เราว่าเสน่ห์ของโอมากาเสะ นอกจากรสชาติที่ดีแล้ว หัวใจหลักอีกหนึ่งอย่างคือเรื่องของประสบการณ์การกิน ที่ให้ความรู้สึกพิเศษกว่าการกินทั่วไป ทั้งการรู้ที่มาที่ไปของวัตถุดิบ การได้เห็นเชฟบรรจงทำอาหารต่อหน้า แต่นอกจากปัจจัยเหล่านั้น ที่ Kaito Sushi Immersive Art ยังเพิ่มอีกหนึ่งประสบการณ์พิเศษให้กับโอมากาเสะ ด้วยศิลปะดิจิทัลที่มาพร้อมแสง สี และเสียง และเรื่องราว



Kaito Sushi เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแนวโอมากาเสะที่เปิดตัวเมื่อราว ๆ ปลายปีที่ผ่านมา ตั้งอยู่ในโครงการ Nihonmachi สุขุมวิท 26 ตั้งใจนำเสนอโอมากาเสะรูปแบบใหม่ ที่ให้เราได้ดื่มด่ำไปกับงานศิลปะ
ที่เริ่มตั้งแต่โถงทางเดิม ตั้งใจติดงานศิลปะราวกับเราได้เดินอยู่ในอาร์ตแกลเลอรีเปิดประตูเข้าไปภายในห้องรับประทานอาหาร จะพบกับ Immersive Art พร้อมกับเชฟฝีมือดีที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปีที่รอต้อนรับเราอยู่
คอร์สโอมากาเสะ ที่พาเราเดินทางสู่ท้องทะเล ผ่าน 4 Chapter


สำหรับคอร์สที่เรามาลองครั้งนี้ เป็นธีม A SUSHI OMAKASE JOURNEY BEYOND REALITY ที่พาเราเดินทางสู่ท้องทะเล แบ่งเป็น 4 Chapter โดยในแต่ละบท งานอาร์ตที่ฉายก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามเรื่องราวที่เล่า
และในบางซีนยังมีลูกเล่น Interactive ให้เรามีส่วนร่วมได้ อย่างโบกมือแล้วจะคลื่นน้ำ หรือมีปลาแหวกว่ายไปมา สร้างความสนุกระหว่างการกิน

ใน Chapter 1 The Calm Before The Rainbow เป็นบรรยากาศชายหาดที่มีสายรุ้งเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทาง มีทั้งหมด 6 เมนู เปิดตัวด้วย Hotate Apple โฮตาเตะจากฮอกไกโด ที่นำไปย่างเล็กน้อยให้มีความหอม
มาพร้อมแอปเปิลเขียวและแดง ราดด้วยซอสพอนสึ ที่มีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน และยังมีซอสพอนสึที่ทำมาในรูปแบบสโนว์ ที่ให้สัมผัสเย็น เป็นจานเรียกน้ำย่อยที่สดชื่นดีมาก ๆ

ต่อด้วย Shima Aji Tataki ยำสไตล์ญี่ปุ่น ที่ใช้ปลาชิมะอาจิ ราดด้วยซอสโชยุผสมกับน้ำยูสุ ให้รสชาติเค็มนิด ๆ เผ็ดปลายลิ้นเล็กน้อย ด้านบนเป็นต้นหอมสไลด์ กับผักไมโครกรีน ให้รสชาติเค็มเปรี้ยว

เราชอบ Ankimo Tarte เป็นตับปลาอังโกะที่ได้ชื่อว่าเป็นฟัวกราส์แห่งท้องทะเล นำไปหมักด้วยสาเกและเกลือ ก่อนจะนำไปนึ่งและบดให้ละเอียดผสมผสานกับครีมสดเพิ่มความละมุน
เสิร์ฟมากับผักดองจากจังหวัดนารา ประเทศญี่ปุ่น และมะนาวคาเวียร์ ที่ให้รสชาติเปรี้ยวสดชื่น ตัดความเข้มข้นของตับปลาได้ดี แนะนำให้กินคำเดียว จะได้รสชาติหลากหลายมิติที่อบอวลอยู่ในปาก


จานที่เสิร์ฟมา 2 คำ เป็น Negitoro Toast ที่ใช้ปลาทูน่าญี่ปุ่นทั้ง 3 ส่วน (อะกามิ โอโทโร่ และชูโทโร่) มาสับผสมรวมกัน คลุกเคล้าด้วยซอส กินคู่กับขนมปังโทสต์ที่ย่างมาหอม ๆ จานนี้เสิร์ฟมา 2 รูปแบบ
ชิ้นแรกเป็นรสออริจินัล อีกชิ้นปรับให้มีความโมเดิร์นขึ้นด้วยการคลุกเคล้าซอสโคชูจังแบบเกาหลี ให้ความสไปซีนิด ๆ และรสเข้มข้นจัดจ้านดี


อีกเมนูที่คิดว่าหลาย ๆ คนน่าจะชอบ Kani Koroage ที่ใช้เนื้อปูมาผัดกับครีม แล้วนำไปชุบเกล็ดขนมปังทอดจนได้สีเหลืองทอง กรอบนอก เนื้อเนียนนุ่มซ่อนอยู่ด้านใน
มาพร้อมซอสมันปู ที่มีความเข้มข้นกำลังดี ไม่จัดเกินไป และยังมีขาปูชิ้นโตมาให้กินคู่กัน เบรกด้วยอะไรเบา ๆ อย่าง Chawanmushi หรือไข่ตุ๋นญี่ปุ่นรสนุ่มนวล โรยด้วยไข่ปลาอิคุระก่อนเข้า Chapter ต่อไป


