LAUGH by nico nico ร้านแฮงเอาต์ไวบ์ดี ที่มีคอนเซปต์ Brunch to Izakaya ให้มาเอนจอยได้แบบเช้าจรดค่ำ ย่านหลังสวน

ชวนกินบรันช์ร้านใหม่ไวบ์ดี เสิร์ฟบรันช์กลิ่นอายญี่ปุ่นแบบเช้าจรดบ่าย ที่ตกเย็นจะทรานส์ฟอร์มเป็นร้านอิซากายะ ให้มาแฮงเอาต์ได้เช้าจรดค่ำ ท่ามกลางมู้ดโทนที่อินเตอร์สุด ๆ ย่านหลังสวน ที่ LAUGH by nico nico เห็นชื่อแล้ว เลี้ยวเข้าแบบไม่ลังเล!

เห็นชื่อห้อยท้ายของ LAUGH ว่า ‘by nico nico’ ไม่ต้องสงสัยนี่เป็นร้านใหม่ในเครือ nico nico ทองหล่อ ร้านบรันช์ที่มีขนมปังสุดอร่อย (มาก) นั่นเอง ซึ่งเค้าตั้งใจเปิดตัวแบรนด์ใหม่ กระจายความอร่อยมาสู่ย่านหลังสวน อยู่ในมิกซ์ยูสใหม่เอี่ยมอย่าง Vivre

ทีม LAUGH บอกเราว่า ความตั้งใจของ Laugh คืออยากให้เป็นเป็นพื้นทีที่มีความสนุกมากขึ้น ให้ Positive Energy กลับไป เลยเกิดเป็นคอนเซปต์ Brunch to Izakaya เป็นที่ที่ให้คนมานั่งเอนจอยกับอาหาร และบรรยากาศดี ๆ ย่านหลังสวน ได้แบบเช้าจรดค่ำ มาแฮงก์เอาต์กันได้ทุกช่วงเวลาเลย

ฝั่งของ Brunch ก็ยังคงมีความฟิวชั่นความเป็นญี่ปุ่นแนว Combination ระหว่างตะวันออกและตะวันตก ส่วน Izakaya เกิดขึ้นจากความที่ nico nico อยากจะ Explore ความเป็นญี่ปุ่นในช่วงกลางคืน อยากสร้างคอมมูนิตี้ของคนที่ชอบอะไรเหมือน ๆ กันได้มาเจอกัน

“จริง ๆ nico nico แปลว่ารอยยิ้ม ที่นี่ก็อยากให้เป็นอีกที่หนึ่งที่อยากให้เกิด Positive Energy มีการคุยกัน มา Gather Friend กันมากขึ้น เหมือนมาเติมสีสันของความสนุกขึ้นในรูปแบบของ nico nico”

ที่เลือกย่านหลังสวน ทีม Laugh เล่าว่า โจทย์แรกของการหาที่ก็คืออยากได้ที่ที่มีแสงธรรมชาติมากที่สุด ก็เลยมาโดนใจกับที่ตรงนี้ ที่มีสเปซทั้ง Indoor และ Outdoor และละแวกหลังสวนนี้ยังมีความเป็น Neighborhood ที่มีทั้งความสดใส และน่ารักด้วย

ส่วนการตกแต่งร้านจะเห็นว่าดูไวบ์ความอินเตอร์หน่อย ๆ ทั้งที่นั่งแบบ Outdoor ผนังกระเบื้อง ร่มกันสาดสีขาวเข้ากัน ตัดกันกับสีเขียวธรรมชาติของต้นไม้ และหยอดสีแดงที่เป็นสี CI ของร้าน ทำให้มู้ดดูสนุก ขี้เล่นมากขึ้น และชั้นล่างยังมีเคาน์เตอร์บาร์แบบเปิด ที่สามารถมานั่งได้ ตั้งใจอยากให้บาริสต้าได้ Connect กับลูกค้าได้ ส่วนใครกลัวร้อน มีที่นั่งด้านในร้านด้วยนะ

เอนจอย ‘Brunch’ ที่ LAUGH by nico nico 

ด้วยความเป็น Brunch Lover เราเลยตั้งใจมาตั้งแต่ช่วงบ่าย เพื่อจะได้ลองกินบรันช์กันก่อน เมนูบรันช์ของที่นี่ยังคงความฟิวชั่นสไตล์ญี่ปุ่น รวม Combination ระหว่างตะวันออกและตะวันตก ออกมาเป็นหลายเมนูทั้งมื้อสาย และมื้ออิ่ม ส่วนโทสต์ ขนมอบต่าง ๆ ส่งตรงจากทองหล่อเลย

