ย่านทรงวาด ยังคงเป็นหมุดหมายของผู้คน ไม่ว่าจะสายคาเฟ่ฮอปปิ้ง สายอาร์ต หรือสายกิน ต่างแวะเวียนกันมาไม่ขาดสาย ก็เพราะย่านนี้มีอะไรใหม่ ๆ ให้อัปเดตอยู่เสมอ ๆ อย่างการมาของร้านที่มีชื่อสะดุดหูอย่าง ข้าวสารเสก ทรงวาด ร้านอาหารไทยร่วมสมัย ก็เรียกว่าดึงดูดสายกินได้ไม่น้อย เพราะนี่คือร้านอาหารใหม่ฝีมือเชฟมิชลินอย่าง เชฟแพม-พิชญา สุนทรญาณกิจ
เรียกว่าเป็นเชฟที่ไม่ว่าจะขยับตัวไปทำอะไรก็น่าติดตามเสมอ กับเชฟหญิงมาแรงเจ้าของร้านหนึ่งดาวมิชลิน (โพทง) เชฟแพม-พิชญา สุนทรญาณกิจ ที่ยังมีรางวัลการันตีความสามารถอีกมากมาย อย่างล่าสุดก็ได้รางวัล The World’s Best Female Chef 2025 ซึ่งนับว่าเป็นชาวเอเชียคนแรกที่คว้ารางวัลนี้เลย
โดยร้านใหม่ฝีมือเชฟแพมมีชื่อว่า ข้าวสารเสก ตั้งอยู่บนถนนทรงวาด ในตึกแถวหัวมุมถนนก่อนเลี้ยวซอยคลองถมปทุมคงคา เป็นตึก 4 ชั้น ที่ผสมผสานเสน่ห์ความเก่า-ใหม่ได้อย่างพอดี นี่อาจจะเป็นลายเซนต์ของเชฟไปแล้วก็ว่าได้ กับการรีโนเวทตึกเก่าให้กลับมามีชีวิต และหอมกรุ่นด้วยอาหารอีกครั้ง
มาเยือนข้าวสารเสกครั้งนี้ เราได้พบกับ เชฟเกรส-วรกานต์ กฤติสิริกุล Head Chef แห่งข้าวสารเสก ที่เราขอช่วงชิงเอาเวลาว่างอันน้อยนิดของเชฟมาถามถึงที่มาที่ไปของร้านกันสักนิด ก่อนจะปล่อยตัวเชฟเข้าครัว
เชฟเกรสให้นิยามร้าน ข้าวสารเสก ทรงวาด ว่าเป็นร้านอาหารไทยแบบ Casual Dining ที่เชฟแพมอยากให้ทุกคนได้มาใช้เวลากินข้าวร่วมกัน เอนจอยกับอาหารตรงหน้า ได้วางมือถือ และพูดคุยกันมากขึ้น โดยเมนูต่าง ๆ ก็จะมีความเหมาะกับการ Sharing มากขึ้น ไม่ได้มีความเกร็งขนาดนั้น
ข้าวสารเสก ทรงวาด ร้านอาหารไทยที่จะชวนทำความรู้จักเสน่ห์อาหารไทยให้ถึงแก่น ผ่าน 5 หมวดอย่าง ‘หอม กรุ่น ละมุน ร้อน นัว’
ที่น่าสนใจคือ ข้าวสารเสก ทรงวาด ตั้งใจนำเสนอเมนูอาหารต่าง ๆ โดยเลือกชูวัตถุดิบ 5 ประเภท ออกมาเป็น “หอม กรุ่น ละมุน ร้อน นัว” เพื่อนำเสนอให้กับผู้ที่มาเยือน ได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ ของอาหารไทย และเข้าใจวัตถุดิบมากขึ้น
