Kuma No Yakitori Bangkok ร้านโอมากาเสะยากิโทริระดับไฮเอนด์ จากญี่ปุ่น ชวนนักชิมต้อนรับฤดูกาลใหม่ กับ Episode 2 Autumn

พูดถึงยากิโทริ ภาพจำของคนไทย (อย่างเรา) มักจะนึกถึงบรรยากาศแบบอิซากายะ เป็นเมนูกับแกล้มสายกินดื่ม แต่ที่ Kuma No Yakitori Bangkok ร้านโอมากาเสะยากิโทริจากญี่ปุ่น ที่มาเปิดในประเทศไทยแล้ว ย่านสุขุมวิท จะพาเราลืมภาพเมนูเสียบไม้ย่างธรรมดา ๆ ให้กลายเป็นเมนูสุดพิเศษ ในรูปแบบที่ชวนตื่นตาตื่นใจ พร้อมเปิดตัวคอร์สเมนูใหม่ ต้อนรับฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่น

Routeen. ขอพาไปทำความรู้จักกับที่มาของร้านนี้กันสักนิดก่อนจะไปลองชิมเมนูใหม่กัน Kuma No Yakitori เป็นร้านยากิโทริโอมากาเสะประเทศจากญี่ปุ่น เปิดตัวครั้งแรกที่โอซาก้า ในปี 2014 โดยนำเสนอเมนูที่รังสรรค์จากส่วนต่าง ๆ ของไก่ทั้งหมด

Fact : ยากิโทริ 焼き鳥 ในภาษาญี่ปุ่น คือเมนูไก่ย่าง ถ้าเมนูเสียบไม้หลาย ๆ แบบจะเรียกว่า คุชิยากิ 串焼

ปัจจุบัน Kuma No Yakitori ขยายตัวหลายสาขา โดยมีสาขาในประเทศญี่ปุ่นถึง 10 สาขา ขึ้นชื่อว่าเป็นร้านยากิโทริระดับไฮเอนด์อันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ติดอันดับ Tabelog Top100 หลายครั้ง และยังเป็นระบบสมาชิกเท่านั้น ที่จะต้องเสียค่าธรรมเนียมกว่า 300,000 เยน แต่ก็สามารถดึงดูดสมาชิกได้มากกว่า 11,000 ราย

และยังขยายสาขาไปต่างประเทศ คือประเทศจีน 1 สาขา และประเทศไทยอีก 1 สาขา ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งสาขาแรกในกรุงเทพฯ เปิดตัวเมื่อต้นปี 2024 นี้เอง ตั้งอยู่ใน Rain Hill คอมมูนิตี้มอลล์ย่านสุขุมวิท 47 ตั้งใจมาเปลี่ยนทัศนคติของผู้คนที่มีต่อยากิโทริ โดยผสมผสานอาหารแบบดั้งเดิมกับเทคนิคสมัยใหม่ และประสบการณ์ที่หรูหรา

สำหรับสาขากรุงเทพฯ รังสรรค์เมนูโดยเชฟมากประสบการณ์ Yoshinari Takagi เป็นทั้ง Executive Chef และ Owner ของ Kuma No Yakitori Bkk เชฟภาคภูมิใจที่จะจัดหาวัตถุดิบในท้องถิ่นของไทย คัดเลือกไก่ชั้นยอดโดยตรงจากเกษตรกร เสิร์ฟไก่สายพันธุ์พรีเมียมโดยใช้เทคนิคการทำแบบฝรั่งเศส จีน และญี่ปุ่นผสมผสานกัน

Funfact : เชฟ Yoshinari Takagi เคยเป็นอดีตนักฟุตบอลอาชีพ ก่อนค้นพบว่าความหลงใหลที่แท้จริงของเขาไม่ได้อยู่ที่สนามหญ้า แต่อยู่ที่ห้องครัว ด้วยความปรารถนาที่จะนำเสนอความแปลกใหม่ให้กับยากิโทริ เมนูไก่ของเขาเลยนำเสนอผ่านมุมมองที่สร้างสรรค์

Kuma No Yakitori Bangkok โอมากาเสะลับ ที่ชวนเราไขรหัส เข้าไปสัมผัสประสบการณ์พิเศษ

สำหรับ Kuma no Yakitori Bangkok ยังไม่มีระบบค่าธรรมเนียมแบบที่ญี่ปุ่น แต่มีกิมมิกที่ให้ความรู้สึกเป็นแขกคนพิเศษ ตรงที่ต้องใช้ รหัสผ่านลับ ในการปลดล็อกประตูจึงจะเข้าไปได้ (เราจะได้รหัสหลังจากยืนยันการจองสำเร็จ)

เมื่อเปิดประตูเข้าไปเราจะพบกับเคาน์เตอร์บาร์ขนาดใหญ่รูปตัวแอล โดยเว้นพื้นที่ตรงกลางเป็นเตาถ่านขนาดใหญ่ ที่สามารถมองเห็นเชฟรังสรรค์เมนูต่าง ๆ ได้ และความสนุกคือ ด้วยพื้นที่ที่ค่อนข้างใหญ่ เราสามารถเดินเข้าไปดูเชฟทำอาหารได้แบบใกล้ ๆ ได้ด้วยนะ

