หมาล่าฆ่าไม่ตายจริง ๆ ในเวลานี้ เพราะดูเหมือนกระแสหมาล่าจะมาแรงไม่แผ่ว และน่าจะอยู่ในบ้านเราไปอีกยาว ๆ ด้วยความเผ็ดร้อน ลิ้นชา ของน้ำซุป และเครื่องเคราที่ถูกใจคนไทยอยู่แล้ว ทำให้เราได้เจอร้าน หมาล่าเปิดใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึง Lucky Hot Pot หมาล่า ฮอตพอต ที่เพิ่งเปิดให้บริการสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา ในโครงการสุดชิคอย่าง Seenspace ทองหล่อ ก็ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะแวะเวียนไป
ตัวร้านมีขนาดไม่ใหญ่มาก รองรับได้ประมาณ 40 ที่นั่ง แต่ต้องบอกว่าไวป์ของร้านค่อนข้างเชื้อชวนให้เราหย่อนตัวลงไปนั่งมาก ๆ เพราะเขาดึงงานตกแต่งแบบฮ่องกงสตรีตมาใช้ ตั้งแต่ผนังสีแดงที่ตกแต่งด้วยไฟนีออนดัด มองขึ้นไปบนเพดานยังมีกล่องไฟตัวอักษรภาษาจีน (ที่แปลออกมาเป็นชื่อร้านในภาษาอังกฤษนั่นแหละ) สีชมพูเตะตา ให้ความรู้สึกคล้ายกับป้ายไฟตามร้านรวงต่าง ๆ ริมถนนเวลาที่เราไปฮ่องกง ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยตุ๊กตาแมวกวักขนาบสองข้างของผนังเรียงรายสุดน่ารัก ที่ต้องบอกว่านั่งตรงไหนก็ถ่ายรูปเล่นระหว่างรออาหารมาได้สนุกไม่หยอก
ที่ ร้าน หมาล่า Lucky Hot Pot เขาหยิบเอาไวป์ของฮ่องกงมาใช้ (ทั้ง ๆ ที่หมาล่าหม้อไฟมาจากจีนแผ่นดินใหญ่) นั่นเพราะตัวเชฟเองเป็นชาวฮ่องกง และเดินทางมาสร้างความอร่อยในสไตล์ของ Lucky Hot Pot ด้วยตัวเองอีกด้วย ทั้งเชฟ Anthony “Tony” Burd, Justin Chan, Leonard Nigro และเชฟชาวไทย Suprach Sombuntham ล้วนตั้งใจ และมีความเชี่ยวชาญเรื่องน้ำซุปฮอตพอตมาก ๆ ทำให้ที่นี่มีความพิเศษอยู่ตรงที่ซุปที่จะโฮมเมดทั้งหมด และจะปรุงซุปกันใหม่ ๆ เมื่อเราสั่ง (ไม่ได้เป็นซุปที่ต้มใหม้อใหญ่ ๆ รอมาแบ่งลงหม้อชาบูของเรานะ) โดยตั้งใจเลือกใช้ส่วนผสมของน้ำซุปที่เน้นไปที่สมุนไพร และเครื่องเทศที่หลากหลาย และลดโซเดียมและไขมันลงด้วย
ทางร้านจะมีให้เลือกทั้งแบบหม้อไฟชาบูบุฟเฟ่ต์ และแบบจ่ายตามน้ำหนัก สำหรับผู้ที่ไม่ได้อยากกินมื้อใหญ่ หรือมากินคนเดียว โดยวัตถุดิบทั้งหมดกว่า 100 อย่าง จะตั้งอยู่ที่ด้านในของร้าน ไม่ว่าจะสั่งเป็นบุฟเฟ่ต์ หรือแบบจ่ายตามน้ำหนัก ก็ต้องมาเลือกวัตถุดิบที่มุมนี้ โดยสำหรับการจ่ายตามน้ำหนักนั้น