เมื่องานศิลปะ เป็นตัวแทนของความอิสระทางแนวคิดและจินตนาการ ศิลปะ จึงมักอยู่ได้ในทุกพื้นที่ ไม่เว้นแม้แต่ “ผืนป่า” ที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติ อย่างที่ Khao Yai Art Forest พื้นที่แสดงงานศิลปะ ที่ไม่ได้เพียงมาเปลี่ยนป่า ให้เป็นอาร์ตสเปซเท่านั้น แต่ยังตั้งใจอนุรักษ์และฟื้นฟูธรรมชาติของป่าใน เขาใหญ่ ไปพร้อมกันอีกด้วย

Khao Yai Art Forest มีชื่อไทยที่ชัดเจนในความหมายอย่าง #ศิลป่า มีที่มาจากคำว่า “ศิลปะ” และ “ป่า” ที่ตั้งใจสนับสนุนและผลักดันงานสร้างสรรค์ของศิลปิน ในสภาพแวดล้อมธรรมชาติให้เกิดขึ้นจริง เพื่อเชื่อมโยงระหว่างผู้คน ธรรมชาติ และศิลปะ เข้าไว้ด้วยกัน

ถึงอย่างนั้น Khao Yai Art Forest ไม่ได้มุ่งเพียงจะขับเคลื่อนวงการศิลปะไทยให้เติบโตยิ่งขึ้น และเป็นแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ในการสร้างงานศิลปะเท่านั้น แต่นี่คือการตั้งใจให้ศิลปะช่วยฟื้นฟู และต่อยอดให้ธรรมชาติเติบโต กลับมาอยู่ในสายตา และมองเห็นความสำคัญของผืนป่ามากขึ้น

รวมถึงการสนับสนุนคนในพื้นที่และชุมชน เขาใหญ่ เกิดการสร้างงาน และเชื้อชวนให้เราเข้าใจพื้นที่ และสนใจเรื่องราวของป่าได้มากขึ้น ผ่านงานศิลปะชิ้นต่าง ๆ


พื้นที่ของ Khao Yai Art Forest กินอาณาบริเวณทั้งพื้นที่ราบ ไปจนถึงพื้นที่ลุ่มบนเขา เมื่อเรามาถึง จะต้องเดินทะลุอุโมงค์ที่เหมือนพาเราหลุดเข้ามาในพื้นที่ป่าลึกลับที่รอให้เราเข้าไปค้นหาสิ่งต่าง ๆ ภายใน แวะพักผ่อนที่อาคาร Reception ก่อนที่จะลุยชมงานศิลปะต่าง ๆ บนพื้นที่ทั้งหมด

ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2568 บริเวณพื้นที่ราบยังสามารถเข้าชมได้ฟรี โดยพื้นที่ส่วนนี้จะประกอบไปด้วยอาคาร Reception ที่กล่าวไปก่อนนี้ และพื้นที่นาข้าวที่มีลักษณะคล้ายลู่วิ่ง จัดวางชิ้นงานศิลปะระดับโลกอย่าง Maman ของศิลปิน หลุยส์ บูร์ชัวร์ ให้เราได้ชมกันฟรี ๆ รวมถึงพื้นที่พักผ่อน ที่มีร้านกาแฟ %ARABICA มาตั้งให้บริการอยู่ด้วย

“Khao Yai Art Forest ไม่ได้มุ่งเพียงจะขับเคลื่อนวงการศิลปะไทยให้เติบโตยิ่งขึ้น และเป็นแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ในการสร้างงานศิลปะเท่านั้น แต่นี่คือการตั้งใจให้ศิลปะช่วยฟื้นฟู และต่อยอดให้ธรรมชาติเติบโต กลับมาอยู่ในสายตา และมองเห็นความสำคัญของผืนป่ามากขึ้น”

ถัดจากจุดนี้จะเป็นโซนที่ลุ่ม ที่ต้องมีบัตรเข้าชมถึงสามารถเข้าพื้นที่ได้ และงานศิลปะส่วนใหญ่จะอยู่ในโซนนี้ (แอบบอกว่าระยะทางเดินจะอยู่ที่ประมาณ 2.5 กิโลเมตร ขอให้ฟิตร่างกายให้พร้อม ใส่ชุดลำลองที่เดินเหินสะดวก ถึงอย่างนัั้น สำหรับผู้สูงอายุ และเด็กเล็ก ทางพื้นที่ก็มีรถกอล์ฟไฟฟ้าคอยให้บริการด้วย)