เราได้ลอง Chicken Lemon Garlic Toast (250 บาท) เมนูที่ให้ฟีลเฮลท์ตี้หน่อย ๆ ด้วยโทสต์เป็น ขนมปังโฮลวีต ท็อปด้วยอกไก่หมักสูตรพิเศษ นุ่มดีมา ๆ เพิ่มความนัวด้วยเชดด้าชีส ตัดรสด้วยหัวไชเท้าดอง มะเขือเทศ ราดซอสฮันนี่มัสตาร์ดโฮมเมด เป็นการกินอกไก่ที่แฮปปี้มาก

อีกเมนูเป็น Laugh Burrata Toast (350 บาท) ถูกใจสายบูราต้าชีสสุด ๆ ให้มาแบบเต็มแผ่น พร้อมมะเขือเทศเชอร์รี่ โอลีฟออย และซอสบัลซามิก ทีเด็ดอยู่ที่ขนมปัง Yudane Bread ที่ใช้เทคนิคการนวดแป้งแบบญี่ปุ่น เนื้อขนมปังจะมีความเหนียบนุ่ม หนุบหนับเป็นพิเศษ อร่อยมาก 

เติมสีเขียวด้วย Miso Caesar Salad (220 บาท) ซีซาร์สลัดกลิ่นอายญี่ปุ่น เพราะใช้น้ำสลัดเป็นซอสมิโซะโฮมเมด เพิ่มความอูมามิเข้ากันได้ดี กับเบคอนกรอบ ชีส และไข่ดาวน้ำ

ใครอยากได้เมนูอยู่ท้องหน่อย ต้องลอง Miso Chicken Omelette Rice Bowl (280 บาท) สะโพกไก่ผัดกับซอสมิโซะงาขาวสูตรเฉพาะ หอม นุ่ม กินคู่กับออมเล็ตชิ้นโต และจานนี้พิเศษตรงที่ใช้ข้าวดอยออร์แกนิกพันธุ์พื้นเมืองจากเชียงใหม่ จะให้ฟิวเหมือนข้าวญี่ปุ่นแต่เป็นของไทย 

ส่วนเครื่องดื่มมีทั้งเมนูกาแฟอย่าง Coconut Flower Cold Brew (120 บาท) กาแฟรีเฟรชชิ่ง ที่ใช้เมล็ดกาแฟ Specialty Coffee จาก Factory Coffee เป็นคั่วกลาง-เข้ม เสิร์ฟกับน้ำช่อดอกมะพร้าวธรรมชาติ (ไม่ใช่ไซรัปนะ) เติมความหวานได้ตามชอบ ช่วยเติมความสดชื่นยามเช้าได้ดี

NICO NICO DIRTY (110 บาท) ช็อตเอสเปรสโซ่ ผสมกับนมผสมสูตรเฉพาะของร้าน เป็นเมนูคลาสสิกที่กินได้ไม่เบื่อ

สาย Non-coffee ที่อยากได้ความสดชื่นต้องลอง Ruby Red (175 บาท) เมนูที่รวมเอามะเขือเทศ สับปะรด มะนาว และมิกซ์เบอร์รี่มาอยู่ในแก้วเดียว เปรี้ยวสะใจมาก

ไปชิลล์กับ ‘Izakaya’ ที่ LAUGH by nico nico

แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นอิซากายะ แต่ที่ Laugh Izakaya ไม่ได้เสิร์ฟเฉพาะเมนูญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ที่นี่จะนำเสนอเมนูฟิวชันที่สอดรับกับผู้เดินทางและอยู่อาศัยในย่านหลังสวนที่มีความหลากหลาย นอกจากนี้เมนูฝั่งอิซากายะก็ยังแอบคิดอะไรที่มันเชื่อมโยงกับช่วงบรันซ์เอาไว้ด้วย เพื่อให้ลายเซ็นของความเป็น Laugh ยังอยู่ เช่น การหยิบเอาขนมปังจากเมนูบรันซ์ มาทำเป็น Canape ในช่วงอิซากายะ เป็นต้น

เราชอบงานออกแบบของทาง Laugh ที่ตั้งใจแอบซ่อนกิมมิกต่าง ๆ เพื่อเปลี่ยนมู้ดของร้านแบบง่าย ๆ แต่เท่สุด ๆ เมื่อถึงเวลาปิดช่วงบรันซ์ บริเวณชั้นโชว์เคาน์เตอร์ด้านล่าง จะสามารถดันแล้วฟลิปชั้นวางได้ จากชั้นวางที่มีแก้วกาแฟ และเมล็ดกาแฟตั้งอยู่ ก็เปลี่ยนเป็นชั้นวางที่มีขวดสาเกและเครื่องดื่มภายในพริบตา มู้ดเปลี่ยนเหมาะกับอิซากายะทันที