โดย ‘หอม’ คือ น้ำปลา ที่มีรสชาติล้ำลึกและเข้มข้น เป็นเคล็ดลับของรสชาติอูมามิของไทยที่เชื่อมโยงประเพณีเข้ากับทะเล และเป็นรากฐานที่แท้จริงของรสชาติแบบไทย ‘กรุ่น’ คือ ข้าว ซึ่งเป็นอาหารหลักของอาหารไทย ที่ผสมผสานรสชาติอันหลากหลายของไทย
‘ละมุน’ คือ น้ำตาลโตนด ความหวานตามธรรมชาติที่เชื่อมทุกอย่างเข้าด้วยกัน เป็นสัญลักษณ์ของความสมดุล ทำให้ทุกคำสมบูรณ์แบบ ‘ร้อน’ คือ พริก รสชาติเผ็ดร้อนที่เป็นสัญลักษณ์ของความหลงใหลและความมีชีวิตชีวา สะท้อนถึงจิตวิญญาณของไทย และ ‘นัว’ คือ กะทิ หรือมะพร้าว มีรสชาติที่ทั้งเข้มข้นและหวานละมุน ในด้านอาหารกะทิจะช่วยลดรสชาติที่เข้มข้นลง ผสมผสานความแตกต่างให้กลมกลืนกันอย่างลงตัว เพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับทุกจานอาหาร
ซึ่งแต่ละเมนูก็เกิดจากเชฟแพม ร่วมกับเชฟเกรสและทีม ช่วยกันรังสรรค์เมนูอาหารไทยจากความทรงจำ ที่คุณแม่ คุณยาย หรือคุณทวดเคยทำให้กิน พร้อมทั้งออกไปเสาะหาวัตถุดิบตามท้องถิ่น เรียนรู้วิถีชุมชน และนำสิ่งที่ได้พบ กลับมาปรับใช้กับเมนูอาหาร
“อย่างครั้งหนึ่งได้พบกับหมู่บ้านกาหลง เป็นหมู่บ้านที่ทำกะปิใช้ในครัวเรือน แล้วในหมู่บ้านไม่ได้ใช้น้ำปลาเลย แต่ใช้น้ำเคยแทน เขาเลยลองให้เราชิมดู เลยพบว่ามันมีความนัว หอม ในรูปแบบที่ต่างจากน้ำปลา ก็นำมาปรับใช้กับเมนู”
วงข้าว กับ 10 เมนูที่จะชวนมาล้อมวงกินข้าวไปด้วยกัน
แต่ละเมนูเสิร์ฟแบบ A la carte เลย แต่ใครที่เลือกไม่ได้ (เพราะดูลิสต์เมนูแล้วน่ากินทั้งหมด) ขอแนะนำให้ลอง “House Menu หรือ วงข้าว” (1,800 บาท) เป็นเหมือนสำรับอาหารที่เชฟเลือกมาให้แล้วรวม 10 เมนู ครบทุกหมวดหมู่ สามารถมา Sharing กันได้ เพราะวงข้าว ก็เหมือนการล้อมวงกินข้าวนี่แหละ
วงข้าว เริ่มเสิร์ฟด้วย ‘หอยนางรมกรุบซอสพริก’ แป้งกรอบหอมกะทิเหมือนขนมครก ซ่อนหอยนางรมตัวอวบจากสุราษฎร์ธานีไว้ด้านใน ราดด้วยซอสพริก กินแล้วรู้สึกเหมือนรสหอยทอด ตามด้วย ‘ซุปมะเขือบ้านเชฟแพม’ เมนูที่เชฟแพมเอารสชาติที่คุณแม่เคยทำให้มาถ่ายทอด รสจัดจ้านเหมือนกินน้ำพริก
