ผ่านย่านอินทามระ 37 นอกจากสะดุดตากับโฮสเทลสีเขียวมะกอกอย่าง เฌอ โฮสเทล แบงค็อก ที่ชั้นล่างของโรงแรม ยังมีคาเฟ่ไวบ์ดีสีขาวแดง ที่สร้างอีกหนึ่งสีสันให้กับย่านชื่อว่า Lou Lou เป็น cafe & restaurant ที่เฟรนด์ลี่ ทั้งกับคน สิ่งแวดล้อม และเจ้าแมว (จร)
Lou Lou (ออกเสียงว่า ลูลู่ นะ) เป็นคาเฟ่และร้านอาหารที่เปิดตัวตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2566 ใครเป็นแฟนคลับของหนุ่ม เฟย – ภัทร เอกแสงกุล นักแสดงหนุ่มมาดเท่ น่าจะคุ้น ๆ กับร้านนี้บ้างล่ะ เพราะเจ้าตัวเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของร้าน และรับหน้าที่เป็น PR หนุ่มไปในตัว
แวะมาครั้งนี้แม้ไม่เจอกับคุณเฟย แต่เราได้พบ 2 หุ้นส่วน ที่เรียกว่าเป็นจุดเริ่มต้นของร้านคือคุณ พะแพง – ธฤนธร มิลินทสูต และคุณ เจอรี่ – อัญมณี ศรีสุคนธ์ ทั้งคู่เล่าว่า ก่อนจะมาเป็น Lou Lou หลายปีก่อนเคยเปิดร้านพาสต้าขายออนไลน์กัน ก่อนจะหยุดพักแยกย้ายไปโฟกัสงานประจำของตัวเอง

“แรกเริ่มแพงกับเจอรี่ ทำพาสต้าขายออนไลน์ มีออกบูธบ้างใช้ชื่อตัวเองแบบง่าย ๆ เลยคือ PPJRY เรียกว่าทำเป็นงานอดิเรกกันมากกว่า เพราะจริงๆ แต่ละคนก็มีงานหลักอยู่แล้ว แต่เจอรี่เป็นคนชอบทำอาหาร ทุกเมนูของที่ร้านก็คิดค้นเอง”
ช่วงที่หยุดพัก ไม่ได้ทำร้านพาสต้าแล้ว ก็มีเพื่อน ๆ คอยถามตลอดว่าจะกลับมาทำอีกไหม โดยเฉพาะหุ้นส่วนร้านคนปัจจุบันคนหนึ่ง (LouLou รวมเพื่อน ๆ ถึง 7 คน) คุณแพงเล่าว่า เพื่อนคนนี้ชอบอาหารฝีมือเจอรี่ คอยพูดทุกครั้งว่าเมื่อไหร่จะทำร้าน ชวนทำนู่นนี่นั่น ทำร้านไหม ทำบาร์ไหม จนมาเจอจังหวะลงตัวพอดีเลยตัดสินใจกลับมาทำอีกครั้ง

จังหวะลงตัวที่ว่า คือได้เจอกับพื้นที่ตรงนี้ ที่เป็นส่วนหนึ่งของเฌอ โฮสเทล แบงค็อก เปิดพื้นที่หาเพื่อนมาจอย พอได้เห็นพื้นที่ตรงนี้ ก็เกิดเป็นภาพในหัวว่าน่าจะทำร้านขึ้นได้ เป็นขนาดที่กำลังดี และที่สำคัญใกล้กับบ้านคุณแพง เลยเกิดไอเดียอยากทำให้แถวนี้มีอะไรที่แปลกใหม่ด้วย
Lou Lou (ลูลู่) เป็นแสลงฝรั่งเศส แปลว่าที่รักก็ได้ หรือแปลว่าอร่อยก็ได้ และถ้าอ่านแบบจีน จะออกเสียงได้ว่า เหลา เหลา ได้หลายความหมาย
Lou Lou ร้านที่ตั้งใจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (รวมเพื่อนบ้าน และแมว)