การออกแบบภายในของร้าน Kuma No Yakitori เป็นการผสมผสานความเงียบสงบแบบเซน และความเป็นญี่ปุ่นแบบหรูหรา สร้างประสบการณ์การรับประทานอาหารแบบชั้นเลิศให้กับผู้มาเยือน ซึ่งแต่ละรอบจำกัดที่นั่งเพียง 10 ที่นั่งเท่านั้น และยังมีที่นั่งในห้องส่วนตัว VIP มากกว่า 6 ที่นั่งรองรับอีกด้วย

ลิ้มลองยากิโทริ ที่รวมองค์ประกอบชวนนึกถึงฤดูใบ้ไม้เปลี่ยนสี ใน Episode 2 Autumn

คอร์สที่เรามาลองครั้งนี้ เป็นคอร์สเมนูใหม่ ที่เริ่มในเดือนกันยายนนี้ “Episode 2 Autumn” ต้อนรับฤดูกาลใหม่ในญี่ปุ่น รวบรวมองค์ประกอบ และวัตถุดิบตามฤดูกาล อาทิ เกาลัด แปะก๊วย เห็ดชิทาเกะ และยูซุ ที่จะพาเราคิดถึงถึงฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นในแต่ละจาน

โดยเชฟนำส่วนต่าง ๆ ของไก่ ทั้งเนื้อไก่ หนังไก่ เครื่องในไก่ หรือแม้กระทั่งไข่ มาครีเอตให้ลิ้มลองหลากหลายรูปแบบ รวมกว่า 17 เมนู (2,800 บาท)

เริ่มด้วย Soy Milk Tofu เต้าหู้เนื้อเนียน ส่งตรงจากฮิโรชิม่า โอบล้อมด้วยซอส/ซุป ยูซุซากุระสีสวย ยั่วน้ำลายอีกนิดด้วยการท็อปอูนิและคาเวียสีมันวาว เราลองชิมแค่เต้าหู้กับซอสดูรู้สึกถึงเนื้อที่เนียนนุ่ม และสดชื่นใช้ได้ เมื่อกินพร้อมกับอูนิและคาเวียในคำเดียว ยิ่งเสริมรสให้มีมิติมากขึ้น (อร่อย!)

ต่อด้วย Assortment Platter “Autumn” เชฟแนะนำให้เริ่มกินจากซ้ายไปขวา เป็นเกาลัดบด อูนิในเยลลีแครอท อิคูระ และไชเท้าดอง ตกแต่งจานให้รู้สึกถึงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

ก่อนกินเชฟจะโรยทอง ให้ความรู้สึกเหมือนใบไม้ที่กำลังผลัดใบ จากนั้นเพิ่มความสดชื่นด้วย Golden Soup ซุปไก่สีทอง สูตรเฉพาะของเชฟ

เริ่มเมนูไก่ด้วย Char-grilled Chicken Breast เมนูอกไก่ที่เชฟจะนำไปคั่วกับถ่านบินโจตัน ถ่านไม้คุณภาพสูง เพื่อเพิ่มความหอมและดึงความหวานจากเนื้อไก่ ตอนเสิร์ฟเชฟจะนำถ่านร้อน ๆ มาทาบโชว์ถึงโต๊ะอีกที แล้วหั่นแบ่งเป็นชิ้น ความหนากำลังดี กินคู่กับซอสยูซุชิลลี่เพส เพิ่มความสดชื่น

ถัดมาเป็น Chicken Leg with Scallion เนื้อส่วนที่มีความนุ่มชุ่มฉ่ำ ย่างถ่านร้อน ๆ ลองจิ้มกินกับพริกซันโชเข้ากันดี Yakitori of the day รอบนี้เราได้ หัวใจไก่ ที่ทำออกมาได้อย่างพอดี นุ่ม ไม่คาวเลย เสิร์ฟมาแบบ 2 ชิ้น โดยชิ้นที่ 2 จะเพิ่มมิติรสด้วยขิง ได้อีกรสชาติ

ต่อด้วย Ginkgo Nut with Karasumi แปะก๊วยกับไข่ปลาคาราสึมิ (ไข่ปลาหายาก) ที่เสิร์ฟมาแบบร้อน ๆ ได้รส 2 เทกเจอร์ เชฟบอกเราว่าเป็นสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ร่วงเลยล่ะ

กลับมาที่เมนูไก่กับ Grilled Chicken Tender & Uni Roll เมนูสุดฟินที่เชฟจะยกเตามาย่างเนื้อไก่ให้ดูใกล้ ๆ ห่อสาหร่าย ท็อปด้วยอูนิคำโต วาซาบิสด และบีบมะนาวนิด ๆ กินทั้งคำจะได้ทั้งรสหอมมันเฉพาะตัวของอูนิ ความนุ่มของเนื้อไก่ และสาหร่ายหอม ๆ