สำหรับ Chapter 2 Aurora’s Dance จะพาสำรวจความมหัศจรรย์ของมหาสมุทรยามค่ำคืน ชมแสงเหนือ พร้อมแพลงก์ตอนเรืองแสง ในตอนนี้จะมีทั้งหมด 5 เมนู เริ่มด้วย Futomaki โรลชิ้นโตที่อัดแน่นด้วยชูโทโร่ อะกามิ และคิเมได
ห่อด้วยสาหร่าย ตัดรสด้วยไชเท้าดอง ต้นหอม และใบโอบะ ออนท็อปโชยุ วาซาบิ ด้านล่างเป็นแครกเกอร์ที่ช่วยเพิ่มเทกเจอร์ความกรุบกรอบ เป็นคำที่กินแล้วได้หลายมิติมาก ๆ


ตามด้วย Tenshi-No Ebi ซูชิที่นำเอากุ้งนางฟ้าชิ้นโต ไปหมักกับโชยุจนเข้าเนื้อ ท็อปด้วยไข่ปลาคาราสุมิ ให้ความหอมมัน ซูชิอีกคำเป็น Kinmedai ซูชิปลาคินเมไดที่นำไปลนไฟบริเวณหนังเล็กน้อย เพื่อเพิ่มกลิ่นหอม เพิ่มรสด้วยยูสุดองพริกไทย ให้ความหอมสดชื่น และมีความสไปซี่นิด ๆ


ซูชิคำต่อมาเชฟเสิร์ฟเป็น Chutoro หรือเนื้อปลาทูน่าส่วนที่มีมันแทรกมากที่สุด กินแล้วเหมือนละลายในปาก คำนี้เพิ่มความพิเศษด้วยการรมควันด้วยไม้ซากุระเพิ่มกลิ่นหอมอ่อน ๆ

และปิดท้ายบทนี้ด้วย Iwashi Roll ปลาอิวาชิ หรือปลาซาดีน ที่นำไปดองด้วยน้ำดองสูตรพิเศษ เสิร์ฟมาในรูปแบบโรลสอดไส้คัมเปียวและเห็ดหอม ได้หลายมิติรสในหนึ่งคำ


ขยับความเข้มข้นสู่ Chapter 3 A Blue Whale’s Serenade ที่เราจะได้พบกับปลาวาฬสีน้ำเงิน แหวกว่ายไปทั่วห้อง พร้อมขับกล่อมเราด้วยเสียงร้องที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ในทะเลลึก


บทนี้มีทั้งหมด 3 เมนู เริ่มด้วย Unagi Temaki ที่เชฟนำปลาไหลญี่ปุ่นไปทอดแบบเทมปุระ ท็อปด้วยไข่ปลาแซลมอน ห่อสาหร่ายที่ย่างหอม ๆ เสิร์ฟมาแบบคำโต ขอแนะนำให้กินทั้งคำทีเดียวหมด (ถึงแม้คำจะใหญ่มาก!) เพราะเราจะได้หลายมิติรสที่ระเบิดในปาก

ถัดมาเป็น Uni Ika Somen หมึกสไลด์เป็นเส้นพอดีคำ ออนท็อปด้วยอูนิจากฮอกไกโด มีวาซาบิและดอกฮานะโฮจิโสะช่วยเพิ่มรส วางบนแป้งตาข่าย ที่มีด้านล่างเป็นน้ำโซเมน เชฟแนะนำให้เรากดแป้งให้แตก ให้ทุกองค์ประกอบรวมกันอยู่ในน้ำโซเมน จะได้รสสดชื่น


และ Wagyu Suki เนื้อวากิวลายสวยมันแทรกกำลังดี ที่เชฟจะนำไปลวกในน้ำสุกี้ยากี้ให้สุกพอดี เสิร์ฟมาพร้อมกับไข่แดงให้คลุกเคล้าให้เข้ากันก่อนกิน ได้ทั้งสัมผัสเนื้อนุ่ม ๆ กลิ่นหอมฟุ้งเตะจมูก และได้รสชาติสุกี้ยากี้ที่นุ่มนวลไม่เค็มเกินไป


ปิดท้ายด้วยของหวานใน Chapter 4 A Perfect Finale พร้อมกับดอกไม้ไฟที่ส่องสว่างในยามค่ำคืน เป็นการปิดท้ายวันอันแสนพิเศษด้วยสีสันสดใสและความสุข โดยของหวานที่เราได้คราวนี้เป็น วาราบิโมจิ เนื้อเนียนนุ่มหนึบกินคู่กับซอสบราวด์ชูก้าจากโอกินาว่าที่มีความหวานกำลังดี
ตัดเลี่ยนด้วย มาการอง ที่ด้านในเป็นใส้ยูสุเคิร์ท แป้งนุ่มกำลังดี ได้ราเปรี้ยวหอมหวานสดชื่น และปิดท้ายด้วย โฮจิชา ร้อน ๆ เป็นอันจบคอร์ส

ตอนนี้ทางร้านมีโปรลด 10% (เฉพาะวันอังคาร – พฤหัส) จนถึง 31 มีนาคม 2568 ด้วยนะ ใครอยากลองสัมผัสประสบการณ์โอมากาเสะแบบใหม่ ต้องลองมาที่ ไคโตซูชิ กันแล้วล่ะ!
Kaito Sushi Immersive Art
เปิดให้จองแล้ว วันละ 2 รอบ (รอบเวลา 17:30 น. และ 20:00)
ร้านเปิดทุกวันอังคาร – อาทิตย์ (หยุดทุกวันจันทร์)
ในโครงการ Nihonmachi Japanese Mall
BTS พร้อมพงษ์ ต่อพี่วิน | มีที่จอดรถ
Google Maps