ทางร้านจะมีหม้อใบใหญ่ให้เราคีบวัตถุดิบได้ตามใจ จากนั้นนำไปชั่งที่เคาน์เตอร์ (โดยจะต้องมีน้ำหนักที่รวมราคาแล้วมากกว่า 300 บาทขึ้นไป ถึงจะสามารถปรุงได้) และเลือกปรุงแบบซุป หรือแบบผัด รวมถึงเลือกระดับความเผ็ดได้ ถึงอย่างนั้นหากเราคีบจนราคาพุ่งพรวดในระดับที่หากกินเป็นบุฟเฟ่ต์น่าจะคุ้มกว่า ทางร้านก็จะแนะนำให้เราเปิดหม้อชาบูกินได้เลยเช่นกัน ตรงนี้ถือว่าแฟร์และมีการแนะนำที่ดีให้กับลูกค้าเลยล่ะ
“ทางร้านมีความเชี่ยวชาญเรื่องน้ำซุปฮอตพอตมาก ๆ ทำให้ที่นี่มีความพิเศษอยู่ตรงที่ซุปที่จะโฮมเมดทั้งหมด และจะปรุงซุปกันใหม่ ๆ เมื่อเราสั่ง โดยตั้งใจเลือกใช้ส่วนผสมของน้ำซุปที่เน้นไปที่สมุนไพร และเครื่องเทศที่หลากหลาย และลดโซเดียมและไขมันลงด้วย”
อีกหนึ่งจุดที่เราชอบคือความใส่ใจของทางร้าน ทางร้านจะแยกโซนผัก เนื้อสัตว์ ลูกชิ้น และซีฟู้ดแยกออกจากกัน นอกจากจะหยิบสัตถุดิบได้ง่ายแล้ว ยังช่วยแยกสำหรับผู้ที่อาจแพ้บางวัตถุดิบ หรือไม่สามารถกินบางวัตถุดิบได้ด้วย นอกจากนี้ ที่คับของทางร้านยังถูกแยกออกมา ไม่ได้วางทิ้งเอาไว้ในกระบะวัตถุดิบ โดยสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และนำมาวางไว้ที่จุดวางที่คีบใช้แล้ว เพื่อทางร้านจะนำไปทำความสะอาดใหม่ทุกครั้งนั่นเอง
แน่นอนว่า Routeen. มาถึงทั้งที ก็ต้องขอลองบุฟเฟ่ต์กันเลยแบบจุก ๆ (คนละ 588 บาท รวมข้าวผัด น้ำเปล่าหรือน้ำชา ระยะเวลา 90 นาที) ความดีงามของที่นี่คือราคา 588 เน็ตแล้วไม่มีบวกเพิ่ม (ยกเว้นดื่มเครื่องดื่มนอกเหนือจากที่แจ้งไว้) ไม่มีบวกค่าน้ำซุป และค่าน้ำจิ้มอีกแล้วนะ โดยสามารถเลือกน้ำซุปได้ถึง 4 รสชาติ จากทั้งหมด 7 รสชาติ ได้แก่ ซุปลัคกี้หมาล่า ซุปหมาล่าโฮมเมดที่เน้นสมุนไพรแบบจัดเต็มเรื่องของความเร่าร้อนและเผ็ดชา แต่ลดมันและลดเค็มลงไป (ที่นี่ยังใช้ไขมันวัวอยู่นะ) กลิ่นซุปหอมขึ้นจมูก และเขายังบอกว่าซุปหมาล่าที่นี่ มีส่วนช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร ลดอาการท้องอืด และมีธาตุเหล็ก สังกะสี และโพแทสเซียมสูงด้วย
ซุปกระดูกหมู ซุปที่นำกระดูกหมูไปเคี่ยวกับสมุนไพร มีรสเผ็ดร้อนนิด ๆ และมีคอลลาเจนเยอะในซุปนี้ด้วยนะ อีกซุปหนึ่งคือ ซุปไก่สมุนไพร น้ำซุปสมุรไพรจีนที่มีคุณสมบัติทางยา นำไปตุ๋นกับไก่จนหอม ช่วยเรื่องการไหลเวียนของเลือด ระบบภูมิคุ้มกัน ลดความเครียด และช่วยลดความเหนื่อยล้าได้ดีด้วย