ถัดมาเป็น Foie Gras Steamed Egg Custard อีกหนึ่ง Combination ที่เข้ากันได้ลงตัวมาก ๆ ไข่ตุ๋นเนื้อเนียน กับฟัวกราส์ชิ้นโตที่ทำความสุกได้แบบพอดี ผิวตึงนิด ๆ แต่กัดแล้วชุ่มฉ่ำ รสฟัวกราส์ชัดเจนและไม่คาวเลย

ก่อนจะไปต่อเมนูต่อไป เชฟพาเราพักเบรก ด้วย Yuzu Sherbet เติมความสดชื่นกับไอศกรีมเชอร์เบทยูซุ ที่มีเนื้อให้เคี้ยวนิด ๆ รสเปรี้ยวสดชื่น ช่วยเปิดต่อมรับรสให้พร้อมไปต่อเมนูต่อไป

นอกจากจะส่วนต่าง ๆ ของไก่จะนำไปทำเมนูย่าง เชฟยังทำ Chicken Meatball with Cheese เป็นเนื้อไก่บดเนื้อชุ่มฉ่ำ ที่ฉาบด้วยซอสไวน์แดงมิกซ์เข้ากับซอสยากิโทริจนได้รสเข้มข้น ไฮไลต์อยู่ที่โรยชีสพาร์มิจาโน่ หรือพาเมซานชีสให้มากน้อยได้ตามที่เราชอบ

ยากิโทริ จะขาดหนังไก่ย่างไม่ได้ เมนู Chicken Skin ที่นี่มีความพิเศษตรงที่ เชฟจะค่อย ๆ ย่างด้วยไฟอ่อน ใช้เวลาถึง 20 นาที ทำให้ได้ผิวที่ยังกรอบ แต่ก็คงความชุ่มฉ่ำไว้อยู่ ถัดมาเชฟเสิร์ฟ Shiitake Mushrooms หนึ่งในกลิ่นอายของฤดูใบ้ไม้ร่วง เป็นเห็ดหอมชิตาเกะที่เคลือบซอสมันวาว รสอูมามิ เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำดี

มาถึงคิวของ Chicken Wings ปีกไก่ที่เชฟบอกเราตั้งแต่เริ่มคอร์สว่า เชฟได้นำปีกไก่วางบนตะแกรง แล้ววางไว้ด้านบน (เพดาน) ของเตา โดยทิ้งไว้นานกว่า 30 นาที ไก่จะโดนสโม้คจนผิวมีความแห้ง

จากนั้นนำไปย่างบนเตาถ่านจนสุก เป็นปีกไก่ที่หนังจะมีความกรอบเกรียม แต่ด้านในเก็บความชุ่มฉ่ำไว้เต็ม ๆ บีบเลมอนนิด ๆ อร่อยมาก

ใกล้จบคอร์สใครยังไม่อิ่ม เพิ่มคาร์โบไฮเดรตกันด้วย Premium Raw Egg on Rice ไข่แดงดิบเนื้อหนึบบนข้าวญี่ปุ่น ซึ่งเมนูนี้สามารถเพิ่มท็อปปิ้งพิเศษได้คือ อูนิและอิคูระ ในชื่อ Ultimate TKG (Premium Egg York Over The Rice Topped with Uni & Ikura)

เป็น add-on ราคา 1,000 บาท ที่คุ้มค่ามาก ๆ เพราะเชฟจะให้อูนิแบบเน้น ๆ กับอิคูระแบบแน่นชามซึ่งความมันเฉพาะตัวของอูนิ เข้ากับอิคูระรสเค็มนัวที่มีเทกเจอร์เป๊าะแป๊ะในปาก ยิ่งเคลือบไข่แดงแน่น ๆ ยิ่งเข้ากันได้ดี รู้สึกได้ถึงความ Ultimate จริง ๆ และระหว่างเอนจอยกับเมนูข้าว เชฟจะเสิร์ฟ Red Miso Soup ให้ซดคล่องคอด้วย

ปิดจบคอร์สด้วย Dessert of the Day ครั้งนี้เราได้ลองวากาชิ ขนมหวานแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น เป็นโมจิไส้ถั่วแดงเนื้อนุ่ม หวานกำลังดี มาพร้อมกับเกาลัด

และระหว่างคอร์สยังสามารถสั่งเครื่องดื่มเพิ่มเติม มาดื่ม Pairing กับเมนูได้ อย่าง Sake ที่จะมีให้เลือกหลายแบบ ส่วนตัวเราชอบ Sake Tonic Autumn (200 บาท) เป็นสาเก Azumaryu Junmai ที่ผสมกับโทนิค ท็อปด้วยใบเมเปิ้ล ได้รสหอมหวานและสดชื่นกำลังดีมาก ๆ

สำหรับ Episode 2 Autumn เริ่มเดือนกันยายนเป็นต้นไป และเปิดเพียง 2 รอบต่อวันเท่านั้นนะ (รอบเวลา 17:00 -19:30 น. และรอบเวลา 20:00-22:30 น.) สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ Chope

Kuma no Yakitori Bangkok
เปิดทุกวัน (เว้นวันพุธ) 2 รอบต่อวัน
ชั้น 1 Rain Hill สุขุมวิท 47
BTS ทองหล่อแล้วเดิน | มีที่จอดรถ
Google Maps