คุณเจอรี่เล่าว่ามู้ดโทนต่าง ๆ ให้เพื่อนช่วยดีไซน์ให้ โดยให้โจทย์คือมีความโฮมมี่ เฟรนด์ลี่ โทนวอร์ม ๆ สบาย ๆ แต่แฝงความสนุกอยู่ ความสนุกเริ่มตั้งแต่ประตู ที่ทำเป็นชื่อร้าน LOULOU สีแดงสด เปิดประตูเข้าไปจะเจอกับเคาน์เตอร์บาร์คอยต้อนรับก่อน ส่วนโซนที่นั่งจะมีทั้งโต๊ะกลมริมกระจก ที่รับแสงธรรมชาติ และที่นั่งด้านในแบบโซฟา ที่จะให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวขึ้นอีกนิด

และอีกหนึ่งคอนเซปต์ใหญ่ที่ตั้งใจคือ Sustainable หรือความยั่งยืน ด้วยความที่ตัวคุณเจอรี่เองทำธุรกิจเกี่ยวกับ Suplier สายผลิต Decoration อยู่แล้ว เลยค่อนข้างง่ายในแง่การหาวัสดุด้วย
“เราเป็นคนชอบเที่ยวทะเล เลยรู้สึกเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ ด้วยอาชีพเราทำอย่างนี้ เลยคิดว่าเราหาอะไรที่มาทำได้ง่าย แล้วเราอยากให้คนอื่นได้เห็นว่า พวกของแบบนี้มันเอามาใช้ได้จริง กับร้าน กับบ้าน หรือชีวิตประจำวัน”


โดยคอนเซปต์ของ Sustainable หลัก ๆ คือการหยิบเอาวัสดุรีไซเคิลมาใช้ อย่างกระเบื้องที่ตรงเคาน์เตอร์ ก็เป็นแผ่นที่ทำมาจากพลาสติกรีไซเคิล 100% ใช้ขยะพลาสติกไปเกือบตัน รวมถึงที่รองแก้ว ที่รองเมนู ก็ใช้พลาสติกรีไซเคิลขึ้นรูปเช่นกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าการรักษ์โลกก็ค่อนข้างมีราคา ทางร้านเลยเริ่มจากที่ไหว ไปทีละส่วนก่อน ค่อย ๆ ปรับใช้ ให้คนรู้สึกว่ามันเป็นส่วนหนึ่งได้ ค่อย ๆ เริ่มไปด้วยกันได้
ฝั่งในครัวเองก็วางระบบให้เกิด Food Waste น้อยที่สุด พร้อมทั้งแยกขยะ และฝั่งบาร์เองก็ไม่ใช้แก้วพลาสติกเลย เลือกใช้เป็นกระป๋องสำหรับ Takeaway แทน ซึ่งเป็นกระป๋องรุ่นใหม่ที่สามารถรีไซเคิลได้ 100%


“กระป๋องเองก็ตั้งใจดีไซน์ร่วมกับศิลปิน ซึ่งจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ที่ทำแล้วก็มีร่วมกับ Studio_Cantalove ศิลปินสาย Typo ให้กำลังใจ และ madeitwhendrunk ผลงานของ ทู สิราษฎร์ อินทรโชติ พอกระป๋องมีดีไซน์ ก็ยิ่งเพิ่ม Value ให้ตัวมันเอง เก็บไว้เอาไปใช้ใส่ปากกา ทำกระถางต้นไม้ได้”
และการร่วมกับ Artsit ก็ไม่ได้มีแค่มาทำดีไซน์กระป๋อง แต่ทางร้านยังเปิดพื้นที่เป็น Open Space ให้ศิลปินมาโชว์งานที่ร้านได้ (ใครสนใจก็ลองมาคุยกันได้นะ)

