นับตั้งแต่การเกิดขึ้นของอาคารใหม่ใจกลางย่านเพลินจิตอย่าง OCC – One City Centre ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับศูนย์การค้า Central Embasy ก็ทำให้ย่านนี้คึกคักไปด้วยสำนักงาน และร้านรวงต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นมา และก็เหมือนว่าในสุขุมวิท จะเริ่มมองหาพื้นที่สงบ ๆ ยากขึ้นทุกที เพราะทุกนาทีของย่านนี้เคลื่อนไหวรวดเร็วตลอดเวลา แต่ยังมีหนึ่งร้านที่พยายามเชื้อชวนเราให้เดินเข้าไปค้นหาความสงบ ผ่านบรรยากาศของร้าน และชาเขียว แก้วโปรด กับ KSANA (กาซานา)
เราติดใจตั้งแต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปในร้าน แล้วพบว่ายังมีประตูอีกบานให้เราเปิดเข้าไปอีกรอบ จึงจะถึงตัวร้านจริง ๆ เพราะนี่คือการกรองเสียงจากภายนอกให้เข้ามาน้อยที่สุด แปลว่าทางร้านตั้งใจนำเสนอความสงบออกมาให้เป็นรูปธรรมอยู่ไม่น้อย Routeen. มีโอกาสได้พูดคุยกับ คุณเอิร์ธ – รัชกร ยมจินดา หนึ่งใน 4 หุ้นส่วนของ Ksana (อีก 3 ท่านได้แก่ คุณเกษม พฤกษานานนท์, คุณไค คาโต้ และคุณณัฐวุฒิ นันตะพานา) เลยรู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังว่า ก่อนที่จะมาเปิดร้านนี้ ทั้ง 4 ท่านทำธุรกิจนำเข้าชาเขียวมาก่อน แต่ไอเดียในการทำร้านนี้มีมาตั้งแต่แรกเริ่มอยู่แล้ว ด้วยคอนเซปต์ที่อยากพาทุกคนหลีกหนีจากความวุ่นวาย (ที่สุดท้ายเกิดเป็น Tagline ของร้านอย่าง Escape From Chaos ขึ้นมา) เพราะคนเมืองอย่างเรา ๆ นั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวายจริง ๆ ในขณะเดียวกัน พื้นที่ที่ให้หลบหลีกสิ่งเหล่านั้นก็มีน้อยมาก ๆ การไปสปาสุดสงบ ก็ไม่ใช่สถานที่ที่ทุกคนจะเข้าถึงได้ หรือคาเฟ่เองก็ไม่ได้สงบอย่างที่คิดจริง ๆ เลยต้องหาสื่อกลางในการนำเสนอความสงบนั้น พอมอง ๆ กันก็พบว่า ชาเขียวนี่แหละ จะเป็นสิ่งที่สามารถสื่อไปถึงความสงบได้ดีที่สุด
คุณเอิร์ธยังบอกต่ออีกว่า ความสงบที่ตั้งใจนั้นสามารถแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ Escape From Chaos นี่แหละ ทำอย่างไรก็ได้ให้คนที่เข้ามาพื้นที่นี้ รู้สึกว่าได้ Escape จากข้างนอก ก็จะมีทั้งบรรยากาศของร้าน เสียงเพลงที่เลือกเปิด แม้กระทั่งกลิ่นของร้านที่ต้องคุมกลิ่น รูปลักษณ์ของร้านที่เลือกความเป็นถ้ำมานำเสนอ เพื่อสื่อถึงการหลีกหนีจากความวุ่นวาย และเลือกโทนสีขาวเพื่อให้รู้สึกเหมือนมาพักผ่อน ไม่อึดอัด ในขณะเดียวกันก็ดูเป็นแคนวาสด้วย แอบเติมวัสดุจากธรรมชาติอย่างไม้ หรือหิน เข้ามาประดับในร้าน เพื่อดึงให้ผู้ที่เข้ามาในร้านเข้าใกล้ธรรมชาติมากขึ้น
