ไม่ว่าจะเทศกาลไหน ก็อยากชวนกิน “ข้าว” ที่ Khao เอกมัย ร้านอาหารไทยมิชลิน ฝีมือเชฟ วิชิต มุกุระ

หนึ่งในร้านอาหารไทยขึ้นชื่อ ที่ได้รางวัลมิชลิน ต้องมี ร้าน Khao (ข้าว) ติดท็อปลิสต์ที่นึกถึง ด้วยรสมือของเชฟวิชิต มุกุระ ที่ใส่ใจในรายละเอียด คัดสรรวัตถุดิบท้องถิ่นแบบทั่วไทยทุกภาคมาให้ลอง ท่ามกลางบรรยากาศที่จัดวางอย่างหรูหราและพิถีพิถัน แต่ในขณะเดียวกันมีความอบอุ่นเหมือนกินข้าวกับที่บ้านเจืออยู่ ทำให้เราอยาก (หาโอกาส) กลับมาบ่อย ๆ อย่างครั้งนี้ เราถือโอกาสพิเศษรับต้นปี มากิน “ข้าว” ที่ Khao เอกมัย ให้หายคิดถึง

อย่างที่รู้กันว่าร้าน Khao เป็นร้านอาหารไทยที่เริ่มจาก Chef Table โดย เชฟวิชิต มุกุระ เชฟผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารมากกว่า 40 ปี ก่อนจะขยายความอร่อยสู่ห้องอาหารที่ให้บริการแบบ A la carte ให้แวะเวียนมาฝากท้องได้บ่อย ๆ โดยนำเสนอเมนูอาหารไทยที่มีทั้งไทยโบราณ ไทยทวิสต์ รวมทุกภาคในไทย ร่วมร้อยเมนูให้เลือกลอง ในคอนเซปต์ความเรียบง่ายที่พิถีพิถัน

ครั้งนี้เรามากันที่สาขาเอกมัย เริ่มด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยสุดฮอตอย่าง ขนมเบื้องโกสิยะ (350 บาท) เป็นทาโก้สไตล์ไทย ที่ทำจากแป้งข้าวเจ้าผสมแป้งข้าวเหนียวนำไปทอดให้เป็นรูปทาโก้ เสิร์ฟคู่กับไส้เป็นเนื้อปูผสมกุ้งผัดผงกะหรี่ ตกแต่งด้วยพริกแห้ง ใบมะกรูดซอย ราดด้วยมีน้ำจิ้มน้ำส้มสายชูคล้าย ๆ น้ำอาจาด กินเพลินมาก

ถัดมาเป็น ยำส้มโอ (450 บาท) ใช้ส้มโอพันธุ์ขาวน้ำผึ้งคัดพิเศษ มายำแบบโบราณคือใส่หัวกะทิสด หอมเจียว มะนาว พริกเผา ไก่และกุ้งสับ คลุกเคล้าเข้ากัน ทำให้ได้รสครีมมี่ นุ่มนวลกลมกล่อม ไม่เปรี้ยวโดด กินคู่กับกุ้งแชบ๊วยตัวอวบ ๆ เข้ากัน

อีกเมนูยำที่เราชอบมากคือ ยำเนื้อย่างออสเตรเลียกับองุ่นแดงไร้เมล็ด (790 บาท) เป็นเนื้อวากิวออสเตรเลียเกรด MB5 ที่คัดอย่างดีย่างให้หอม เนื้อนุ่มกำลังดี ยำแบบโบราณตัดรสด้วยองุ่น ให้รสชาติบาลานซ์กัน มีความเปรี้ยวหวานเค็มครบรส

กินกับผักเคียงประมาณ 4 ชนิด ที่ให้รสชาติต่างกัน อย่างบัตเตอร์เฮด จะให้ความกรอบสดชื่น ผักแพว ให้รสเปรี้ยวนิด ๆ ผักชีลาวจะมีความหอมเย็น ส่วนใบผักกาดหิ่น จะมีรสเผ็ดนิด ๆ ทำให้ได้รสชาติที่หลากหลายในแต่ละคำ