นอกจากพาร์ทการตกแต่ง อีกหนึ่งสิ่งที่สะดุดตามาก คือมีกระบะทราย (ห้องน้ำแมว) ตั้งอยู่ด้านนอกร้าน ทั้งคู่บอกเราว่า ตั้งใจเอามาไว้แก้ปัญหาแมวจรที่ชอบมาอึที่กระถางต้นไม้หน้าร้าน ซึ่งวิธีแก้ปัญหาก็คือ อยู่ร่วมกันอย่างสันติ (ทาสแมวใจฟูมาก)
เพราะถ้าไล่ไป น้องแมวก็จะไปอึที่บ้านข้าง ๆ ก็โดนไล่อยู่ดี ไล่กันไปไล่กันมา ก็ไม่เกิดการแก้ปัญหา เลยทำห้องน้ำดี ๆ ให้ พร้อมวางน้ำกับอาหารให้เลย เรียกว่า “ใช้วิธีอยู่ร่วมกัน ในแบบที่เราพอทำได้” ซึ่งน้องก็รู้งานมาก ชอบออกมาเป็น PR นั่งตกลูกค้าที่หน้าร้าน จนได้ชื่อ “ลูลู่” ในที่สุด (ซึ่งจริง ๆ ก็หาบ้านให้น้องด้วยนะ อยากให้น้องมีบ้านเหมือนกัน)
จากสปาเกตตี้มันกุ้ง สู่ LOULOU Cafe & Restaurant เป็น All day dining ที่มีเมนูฟิวชั่นจัดเต็ม
แม้ว่าหน้าตาของร้านจะมีความเป็นคาเฟ่มาก ๆ แต่เมื่อได้เปิดประตูเข้ามา เราจะได้กลิ่นหอมของอาหารเตะจมูกก่อนกลิ่นกาแฟเสียอีก ทั้งคู่บอกเรา ตั้งแต่แรกจริง ๆ เน้นอาหารมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะมันต่อยอดมาจากเมนูพาสต้าที่เคยทำ

แต่พอทำไปทำมา ก็เลยมีฝั่งกาแฟเข้ามาเติมเต็ม ตกเย็นเทิร์นเป็นบาร์ชิลล์ ๆ (เน้นเป็น Cocktial และ Natural Wine ในอนาคตจะมีคราฟต์เบียร์ด้วยนะ) พยายามให้ใช้ได้ทุกบรรยากาศ มาร้านเดียวจบ เช้าจิบกาแฟกิน Breakfast สาย ๆ กิน Brunch แวะมากินมื้อเที่ยง หรือตกเย็นมาดินเนอร์ แฮงเอาต์กัน แล้วทุกวันศุกร์-เสาร์ก็จะมีดนตรีสด เป็นโฟล์กซองเล็ก ๆ มาสร้างบรรยากาศด้วย
แต่ฝั่งเครื่องดื่มก็ยังมีความเป็นคาเฟ่ และจริงจังอยู่นะ กาแฟมี Houseblend ถึง 2 ตัว เลือกโปรไฟล์ที่ดื่มง่าย อย่าง G45 คั่วกลางเข้ม ที่มีความ Full Body, Intense Tasty and Nutty Tone อีกตัวเป็น Black Magic คั่วกลาง ออกโทน Madium Body, Tropical Fruits, Nut, a hint of dark chocolate, and spice very smooth and balanced acidity with a sweet finish

เราได้ลอง Dirty (130 บาท) เมนูฮิตที่สายกาแฟชอบ ทางร้านใช้เป็นนมที่ผสมวิปครีม โดยไม่ใส่ไซรัปอื่น ๆ เลย นำไปแช่เย็นจนแข็ง แล้วราดด้วยช็อตกาแฟ G45 คั่วกลางเข้ม ตัวกาแฟที่มีความหนักแน่น ออกโทนนัตตี้ เข้ากันได้ดีกับนมที่ผสมวิปครีมมาก ๆ มีความนัว ๆ มัน ๆ

อีกเมนูเป็น Passion Fruit Mango Soda (135 บาท) ใช้เป็นน้ำเสาวรสสด ผสมกับไซรัปมะม่วง บวกกับความซ่าของโซดา เป็นแก้วที่มีความเปรี้ยวหวานสดชื่นดี

และ Matcha Lemon (95 บาท) ใช้เพียวมัทฉะญี่ปุ่น ผสมกับน้ำเลมอนสด โดยไม่ใส่ไซรัปอื่น ๆ เพิ่มเลย จะได้ความหอมฝาดของชา และความเปรี้ยวสดชื่นจากเลมอน เข้ากันได้ดี
ทางด้านเมนูอาหาร เป็นสูตรของคุณเจอรี่ที่พัฒนาขึ้นมาเองเลย เน้นเป็นเมนูฟิวชั่นแบบเอเชียนทวิสต์ อย่างพาสต้าก็จะไม่ใช่แบบอิตาเลียนจ๋า ๆ เพราะชอบมิกซ์นู่นนี่เข้าไป เรียกว่าถ้าชาวอิตาเลียนมาเห็นน่าจะช็อกไม่น้อย (ขำ)

