ Grapefruit ตามฤดูกาลนะ) และ Beetroot Pickle แนะนำให้กินทุกอย่างในคำเดียวกัน จะได้รสชาติเปรี้ยวหวานสดชื่นดีสุด ๆ ส่วนสายกุ้งต้องสั่ง Lemon Shrimp Butter (550 บาท) กุ้งตัวใหญ่เนื้อแน่น ผัดกับเนย กระเทียม และเลมอน เป็นคอมฟอร์ดฟู้ดที่แชร์กันได้หลาย ๆ คน
ต่อกันที่ Grilled Beef Tongue (490 บาท) นำลิ้นวัวไป Sous Vide นานถึง 36 ชั่วโมง ก่อนนำไปเซียร์กับเนยจนหอม เสิร์ฟคู่กับเครื่องจิ้มถึง 5 ชนิด ได้แก่ Yuzu Kosho, Wasabi Pickled, Benitade, Pepper และ Flake Salt และมี Jerusalem Artichoke ทอดกรอบเป็นเครื่องเคียงด้วย เอาใจสายเนื้อต่อด้วย Wagyu Picanya (1,790 บาท) ใช้เนื้อพิคานย่าจากออสเตรเลียที่เลี้ยงแบบ Full-Blood Wagyu ทำให้เนื้อนุ่มเป็นพิเศษ เสิร์ฟคู่กับ Pepper Sauce และมันฝรั่งบดเนื้อเนียน
ในหมวดพาสต้า ถ้าใครอยากเล่นกับระบบ ลองสั่งเมนูตามใจเชฟอย่าง Nobody Gonna Know (555 บาท) ที่เชฟจะครีเอตมาให้เราเอง เราได้เป็น Spaghetti Mentaiko Sauce โรยด้วยอิคุระ และปลา Tamaki Shirasu เสริมมิติกรุบกรอบให้จานนี้น่าสนใจยิ่งขึ้น
ปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง Exotic Chocolate Cake (340 บาท) เค้กช็อกโกแลต 3 เลเยอร์ ตั้งแต่ดาร์กช็อกโกแลต ไวต์ช็อกโกแลต และมิลค์ช็อกโกแลต เสิร์ฟคู่กับผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ และโกโก้ก้อนที่ปิดท้ายวันนี้ได้อย่างเพอร์เฟค
สำหรับฝั่งเครื่องดื่ม ที่นี่จะเน้น Natural Wine เป็นหลัก มีไวน์ Lebel น่ารัก ๆ ชวนให้ถ่ายรูป และรสชาติที่แตกต่างอย่างหลากหลายให้เลือก โดยส่วนใหญ่มาจากฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน หรือใครอยากได้ไวน์แบรนด์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ Natural Wine ก็มีให้เลือกเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีคลาสสิกค็อกเทล และสาเกให้เลือกอีกด้วย ส่วนสายเพลงชิลล์ ๆ ก็แวะมาฟังวงแจ๊สแบบ Trio ได้ในทุกวันศุกร์ และดีเจบีตสนุก ๆ กันในวันเสาร์ ตั้งแต่ 19:00 น. เป็นต้นไปได้เลยนะ
Luigi Bangkok
เปิดทุกวัน เวลา 11:00 – 22:00 น.
ชั้น 2 Vanit Place อาคาร C พหลโยธิน
BTS อารีย์ แล้วเดิน | มีที่จอดรถ (มีค่าจอดนะ)