ตั้งแต่การเกิดขึ้นของรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ที่ต่อขยายจนวิ่งเป็นวงกลม (ที่จริง ๆ แล้วออกแนววิ่งเป็นตัว P มากกว่า) ทำให้ Routeen. และทุก ๆ คนได้ออกไปเสาะหาสิ่งใหม่ ๆ ในย่านจรัญสนิทวงศ์ได้ง่ายขึ้น และต้องบอกว่าย่านนี้เป็นเหมือนจุดเชื่อมระหว่างตัวเมืองและชานเมือง ทำให้เรายังได้เจอความสงบของพื้นที่ทั้งที่เดินทางสะดวกอยู่ อย่าง Jungfood คาเฟ่ และร้านอาหารที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานี MRT บางอ้อ ในระยะเดินได้ แต่เมื่อเข้ามาแล้วต้องฟินกับบรรยากาศที่สุดร่มรื่นราวกับอยู่ในป่าขนาดย่อมกันเลย
ที่นี่อาจเคยรู้จักกันในนาม PaPin-Garden (สวนป้าผิน) ของ คุณพัชพิน – ภิญญาพัชญ์ ปรีดาบุญ ซึ่งเป็นทั้งเจ้าของสวน และเจ้าของ คาเฟ่ Jungfood แห่งนี้ด้วย เพราะนี่คือสวนดอกไม้กินได้ที่ส่งออกดอกไม้สีสวยและสะอาด ปลอดภัย ไม่ใช้สารเคมี และยาฆ่าแมลง ไปยังร้านอาหารทั่วประเทศมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 แล้ว
ในพื้นที่หลายไร่ที่ทำสวนดอกไม้ ยังมีเรือนคนงานหลังยาวสีขาวตั้งอยู่และไม่ถูกใช้งาน จึงแปลงอาคารหลังนี้ให้เป็นพื้นที่ของร้าน คาเฟ่ และร้านอาหาร และมอบชื่อให้ว่า Jungfood ที่คำว่า Jung ก็มาจากคำว่า Jungle ที่แปลว่าป่า เพราะตัวร้านถูกล้อมรอบด้วยธรรมชาติ และสวนดอกไม้ที่แข่งกันออกดอกหลากหลายสายพันธุ์ตลอดทั้งปีนั่นเอง
ขณะเดียวกัน ทางร้านยังคงเล่นสนุกกับพืชพันธุ์ และดอกไม้กินได้ หยิบจับมาครีเอตเป็นเมนูต่าง ๆ ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ที่สวยไม่พอ ยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย ชื่อร้านจึงล้อไปกับคำว่า Junk food ที่หมายถึงอาหารจานด่วน ที่อร่อยก็จริง แต่คุณประโยชน์ก็น้อย แต่อาหารของ Jungfood จะอร่อยและได้ประโยชน์ไปพร้อมกัน
ทันทีที่เดินเข้ามายังพื้นที่ของ คาเฟ่ เราจะพบกับตัวอาคารสีขาวตั้งตระหง่าน หันด้านจั่วบ้านออกมาต้อนรับทักทาย อาคารทรงยาวตามสไตล์ของบ้านพักคนงานสองชั้น ไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก ทางร้านทำการทุบกำแพงให้ห้องเชื่อมต่อกัน ขยายพื้นที่ของตัวร้านทั้งชั้น 1 และชั้น 2 ให้ใหญ่ขึ้น แต่ยังคงทิ้งร่องรอยของกำแพงเดิมเอาไว้แบบดิบ ๆ ให้ความรู้สึกลอฟต์นิด ๆ แล้วพาเอาเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าวินเทจต่าง ๆ มาตกแต่งและใช้งาน ที่ดีไซน์แตกต่าง แต่พอมาวางรวมกันแล้วลงตัวมาก ๆ