เราได้ลอง Lou Lou Pasta (259 บาท) เมนูซิกเนเจอร์ของร้าน เป็นเส้นสปาเก็ตตี้ผัดกับมันกุ้ง พริก กระเทียม ท็อปด้วยกุ้งตัวโต หน้าตาดูอินเตอร์ แต่ลองกินดูแล้วมีรสชาติไทย ๆ มีไข่กุ้ง ให้เทกเจอร์กรุบ ๆ เค็ม เผ็ด นัว อร่อยมาก

อีกเมนูที่ชอบมาก Penne AOP Liver Sausage (189 บาท) เป็นเส้นเพนเน่ผัดพริกแห้งกินกับไส้กรอกตับหมูกระเทียมของขึ้นชื่อจากภาคเหนือ มาผัดแบบ AOP คือใส่น้ำมันมะกอก กระเทียม และพริกแห้ง แล้วโรยด้วยผักชี (ปกติไส้กรอกจะกินกับผักเคียง) เป็นเมนูที่รสจัดจ้านดีมาก

พาสต้าอีกเมนูที่เราลอง Spaghetti Vongole Miso (259 บาท) โดยปกติเมนูวองโกเล่จะใช้ซอสไวน์ขาว แต่ที่ลูลู่ปรับสูตรให้มีความฟิวชัน ด้วยการใส่ครีมกับมิโสะ ไม่ได้รู้สึกหนักเหมือนซอสครีม แต่มีความนัว ๆ (ได้แรงบันดาลใจมาจากซุปมิโซะหอย) โรยด้วยพริกป่นแบบไทยให้ความเผ็ดนิด ๆ แก้เลี่ยนได้ดี

จานหลักเลือกเป็น Fish and Chips (359 บาท) ปลากะพงทอดไซซ์ใหญ่ (200 กรัม) ชุบแป้งโฮมเมด ที่แอบใส่ปราปิก้านิด ๆ ให้มีความสไปซ์หน่อย (แต่ไม่เผ็ดนะ) เสิร์ฟคู่กับซอสทาร์ทาร์ทำเอง และมีซอสใหม่พิเศษ แจ่วมายองเนส รสจัดจ้านสุด ๆ


และสุดท้าย Garlic & Olive Oil Picanha Don (259 บาท) เป็นข้าวที่เอาไปผัดกับมันเนื้อ ซึ่งมันเนื้อมักจะเป็นส่วนที่คนมักจะคัดทิ้ง เวลาตกแต่งเนื้อสเต็ก ทางร้านเลยครีเอตเอามาใช้ประโยชน์ ลด Food Waste ด้วยการนำไปคั่วกระทะให้มีความเกรียม ๆ ก่อนนำมาผัดไปกับข้าวอีกที จะได้ข้าวผัดที่มีเทกเจอร์กรุบ ๆ
ท็อปด้วยเนื้อพิคานย่าไทย เนื้อจะสู้ฟันเคี้ยวอร่อย เสิร์ฟมาแบบมีเดียมแรร์ กินคู่กับขิงดอง และน้ำพริกหนุ่มฟิวชั่น (ไม่ได้ใช้พริกหนุ่มทั้งหมด มีผสมพริกหวาน ไม่เผ็ดมาก มีความเปรี้ยวหน่อย ช่วยตัดเลี่ยนได้ดี) เป็น Inspiration มาจากข้าวด้งญี่ปุ่น ที่มักจะเสิร์ฟกับขิงดอง ที่ลูลู่ก็เลือกใช้เป็นน้ำพริกหนุ่มแทน
ใครกำลังมองหาร้านอาหารอร่อย ๆ ย่านอินทามระ คาเฟ่ไวบ์ดี หรือบาร์มาแฮงเอาต์ชิลล์ ๆ ที่ LOULOU น่าจะตอบโจทย์ที่ว่ามาทั้งหมดเลยล่ะ
LOULOU Cafe & Restaurant
เปิดทุกวัน (เว้นวันจันทร์) 10:00 – 22:00 น.
ปากซอยอินทามระ 37
MRT สุทธิสาร แล้วต่อพี่วิน | มีที่จอดรถ
Google Maps