เมนูนี้เป็น ยำหอยเชลล์ทอดสมุนไพรงาหอม (470 บาท) ใช้หอยเชลล์ฮอกไกโดชิ้นโต นำไปชุบเกล็ดขนมปังแล้วทอดจนเหลืองกรอบ ด้านล่างเป็นผักสมุนไพรมีต้นหอม ผักชีฝรั่ง และงาขี้ม่อน เพิ่มเทกเจอร์กรุบ ๆ 

จานหลักยกให้ พะแนงกุ้งแม่น้ำ (590 บาท) เป็นพระเอกของงานนี้ เป็นแกงไทยโบราณขลุกขลิกรสชาติหอม มัน มีความพิเศษตรงที่มีการใส่ถั่วลิสงโขลกลงไปด้วย เคี่ยวหัวกะทิจนแตกมัน ก่อนใส่เครื่องพะแนงลงผัด เสิร์ฟพร้อมกุ้งแม่น้ำ 3 ตัวผ่าครึ่ง (ไซซ์ 8 ตัวโล) เนื้อแน่นเด้ง มันกุ้งฉ่ำ ๆ กินกับข้าวสวยร้อน ๆ ฟินมาก

ซดน้ำแกงตัดเลี่ยนด้วย แกงรัญจวนเนื้อสไลด์ (540 บาท) แกงโบราณหากินไม่ง่าย ใส่กะปิ หอมแดง ใบโหระพาเพิ่มความหอม ปรุงรสด้วยมะนาว น้ำปลา เพิ่มความจัดจ้านด้วยพริกขี้หนู เนื้อสัตว์เป็นหมูสไลด์ส่วนใบพายนุ่มกำลังดี รสไม่จัดมาก กินกับข้าวสวยกำลังดี

และ ผัดพริกขิงปลาดุกฟู (380 บาท) ที่เชฟใช้ปลาดุกอุยย่างตัวใหญ่ แกะเนื้อแล้วยีให้ละเอียด นำไปทอดจนฟูกรอบ แล้วผัดกับเครื่องแกงพริกขิง ใส่ถั่วฝักยาวหั่น และไข่แดงเค็มไชยารสชาติหอมมัน กินเล่นก็เพลิน กินกับข้าวสวยก็อร่อย

ปิดจบด้วยของหวานแบบไทย ๆ ที่มีครบทั้งของหวานร้อนและแบบเย็นสดชื่น อย่าง พลอยกรอบ (220 บาท) เป็นทับทิมกรอบที่เพิ่มลูกเล่นด้วยความหลากสี คล้ายกับอัญมณีหลากสีสัน (เลยตั้งชื่อว่าพลอยกรอบแทน) มีมะพร้าวอ่อน ขนุน มาเพิ่มรสชาติ หอมน้ำกะทิอบควันเทียน

เมนูนี้เป็น ข้าวฟ่างเปียกลำไย (220 บาท)  ลักษณะคล้าย ๆ โจ๊ก คือเป็นธัญพืชที่ตุ๋นจนนุ่ม ท็อปด้วยลูกลำไยคว้านเมล็ด ชุบสีธรรมชาติ อัญชัน ใบเตย กระเจี๊ยบ สอดไส้วุ้น ราดกะทิสด หวานกรอบหอมกำลังดี

และเมนูยอดฮิต ขนมโคมะพร้าวอ่อน ไอศกรีมงาดำ (220 บาท) ทำจากแป้งข้าวเหนียว สอดไส้ด้วยมะพร้าวคลุก ราดน้ำกะทิ โรยงาดำ กินร้อน ๆ และยังเสิร์ฟมาพร้อมกับไอศกรีมงาดำเพิ่มความสดชื่น เป็นเมนูที่ได้ทั้งร้อนทั้งเย็นในเมนูเดียว

ร้าน Khao (ข้าว) ยังมีอีกหลายเมนูที่น่าลิ้มลองมาก ๆ ใครกำลังมองหาร้านอาหารอร่อย ๆ ต้องลอง Khao สักมื้อแล้วล่ะ

Khao สาขา เอกมัย
เปิดให้บริการทุกวัน รอบกลางวัน 11:30 -14:00 น. รอบเย็น 17:30 – 22:00 น.
เอกมัย 10
BTS เอกมัย แล้วต่อพี่วิน | มีที่จอดรถ
Google Maps