ต่อมาคือ Accessible Top Quality Matcha ต้องการให้ทุกคนได้เข้าถึงชาเขียวที่มีคุณภาพ มีช้อยส์ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ทาง Ksana ตั้งใจคัดชาเขียวที่มีคุณภาพตรงจากเมืองอุจิ ประเทศญี่ปุ่น จากฟาร์มอายุกว่า 400 ปีที่ยังไม่มีคนไทยเจ้าไหนซื้อตรงกับเขามาก่อน (แอบบอกว่าแม้กระทั่งท่านทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ก็เลือกใช้ ชาเขียว จาก Ksana เช่นกันนะ) โดยได้คุณไคที่มีเพื่อนอยู่ในวงการชาที่ญี่ปุ่นอยู่แล้วเป็นผู้ประสานงานและติดต่อให้
"เพราะคนเมืองอย่างเรา ๆ นั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวายจริง ๆ ในขณะเดียวกัน พื้นที่ที่ให้หลบหลีกสิ่งเหล่านั้นก็มีน้อยมาก ๆ การไปสปาสุดสงบ ก็ไม่ใช่สถานที่ที่ทุกคนจะเข้าถึงได้ หรือคาเฟ่เองก็ไม่ได้สงบอย่างที่คิดจริง ๆ เลยต้องหาสื่อกลางในการนำเสนอความสงบนั้น พอมอง ๆ กันก็พบว่า ชาเขียวนี่แหละ จะเป็นสิ่งที่สามารถสื่อไปถึงความสงบได้ดีที่สุด”
จุดเด่นของ ชาเขียว ที่ Ksana เลือกมาอยู่ที่รสชาติที่บาลานซ์มาเป็นอย่างดี เพราะที่จริงแล้วการชงชาเขียวให้บาลานซ์และคอมเพล็กซ์นั้นค่อนข้างยาก รวมถึงอยากทำความเข้าใจถึงชาเขียวที่ดีให้กับนักดื่มบ้านเราใหม่ เพราะเรามักจะมีความเชื่อว่า ชาที่ดีต้องขม (ซึ่งอาจจะติดมาจากการดื่มกาแฟ) แต่ที่จริงแล้ว ชาเขียวที่ดีต้องอยู่ที่บาลานซ์ และไม่ขม โดยทางร้านมี Brewist ที่คอยมอบทั้งคุณภาพของชา สร้างประสบการณ์การดื่มชาที่ดีให้ อีกอย่างคือการเป็นไกด์ที่ชวนให้เราหลีกหนีความวุ่นวาย โดยการชงชาทางร้านได้คนญี่ปุ่นมาสอนให้ แต่ทางร้านมีการปรับเปลี่ยนการชงแบบ Traditional ใหม่ให้สอดรอบกับปริมาณที่ต้องชงเป็นจำนวนมาก แต่ยังได้คุณภาพดีเท่าเดิม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจส่วนสุดท้ายอย่าง Mindful & Respectful Culture นั่นเอง
ส่วนที่ตั้งของร้านก็เลือกมาจากย่านที่ “อยู่ใกล้ความวุ่นวายที่สุด” เพราะอยากให้ทุกคนเห็นความคอนทราสต์ที่สุดระหว่างโลกข้างนอก กับความสงบภายในร้าน จึงมาลงตัวที่ย่านเศรษฐกิจหลักแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ อย่างเพลินจิตนี่เอง
ส่วน Ksana มาจากภาษาสันสกฤต ที่ถือเป็นแก่นระหว่างไทยกับญี่ปุ่น ซึ่งรากของคำว่า กาซานา ของสันสกฤต หมายถึง ขณะ ส่วนภาษาญี่ปุ่นคือคำว่า Setsuna (刹那) ที่แปลว่า ชั่วขณะ เช่นกัน ซึ่งเป็นคำที่เน้นย้ำในเรื่อง Moment ที่จะให้คนมาหลบหลีกความวุ่นวายได้ดีที่สุด
