หากพูดถึงร้าน Tsukemen (ท์สึเคเมน) ในกรุงเทพฯ ต้องบอกว่าอาจมีตัวเลือกไม่มากนัก สำหรับคนที่รักเมนู Tsukemen อาจต้องแวะไปฝากท้องที่ร้านราเมน ที่มีเมนู Tsukemen ให้ลองชิมแค่แบบสองแบบ จนการมาถึงของ Kiri Tsukemen By Tsuru ร้านท์สึเคเมนกลางทองหล่อ เครือเดียวกับร้านอูด้งที่เรารักอย่าง Tsuru Udon ก็ทำให้เรามีที่พักใจ (และฝากท้อง) แห่งประจำเพิ่มขึ้นอีกที่ และตั้งแต่เปิดตัวมาเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2566 นี่คือครั้งแรกของ Kiri Tsukemen By Tsuru ที่ออก Line Up Menu ใหม่ แต่ไม่ใช่ Tsukemen กลับกลายเป็น Ramen (ราเมน) แทน! แถมยังมารวดเดียวถึง 4 เมนูเลยด้วย!
รู้แบบนี้ Routeen. จึงปล่อยผ่านไม่ได้ ต้องขอบุก Kiri Tsukemen By Tsuru สาขาทองหล่ออีกครั้ง เพื่อลิ้มลองเมนูราเมนใหม่นี้สักหน่อย
ที่ Kiri Tsukemen By Tsuru สาขาทองหล่อยังคงให้ไวป์สบาย ๆ สไตล์ญี่ปุ่นด้วยเคาน์เตอร์รูปตัว L ที่เราสามารถนั่งดูเชฟกำลังรังสรรค์เมนูเด็ดที่เราสั่งในครัวเปิดด้านหน้าได้อย่างเต็มตา ได้บรรยากาศเหมือนกับไปนั่งกินที่ประเทศญี่ปุ่น แม้ตัวร้านจะมีขนาดไม่ใหญ่ แต่ด้วยการใช้กระจกใสบุรอบตัวร้าน ทำให้แสงธรรมชาติเข้าถึงได้ทุกมุม แถมยังได้ทอดสายตามองออกไปข้างนอกด้วย
แม้ว่าวันนี้ Routeen. จะมาลองเมนูใหม่ของทางร้าน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องขอสั่งเมนูโปรดอย่าง Kiri Tsukemen (350 บาท) ท์สึเคเมนซิกเนเจอร์ของทางร้าน เส้นไซซ์ใหญ่ทำสด มีความเหนียวหนึบ เด้งสู้ฟัน เป็นเอกลักษณ์ของเครือนี้อยู่แล้ว เสิร์ฟพร้อมกับซุปเข้มข้นที่ทำหน้าที่เป็นซอสเวลาเราคีบเส้นแล้วนำมาจุ่ม ให้ซุปเคลือบเส้นเต็มที่แล้วซูดเข้าปากได้เลย เสิร์ฟพร้อมกับท็อปปิงแน่น ๆ ทั้ง Rosuto Buta หมูอบสันคอที่นำไป Sous Vide จนนุ่ม, Memma หน่อไม้ญี่ปุ่นที่ทางร้านนำมาปรุงรสใหม่ให้มีเอกลักษณ์ยิ่งกว่า, Ajitamago ไข่มะตูมต้มโชยุหวาน และสาหร่ายอีก 2 แผ่น
“จุดเด่นของ Ramen ที่เรามองเห็นด้วยตาก่อนต้องยกให้ความคุ้มค่าเลย เพราะในหนึ่งชามนั้นอัดแน่นเครื่องเครามาแบบไม่กั๊ก นั่นเป็นเพราะทีมผู้บริหารเคยคิดมาตลอดว่า ทำไมเวลากินราเมนตามร้านสักชาม เรามักจะได้แค่ไข่ซีกหนึ่ง กับชาชูอีกชิ้นสองชิ้นเท่านั้น จึงอยากลบภาพจำนั้นด้วย Ramen ของร้านที่เครื่องเยอะจนคุ้มราคาจริง ๆ”
ทางร้านมีวิธีกินท์สึเคเมนชามนี้ถึง 3 รูปแบบ แบบแรกคือคีบเส้นแล้วจุ่มลงซุปได้โดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม แต่เราขอแนะนำว่าให้กินแบบจิ้มจุ่มดีกว่านะ อย่านำเส้นลงไปแช่ทิ้งไว้ในซุปนาน เพราะอาจทำให้ความหนึบของเส้นลดลงได้ แบบที่สองคือในเซ็ตจะมีเลมอนมาให้ซีกหนึ่งด้วย ลองบีบเลมอนลงบนเส้นหรือท็อปปิง ช่วยเปลี่ยนรสชาติใหม่ให้เฟรชขึ้น ความเปรี้ยวที่เพิ่มเข้ามา ทำให้ได้มิติใหม่ ๆ ของท์สึเคเมนชามนี้ด้วย และแบบสุดท้ายเมื่อกินเส้นจนหมดแล้ว ลองเติมซุปใสลงไปในซุปเข้มข้นที่ยังเหลืออยู่ แล้วสั่งข้าวญี่ปุ่นเพิ่ม เทข้าวลงไปในซุปเพื่อทำเป็นข้าวต้ม บอกเลยว่าจากที่รู้สึกอิ่มเมื่อกี้ ก็ยังสามารถกินต่อได้เฉยเลย!