ต่อกันที่ซุปต้มยำกุ้งแบบไทย ๆ น้ำซุปหอมๆ ผสมกับตะไคร้ ใบมะกรูด ข่า และพริก แคลอรีต่ำ และมีสาารต้านอนุมูลอิสระ โดยทางร้านปรับสูตรต้มยำให้มีรสชาติที่ไม่จัดจนเกินไป เพื่อให้เป็นฮอตพอตได้ แต่ยังคงแซบใช้ได้อยู่ ซุปกระเพาะปลา ที่มีอีกชื่อว่าซุปบิวตี้คอลลาเจน นั่นเพราะกระเพาะปลามีคอลลาเจนเยอะ น้ำซุปจะเป็นเบสซุปใส ไม่ได้เป็นเหมือนกระเพาะปลาน้ำเหนียว ๆ นะ
อีก 2 รสชาติที่คนไม่กินเนื้อสัตว์ก็สามารถสั่งได้ กับซุปมะเขือเทศ ที่ส่วนตัวเราว่าอร่อยพอ ๆ กับซุปหมาล่าเลย ด้วยรสชาติเปรี้ยวหวานลงตัว และยังมีวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระจากมะเขือเทศอีกด้วย สุดท้ายกับซุปเห็ดอูมามิ ที่นำเห็ดสดตากแห้งนานาชนิดไปเคี่ยวกับน้ำซุป ทำให้ได้รสเห็ดกำลังดี ที่สำคัญซุปนี้มีแคลอรี และไขมันต่ำ เหมาะกับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนักด้วยนะ (แต่ก็หยิบเนื้อมาอีกสักกิโลอยู่ดี)
ส่วนน้ำจิ้มเองก็จัดเต็มด้วยเครื่องปรุงครบถ้วนแบบที่ร้านหมาล่าควรจะมี แต่เพิ่มเติมด้วยน้ำจิ้มหมาล่าสูตรพิเศษของทางร้าน ที่รสชาติจัดจ้านอย่าบอกใคร หรือใครต้องการน้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มสุกี้ ที่นี่ก็มีให้เลือกเหมือนกัน เราอยากแนะนำให้ลองตอกไข่อนเซ็นลงไปเพิ่มในน้ำจิ้มอีกสักฟอง รับรองว่านัว หอมมันขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ เลยล่ะ
วัตถุดิบที่ร้านสดใหม่มาก ๆ และมีให้เลือกหลากหลายจริง ๆ อย่างซีฟู้ดก็มีครบทั้งปลา กุ้ง ปู หอยเชลล์ หอยแมลงภู่ แม้แต่แซลมอนก็มี เนื้อทั้งหมู วัว ไก่ ก็มีหลากหล่าย แม้จะชิ้นไม่ใหญ่มาก แต่คุณภาพสดใหม่ หรือสายหมาล่าที่ต้องมีไส้เป็ด ฟองเต้าหู้ทอด กับเส้นมันเทศเหนียวหนึบอยู่ในหม้อ ก็ต้องบอกว่าที่นี่ก็มีครบเหมือนกัน
ปิดท้ายมื้อนี้ด้วยบิงซูสักถ้วย เราลองเป็น Royal Thai Ice Tea (เล็ก 180 บาท ใหญ่ 260 บาท) บิงซูรสชาไทยเข้มข้น ท็อปเครื่องแน่น ๆ ทั้งเฉาก๊วย วุ้นคาราเมล กล้วยหอม ทับทิมกรอบ โปะด้วยมาสคาโปนชีส ราดนมจ้นหวานเพิ่มอีกสักนิด เรียกว่าเป็นการปิดมื้อใหญ่นี้ได้อย่างงดงามเลยล่ะ
Lucky Hot Pot
เปิดทุกวัน (เว้นวันจันทร์) 12:00 – 23:30 น.
Seenspace ทองหล่อ 13
BTS ทองหล่อ แล้วต่อพี่วิน | มีที่จอดรถ