พื้นที่ชั้นล่างยังคงนั่งได้ตามปกติ แต่พื้นที่ชั้นสองจะเป็นโซนหลักในช่วงเย็น งานตกแต่งด้านบนจะเข้มขึ้นกว่าด้านล่าง ยังคงผนังสีขาวและขอบหน้าต่างไม้อยู่ แต่ที่นั่งและเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ มาในโทนเข้มขึ้น เพื่อให้เหมาะกับการเป็นร้านกลางคืน มีทั้งโต๊ะแบบโซฟา และแบบเก้าอี้เลือกนั่งได้ตามใจ แอบแทรกกิมมิกของกล่องไฟลูกบาศก์บนโต๊ะอาหารที่ล้อไปกับตัวป้ายไฟของทางร้านด้วย

ยากิโทริ ของทางร้านจะใช้ถ่านย่าง 100% ที่มีควันน้อย ให้กลิ่นเบา ๆ ไม่หนักจนเกินไป มีให้เลือกทั้งแบบย่างเกลือและย่างซอส ซึ่งใครชอบฉ่ำ ๆ เราอยากให้ลองย่างซอสดู เพราะทางร้านทำซอสขึ้นมาเอง เน้นสไตล์ญี่ปุ่น เราสั่งมาหลากหลายมากทั้ง ปลาไข่ (69 บาท) หัวใจไก่ (39 บาท) หมูสามชั้น (59 บาท) หมูและต้นหอมญี่ปุ่น (59 บาท) กระเจี๊ยบ (39 บาท) ข้าวโพดหวาน (39 บาท) ปีกกลางไก่ (49 บาท) หนังไก่ (49 บาท) และ บาร์บีคิวหมูสันคอ (79 บาท) สำหรับเราคิดว่าย่างเกลืออาจจะรสจัดไปสักหน่อย แต่ย่างมาแห้งและหอมถ่านดีมาก ๆ

ยังมีอีกหลายจานที่เราลองแล้วชอบใจจนอยากบอกต่อ ทั้ง Spicy Red Bean Salad (170 บาท) กับการนำถั่วแดงที่มีกลิ่นอายญี่ปุ่น มาคลุกเคล้าเครื่องลาบแบบไทย ๆ ได้รสชาติใหม่ที่อร่อยและแซ่บอย่าบอกใคร หากชอบแซ่บ ๆ

ขอแนะนำอีกเมนูกับ Koi Pla Dib (199 บาท) ที่เลือกใช้ปลาดิบ 3 ชนิดอย่างฮามาจิ แซลมอน และทูน่า นำมาทำก้อยรสชาติเปรี้ยวเผ็ดถึงใจ เรียกน้ำย่อยได้ดีทีเดียว

Sweet & Sour Chicken (179 บาท) สะโพกไก่คัดชิ้นทอดกรอบสีทอง นำมาผัดกับซอสเปรี้ยวหวานโฮมเมด ใส่รากบัว มันฝรั่ง และพริกหวานสามสี เป็นอีกจานที่รสชาติเข้มข้น ซอสเคลือบฉ่ำทั้งชิ้นไก่เลย

อีกหนึ่งเมนูไฮไลต์กับ Beef Tongue Stew (350 บาท) ทางเชฟจะนำลิ้นวัวนำเข้าเกรดพิเศษไปอบกับสมุนไพรสูตรลับของทางร้านประมาณ 3-4 ชั่วโมงจนเข้าเนื้อ จากนั้นนำไปตุ๋นกับซอสอีกประมาณ 2 ชั่วโมงเพื่อให้ซอสเข้าเนื้อ แอบบอกว่ามีไวน์แดงสักแก้ว เป็นการจับคู่ที่ลงตัวสุด ๆ เลยล่ะ

ขยับมาที่เมนูเส้นกันบ้างกับ Mini Creamy Shrimp Roe & Salmon Pasta (200 บาท) เส้นสปาเกตตี้ผัดแบบครีมมี กับแซลมอนและไข่กุ้ง ที่แชร์กินกันได้เลย หรือจะเป็น Lotus Root Chips (79 บาท) รากบัวทอดสไตล์เรียบง่าย แต่กรอบเพลินอย่าบอกใคร 

และขึ้นชื่อว่าเป็นอิซากายะ มีกินแล้วก็ต้องมีดื่ม เรื่องเครื่องดื่มที่นี่ก็มีครบแบบไม่ต้องห่วง ทั้งสาเก เครื่องดื่มดราฟต์ ไฮบอล อุเมะชู และไวน์ หรือใครอยากดื่มแบบคลีน ๆ ก็มีเครื่องดื่มกลุ่มชา และสปาร์กลิงให้บริการเช่นกัน พร้อมเป็นพื้นที่สังสรรค์ และพื้นที่คลายเหนื่อยจากการทำงานก่อนกลับบ้านของใครหลาย ๆ คน ให้ผ่อนคลาย และมีเสียงหัวเราะสมกับชื่อ Laugh กลับไปกันด้วย

LAUGH by nico nico
เปิดทุกวัน 08:00 – 16:30 (Coffee & Bakery) และ 17:00 – 22:00 น. (Izakaya)
ชั้น 1 และ 2 Vivre หลังสวน
BTS ชิดลม | มีที่จอดรถ
Google Maps