ได้ท์สึเคเมนมาจุดไฟความอร่อยในท้องแบบนี้ ก็พร้อมลองเมนูใหม่อย่าง “Ramen – ราเมน” ทั้ง 4 ชามแล้วล่ะ เรารู้มาว่าที่ทางร้านเลือกเปิดเมนูใหม่เป็นราเมน แทนที่จะเป็นไลน์อาหารหลักอย่างท์สึเคเมน เป็นเพราะตั้งแต่เปิดร้านมาจนถึงวันนี้ ทางร้านมักจะได้รับฟีดแบ็กจากลูกค้า ที่ถามถึงราเมนอยู่เสมอว่า ‘แล้วที่นี่ไม่มีเมนูราเมนเหรอคะ’ รวมถึงลูกค้าบางคนก็เป็นแฟนของทางร้านมาตั้งแต่เมื่อครั้งยังมีร้าน Nobuya Ramen (โนบุยา ราเมน) อยู่ จึงมักถามถึงราเมนที่คิดถึงอยู่เรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้จึงเกิดไลน์เมนูใหม่อย่าง Ramen ขึ้นมานั่นเอง
ทางร้านนำเสนอ Ramen ในรูปแบบ Modern Ramen (ราเมนสมัยใหม่) ที่รสชาติแปลกใหม่ขึ้น ไม่ใช่มาในภาพจำของราเมนแบบ Traditional เดิม ๆ จุดเด่นของ Ramen ที่ Kiri Tsukemen By Tsuru ที่เรามองเห็นด้วยตาก่อนต้องยกให้ความคุ้มค่าเลย เพราะในหนึ่งชามนั้นอัดแน่นเครื่องเครามาแบบไม่กั๊ก นั่นเป็นเพราะทีมผู้บริหารเคยคิดมาตลอดว่า ทำไมเวลากินราเมนตามร้านสักชาม เรามักจะได้แค่ไข่ซีกหนึ่ง กับชาชูอีกชิ้นสองชิ้นเท่านั้น จึงอยากลบภาพจำนั้นด้วย Ramen ของร้านที่เครื่องเยอะจนคุ้มราคาจริง ๆ
ส่วนเส้นในชาม Ramen ก็ต่างกับเส้นของ Tsukemen เช่นกัน ทางร้านคิดสูตรเส้นราเมนใหม่ แต่ยังคงเอกลักษณ์แบบ Tsuru ที่มีความเด้ง ๆ หนึบ ๆ เช่นเดิม โดยลักษณะของเส้นจะมีขนาดเล็ก คล้ายกับเส้นราเมนสไตล์ Hakata (ฮะกะตะ) โดยเราสามารถเลือกระดับของเส้นได้ด้วย ว่าอยากได้เส้นแข็งหน่อย หรือเส้นแบบธรรมดาที่จะมีความเหนียวเด้งกว่า
ทางร้านตั้งใจนำเสนอซุปใหม่ ๆ โดยอยากหยิบเอาความอูมามิจากวัตถุดิบธรรมชาติใต้ท้องทะเลมาเป็นตัวชูโรง จึงเกิดออกมาเป็น 2 เมนูน่าสนใจอย่าง Kiri Shio (350 บาท) ราเมนแบบซุปใส โดยเป็นซุปเกลือที่ทางร้านเลือกใช้เป็นเกลือหิมาลัย เพิ่มความอูมามิของรสชาติด้วยดาชิหอยลาย พร้อมท็อปปิงครบทั้ง Rosuto Buta, Shashu Butabara, Ajitamago และ Memma ที่นำไปกริลล์เพิ่มจนกลิ่นหอมกระแทกจมูก ต้องบอกว่าพระเอกของชามนี้คงต้องยกให้ ที่มีความหวาน หอม นุ่มนวล อีกจุดที่ทำให้ราเมนชามนี้ (รวมถึงชามอื่น ๆ ด้วย) มีมิติของรสชาติมากขึ้น ด้วยการใส่หอมแดงซอย และเนงิญี่ปุ่นเจียวเพิ่ม ความหอมซ่าของหอมแดง มาเจอกับความหวานของเนงิญี่ปุ่นเจียว ช่วยเสริมให้ราเมนเบสที่มีรสเค็มนี้กลมกล่อมและครบรสมากขึ้นจริง ๆ