“ในพื้นที่หลายไร่ที่ทำสวนดอกไม้ ยังมีเรือนคนงานหลังยาวสีขาวตั้งอยู่และไม่ถูกใช้งาน จึงแปลงอาคารหลังนี้ให้เป็นพื้นที่ของร้าน คาเฟ่ และร้านอาหาร และมอบชื่อให้ว่า Jungfood ที่คำว่า Jung ก็มาจากคำว่า Jungle ที่แปลว่าป่า”
ทางร้านยังเชื่อมพื้นที่ด้านนอกและในตัวร้านเข้าด้วยกันด้วยการใช้ต้นไม้และดอกไม้มาประดับภายในร้าน ให้ความรู้สึกไม่ว่าจะนั่งอยู่มุมไหนก็ยังได้รับพื้นที่สีเขียวอยู่ ใครที่ชอบรับลมธรรมชาติและแสงแดด บอกเลยว่ามาที่นี่ไม่จำเป็นต้องนั่งเฉพาะพื้นที่ด้านนอกของร้านเท่านั้นนะ แต่ตัวร้านเองก็มีแสงส่องเข้ามาตลอดวันสวยมาก ๆ อีกทั้งพื้นที่นั่งชั้น 2 ในวันอากาศดี ๆ จะถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่ Open Air เปิดประตูหน้าต่างโล่ง มีพัดลมวินเทจให้ลมเย็นเพิ่มเติม นั่งจิบกาแฟไปด้วย เดินดูงานอาร์ตที่จัดแสดงอยู่บนชั้น 2 นี้ไปด้วย ขอบอกว่าชิลล์สุด ๆ
เมื่อเป็น คาเฟ่ ที่อยู่ในสวนดอกไม้กินได้ขนาดนี้ เครื่องดื่มแต่ละแก้วก็มีการนำเอาดอกไม้มาสร้างสตอรีเพิ่มเติมด้วย ช่วยสร้างคาแรกเตอร์ใหม่ ๆ ให้กับเครื่องดื่มแก้วคุ้นเคยได้เป็นอย่างดี เราลอง Floral Americano (110 บาท) อเมริกาโนจากเครื่องแฟลร์ (ลืมบอกว่าที่นี่เป็น Slow Bar นะ) ท็อปด้วยดอกไม้สดที่มีกลิ่นหอมตามฤดูกาล วันนี้เราได้เป็นดอกมะลิที่ทางร้านแนะนำให้ยกดื่มมากกว่าดูดจากหลอด เพราะจะได้กลิ่นของดอกไม้เข้าจมูกเต็ม ๆ สร้าง Scents จากจมูกและลิ้นได้พร้อม ๆ กัน
อีกแก้วเป็น Cha-Thai (95 บาท) ชาไทยสีสวยกับนมนุ่ม ๆ เป็นแก้วเซฟโซนแก้วโปรดของใครหลายคน แอบบอกว่าที่นี่ยังมีเมนูทวิสต์ชาไทยให้ลองอีกเยอะ ทั้งชาไทยกับน้ำผึ้ง (ไม่ใส่นม) ชาไทยกับนมมะพร้าวและไข่แดง และชาน้ำผึ้งมะนาว
ส่วนใครอยากฝากท้อง ที่นี่ก็มีอาหารพร้อมเสิร์ฟ ที่ผักและดอกไม้หยิบจากสวนป้าผินมาปรุงให้แบบสด ๆ เลยด้วย ส่วนใครที่อยากอยู่พื้นที่สุดสงบนี้ให้นานขึ้น เราขอแนะนำให้มาในช่วงสุดสัปดาห์ เพราะ Jungfood จะแปลงร่างเป็นบาร์ และเปิดยาวจนถึง 5 ทุ่ม ขอบอกว่าลานด้านนอกตอนกลางคืนชิลล์สุด ๆ เลยล่ะ
Jungfood
เปิดทุกวัน (เว้นวันจันทร์) เวลา 10:00 – 18:00 น. (ศุกร์ – อาทิตย์ ปิด 23:00 น.)
จรัญสนิทวงศ์ 91 แยก 4 บางพลัด
MRT บางอ้อ แล้วเดิน | มีที่จอดรถ