ชิ้นงานที่แรกที่เราจะพบเมื่อเดินเข้าป่าไปแล้วคือ GOD โดย ฟรานเลสโก อารีนา กับประติมากรรมหินขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่กลางป่า เขาใหญ่ ที่ตั้งใจสะท้อนถึงแนวคิดเกี่ยวกับจิตวิญญาณ ความสัมพันธ์ของมนุษย์ และปฏิสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติ กับความทรงจำทรงวัฒนธรรมด้วย


เดินเท้าต่อมาจะเจอกับ Pilgrimage To Eternity โดยศิลปิน อุบัติสัตย์ ที่มีรากฐานจากศิลปะการสร้างเจดีย์ ที่ตีความใหม่ให้ร่วมสมัยขึ้น หยิบเอาความสมดุลของนิเวศอย่างมอสมาเล่นกับชิ้นงาน และชิ้นงานนี้มีระจายอยู่ทั่วพื้นที่กว่า 10 ชิ้นทีเดียว

K-BAR เป็นอีกหนึ่งงานที่จะเปิดเพียงทุกวันเสาร์ที่สองของเดือนเท่านั้น โดยศิลปินดูโอ เอล์มกรีน & แดร็กเซต ความแปลกแยกของบาร์สุดโมเดิร์นกลางธรรมชาติ จะให้เราตั้งคำถามถึงความแปลกแยก หรือการแทรกแซงในสภาพแวดล้อมธรรมชาติอันห่างไกล


Madrid Circle โดย ริชาร์ด ลอง ชิ้นงานบนยอดเข้ากับวงกลมแผ่นหินที่หลอมรวมกับธรรมชาติ ก่อนที่จะส่งเรามายังชิ้นงานไฮไลต์อย่าง Khao Yai Fog Forest โดย ฟูจิโกะ นากายะ กับการสร้างแลนด์อาร์ตบนพื้นที่เชิงเขา ที่เดิมเคยเป็นไร่ข้าวโพดมาก่อน ถูกฟื้นฟูขึ้นใหม่ และสร้างประติมากรรมหมอก ที่ในแต่ละครั้งก็มอบชิ้นงานที่ต่างกันออกไปตามสภาพอากาศ แรงลม ความชื้น และความกดอากาศ


สุดท้ายกับ Two Planets Series โดย อารยา ราษฎร์จำเริญสุข กับการฉายวิดีโอของชาวบ้านที่นั่งชมผลงานศิลปะระดับโลก ฟังเสียงตีความของชาวบ้าน โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังเป็นงานศิลปะอีกชิ้นที่พวกเรารับชมอยู่เช่นกัน


นอกจากนี้ยังมี Bamboo Bar ซุ้มอาหารโดย เชฟหนุ่ม – วีระวัฒน์ ตริยเสนวรรธน์ เจ้าของร้าน Samuay & Sons ในอุดรธานี มานำเสนอวัตถุดิบจากเกษตรกรในพื้นที่ และพืชพันธุ์ต่าง ๆ รอบตัว มาเป็นส่วนประกอบของอาหารได้อย่างน่าสนใจ โดยพร้อมเสิร์ฟในรูปแบบ Full Course ที่ปรับเปลี่ยนเมนูไปตามฤดูกาลเรื่อย ๆ

Khao Yai Art Forest เรียกว่าเป็นพื้นที่ที่สามารถสร้างประสบการณ์การเข้าชมศิลปะในรูปแบบใหม่ได้ และทำให้เราได้เห็นว่า ธรรมชาติเองก็เป็นอีกหนึ่งงานศิลปะชิ้นใหญ่ ที่ต้องการการดูแล และอนุรักษ์เช่นกัน
Khao Yai Art Forest
บัตรราคาเริ่มต้น 500 บาท
เปิดทุกวัน (เว้นวันจันทร์) เวลา 12:30 – 18:00 น. (เสาร์ – อาทิตย์ เปิด 10:00 น.)
โป่งตาลอง เขาใหญ่ ปากช่อง จ.นครราชสีมา