ต่อมากับ Kiri Shoyu (350 บาท) ราเมนซุปใสเบสโชยุ ดาชิหอยเชลล์ ที่เติมความอลังการมาด้วยหมูซูวี Rosuto Buta ที่ชอบชามมาแบบเต็ม ๆ คุ้มจุกกันไปเลย หากเทียบกับซุปดาบิหอยลายในชามก่อนหน้านี้ ก็ต้องบอกว่าดาชิหอยเชลล์ใหเ้รสที่กลมกล่อมกว่า ในขณะที่ดาชิหอยลายจะได้กลิ่นและรสของหอยชัดกว่า จุดนี้ก็สามารถเลือกตามความชอบของตัวเองกันได้เลยนะ
อีกหนึ่งซุปจากฝั่งท์สึเคเมน ถูกปรับมาเป็นเบสซุปที่สามารถซดได้เพื่อเมนู Ramen อย่าง Kiri Seabura Shoyu (350 บาท) ราเมนซุปใสโชยุไขมันหมู ที่ทางร้านปรุงรสมาพิเศษ เสิร์ฟพร้อมกับชาชูชิ้นหนา Shashu Butabara แน่น ๆ รอบชาม กับท็อปปิงทั้ง Ajitamago และ Menma ย่าง เห็นชื่อเมนูแล้วหลายคนอาจกังวลว่ามันจะมันย่องจนเลี่ยนหรือเปล่า เราลองมาแล้วก็ต้องบอกว่าชั้นไขมันลอยหน้าบนซุปไม่ได้หนาและมันย่องขนาดนั้น และยังซดได้แบบไม่เลี่ยนเลย เป็นอีกหนึ่งเมนูที่น่าลองสักครั้ง
สุดท้ายกับ Kiri Shiro (350 บาท) ราเมนซุปไก่ครีมเข้มข้น ที่ทางร้านเคี่ยวซุปไก่จนข้นคล้ายเนื้อครีม รสชาติหอมเค็ม ได้ความหวานจากตัวไก่เข้ามาเสริม ท็อปปิงด้วย Rosuto Buta, Shashu Butabara, Ajitamago ผ่าซีก และ Memma ที่มาครบเช่นกัน
ถือว่าเป็นตัวเลือกใหม่ที่น่าสนใจของคนรักเส้น ที่ทำให้เราเลือกได้มากขึ้นนอกจากท์สึเคเมน เพราะบางครั้งก็ต้องการซดน้ำซุปให้คล่องคออยู่เหมือนกัน แต่ต้องบอกว่าสำหรับเมนู Ramen นี้จะมีเสิร์ฟเฉพาะ นอกจาก Kiri Tsukemen และ Tsuru Udon แล้ว ร้านในเครือของ Tsusu ยังมี Matsu Pasta อีกหนึ่งร้านที่สามารถไปลองพาสตาฟิวชันสไตล์ญี่ปุ่นกันได้ (อ่านบทความอีกครั้งได้ที่นี่เลย)
Kiri Tsukemen By Tsuru สาขาทองหล่อ
เปิดทุกวัน เวลา 11:00 – 15:00 น. และ 17:00 – 21:00 น.
บริเวณ Garage Lounge ก่อนถึงทองหล่อซอย 2
BTS ทองหล่อ แล้วเดิน | มีที่จอดรถ (จำนวนไม่มาก)