ที่ร้านมีมัตฉะให้เลือก 3 ตัวด้วยกัน ได้แก่ Coastal Breeze ซึ่งเป็นชาเกรดท็อปที่ใช้ในพิธีชงชา ชาตัวนี้จะให้ความรู้สึกรีแลกซ์ ไม่ขม เป็นชาพันธุ์ Samidori, ตัวที่สองคือ Bitter Rainforest เอาใจคนที่ชอบชาติดขมหน่อย ๆ ตัวนี้จึงค่อนข้างสตรอง โดยใช้ชาพันธุ์ Yabukita, สุดท้ายกับ Smokey Peaks เป็นโฮจิฉะที่ค่อนข้างอโรมามาก ๆ และมีความสโมกกี้ขึ้นมาอีกนิด
Routeen. จึงขอลองชาทั้ง 3 ตัวเสียเลย เริ่มที่ Coastal Breeze ที่สั่งมาเป็น Latte (200 บาท) ตัวชาไม่ขมอย่างที่บอกไว้ พอใส่นมเข้าไปทำให้ดื่มง่ายและนุ่มขึ้น ได้กลิ่นของ Seaweed อยู่ปลายลิ้น เรียกว่าเป็นแก้วที่ดื่มง่าย แต่ถ้าใครไม่ชอบหนัก ๆ ลองสั่งแบบไม่ใช่ลาเต้ดูนะ อีกแก้วขอลอง Bitter Rainforest ที่สั่งมาเป็น Usucha (140 บาท) หรือชาเขียวใส ซึ่งทางร้านจะมีการชงทั้งแบบใส และการชงแบบ Koicha หรือการตีข้นแบบญี่ปุ่นให้เลือก (ซึ่ง Koicha จะทำได้กับ Coastal Breeze เท่านั้นนะ) แก้วนี้ค่อนข้างเซอร์ไพรส์เราด้วยกลิ่น Seaweed ยิ่งพอเราสั่งเป็นแบบร้อนก็ยิ่งได้กลิ่นชัด มีความดาร์กช็อกโกแลตอยู่นิด ๆ และสำหรับสายขมอย่างเรา คิดว่าไม่ได้ขมมากขนาดนั้นนะ ยังเป็นอีกแก้วที่ดื่มง่าย และมีมิติที่น่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะ
สุดท้ายเป็น Smokey Peaks โฮจิฉะที่ทำมาเป็น Latte เช่นกัน (160 บาท) สำหรับใครที่ชอบกลิ่นสโมกนิด ๆ จะได้ความชาร์โคลอยู่ในใบชานี้ และยังมีความนัตตี้ร่วมอยู่ด้วย สำหรับคอโฮจิฉะน่าจะชอบไม่น้อยเลยล่ะ
นอกจากนี้ทางร้านยังมีขนมญี่ปุ่นที่เหมาะกับการกินคู่กับชาเขียวเสิร์ฟด้วย เราสั่ง Yokan (โยคัง – 140 บาท) ขนมประจำการกินคู่กับชาเขียวของญี่ปุ่นมาเคียงกัน ทางร้านมีให้เลือกทั้งรสอุจิมัตฉะ และรสยุสุ เราเลือกรสยุสุ วุ้นโยคังสีฟ้าสดใส ที่ใส่ยุสุลงไปด้วย ชั้นล่างเป็นถั่วแดงที่ไม่หวาน เรียกว่าชื่นใจดีจริง ๆ อีกตัวเป็น Nerikiri (เนริกิริ – 140 บาท) ขนมวากาชิในยุคเอโดะที่ส่วนใหญ่จะมีโอกาสได้ชิมตามพิธีชงชาสำคัญ ๆ ประกอบไปด้วยถั่วขาว ถั่วแดง และแป้งโมจิ ที่รสชาติกลมกล่อมดีเชียวล่ะ
สำหรับเราแล้ว Ksana เสิร์ฟ ชาเขียว ประสบความสำเร็จในการชักชวนให้เราเข้ามาหลบความวุ่นวายจากข้างนอกในพื้นที่นี้ ด้วยความใส่ใจในหลากหลายองค์ประกอบ ทั้งการควบคุมเสียงจากภายนอก (ที่ประตู 2 ชั้นช่วยได้มากจริง ๆ) การชงชาที่ไม่ได้มีเสียงแมชชีนมารบกวน และบรรยากาศของร้าน ทำให้เราได้ดื่มด่ำกับชาเขียวดี ๆ และสร้าง Quality Time ที่อาจมีไม่มากสำหรับชาวเมืองอย่างเราได้ดีเลยล่ะ
Ksana Matcha
เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 17:30 น.
ชั้น 2 อาคาร OCC – One City Centre เพลินจิต
BTS เพลินจิต | มีที่จอดรถ