อีกจานเป็น ‘น้ำพริกแกงปู’ ที่เสิร์ฟมาในกระดองปูเลย เชฟเลือกใช้ปูม้าที่มีเนื้อรสหวาน และมันปูจากปูดำหรือปูทะเลที่ขึ้นชื่อว่ามันอร่อยมาผสมผสานกัน เสิร์ฟคู่กับผักเคียงนานาชนิด เครื่องแกงจัดจ้านกินคู่กับผักเข้ากันมาก ๆ (ผักเติมได้ด้วยนะ)
ต่อมาเป็น ‘โขมงลิ้นวัวสะเต๊ะ’ เมนูได้แรงบันดาลใจมาจากหมูสะเต๊ะ โดยเชฟเอาลิ้นวัวไปสโม้คนาน 6 ชั่วโมง มีทั้งความหอมและความนุ่มในคำเดียวกัน จานถัดมาเป็น ‘ข้าวขยำปลาฟู น้ำพริกสมบูรณ์รส’ เป็นเมนูที่เชฟตั้งโจทย์ว่าอยากได้น้ำยำที่ไม่ใส่น้ำบูดู เลยคิดสูตรเป็นใส่เครื่องเทศและใช้น้ำเคยจากสมุทรสงคราม ได้ความนัว หอม ในรูปแบบที่ต่างจากน้ำปลา
เข้าสู่จากหลักด้วย ‘ดอกหอมสะดุ้งกากหมูกรอบ’ ผัดกับซอสน้ำเคยผสมน้ำปลา โดยใช้กระทะก้นลึกแบบไฟแรง มีความหอมกระทะเตะจมูก และตัวผักยังคงความกรอบ โรยหน้าด้วยน้ำพริกกากหมูเพิ่มความจัดจ้าน มีซุปเป็น ‘แกงผำผักพื้นบ้าน’ ผักนุ่ม ๆ หอมสมุนไพร น้ำซุปรสหวานเค็มครบรส
อีกจานเป็น ‘เนื้อริบกระดูกหมักกะทิ แกงเขียวไข่ครอบ’ เมนูจากบ้านเชฟเกรส ที่นำเอาเนื้อออสเตรเลีย ไปหมักกับกะทิเพื่อได้ความนุ่มเข้าเนื้อ มากับแกงเขียวหวานรสครีมมี่ หวานเค็มเผ็ดกำลังดี และมีไข่ครอบเนื้อมันให้กินคู่กัน
ปิดท้ายด้วยของหวาน ‘ขนมปำถ้วยซอสตาลโตนด’ ขนมโบราณพื้นเมืองจากทางใต้ ที่เชฟเริ่มทำเองตั้งแต่แป้งเลย มีความนุ่มหนึบ ราดซอสตาลโตนดหวานละมุน
ลืมบอกว่าในวงข้าวจะมี ‘ข้าวสวยประจำวัน’ เติมได้เรื่อย ๆ เลยนะ ความน่าสนใจคือที่ร้านจะเปลี่ยนพันธุ์ข้าวที่เสิร์ฟทุกวัน เพราะอยากให้รู้ว่า ในประเทศไทยมีพันธุ์ข้าวเยอะมาก เลยอยากให้ผู้มาเยือนได้ลองกินข้าวที่หลากหลาย อย่างเราได้ลอง ข้าวพญาลืมแกง จากเพชรบูรณ์ มีความเป็นข้าวเหนียวที่ไม่เหนียวมาก มีความนุ่มกลาง ๆ กลิ่นหอม กินเพลินมากจนลืมกินแกงเลยสมชื่อ
ใครอยากลองอาหารไทย ในมุมมองของเชฟแพมและเชฟเกรส ต้องลองมาเปิดประสบการณ์กับวงข้าว ที่ ข้าวสารเสก ทรงวาด แล้วล่ะ แต่บอกก่อนว่าตอนนี้ร้านฮอตมาก แนะนำให้จองโต๊ะล่วงหน้าก่อนไปนะ
Khao san sek ข้าวสารเสก ทรงวาด
เปิดทุกวัน 16:30 – 00:00 น. (Last Order 22:30 น.)
ทรงวาด
MRT วัดมังกรแล้วเดิน
Google Maps
