JHOL เปิดประสบการณ์กับอาหารจากแถบชายฝั่ง อินเดียตอนใต้ ที่มาพร้อมเมนูใหม่ และเมนูเด็ดที่อร่อยไม่เปลี่ยน

อินเดีย เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ ทำให้แต่ละส่วนของอินเดียมีความแตกต่างที่หลากหลายกันออกไป ทั้งในเรื่องวัฒนธรรม วิถีชีวิต ไปจนถึงอาหารการกิน ทำให้แต่ละภูมิภาคของอินเดียก็มีรสชาติและวัตถุดิบของอาหารที่แตกต่างกันออกไป เราอาจคุ้นเคยกับเครื่องเทศและแกงอินเดียแบบอินเดียเหนือ แต่อาหารจากแถบชายฝั่งทะเลอินเดียตอนใต้ ก็เป็นอะไรที่เราอาจไม่คุ้นเคยนัก แต่มีรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ควรพลาด และเราสามารถออกไปเปิดประสบการณ์อาหาร อินเดียตอนใต้ ได้ที่ JHOL Coastal Indian Cuisine

jhol บรรยากาศร้าน

“คุณฮาริ นายัค เลือกที่จะหยิบเอาแรงบันดาจใจในช่วงวัยหนุ่มที่อาศัยอยู่ในเมือง Udupi บ้านเกิดของเขา และยังเป็นเมืองในโซนแถบชายฝั่งทะเลอินเดียตอนใต้ มานรังสรรค์เป็นเมนูอาหารมากมายที่ JHOL แห่งนี้”

jhol โซนที่นั่ง

แม้ว่า JHOL จะเปิดมาตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2563 แล้ว แต่ยังคงเป็นร้านอาหารประเภท Fine Dining ที่เสิร์ฟอาหารอินเดียตอนใต้ที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดี (และลูกค้าจองโต๊ะแบบแน่นเอี้ยดแทบทุกวัน) เสมอมา นั่นเพราะน้อยนักที่บ้านเราจะมีร้านอาหารอินเดียแถบชายฝั่งอินเดียตอนใต้ ที่เสิร์ฟมาแบบละเมียดละไม แถมยังได้ Hari Nayak (ฮาริ นายัค) เชฟชาวอินเดียที่มีชื่อเสียง และมีประสบการณ์ในการร่วมงานกับเซเลบริตี้เชฟมาแล้วทั่วโลก มาช่วยวางคอนเซปต์ร้านและรูปแบบของอาหารให้ด้วย รู้แบบนี้ Routeen. จึงอยากขอพาทุกคนกลับมาที่นี่อีกครั้ง เพราะล่าสุดเขามีทั้งอาหารและเครื่องดื่มใหม่ ๆ มาให้เราลอง ควบคู่ไปกับอาหารจานฮิตที่เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคนเหมือนเดิมอีกด้วย

counter bar

ล่าสุดทาง JHOL เขาเพิ่งได้เป็นหนึ่งในร้านอาหารกรุงเทพฯ ที่แนะนำโดย Michelin Guide อีกด้วย ยิ่งเป็นสิ่งที่ช่วยการันตีได้ว่า อาหารแต่ละจานของที่นี่นั้นน่าสนใจขนาดไหน ตัวร้านตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 18 ในบ้านหลังสีขาวทรงไทยร่วมสมัย ภายในถูกตกแต่งในสไตล์ Contemporary ที่หยิบเอาศิลปวัฒนธรรมของอินเดียเข้ามาผนวกรวมไว้ เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ในร้านด้วยวัสดุสีไม้เข้ม ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและโฮมมี่ แต่ยังไม่หลุดความเอ็กซ์คลูซีฟแบบไฟน์ไดนิง ด้วยการแต่งแต้มวัสดุสีมองเข้าไปเป็นองค์ประกอบต่าง ๆ รวมถึงงานตกแต่งด้วยภาพแผนที่อินเดีย และภาพชาวอินเดียชั้นสูงที่บริเวณผนัง

Small Plates

ลิ้มลองเมนูใหม่ และเมนูเดิมดี ๆ ที่ JHOL

คุณฮาริ นายัค เลือกที่จะหยิบเอาแรงบันดาจใจในช่วงวัยหนุ่มที่อาศัยอยู่ในเมือง Udupi บ้านเกิดของเขา และยังเป็นเมืองในโซนแถบชายฝั่งทะเลอินเดียตอนใต้อีกด้วย เรามีโอกาสได้ลองทั้งเมนูเดิม และเมนูใหม่หลากหลาย เปิดต่อมรับรสก่อนก่อนไปที่ Small Plates ด้วยออเดิร์ฟเรียกน้ำย่อยโดยเชฟ ที่แต่ละวันก็จะผลัดเปลี่ยนหมุนเสียนกันไปไม่ซ้ำ วันที่้เราไปทางเชฟเสิร์ฟเป็นอาหารคล้ายโคนไอศกรีมขนาดเล็ก ที่ใส่ไส้ฟักทองบดเนื้อเนียนเข้ากับเฮิร์บต่าง ๆ รสนุ่ม ๆ และกลิ่นหอมจากเครื่องเทศกำลังลงตัวให้เราลองจานต่อไปได้ดี

jhol Masala Muska Bun

มาถึงที่นี่จะต้องไม่พลาด Masala Muska Bun (290 บาท) บันเนื้อเหนียวนุ่ม ที่อบมาร้อน ๆ ข้างในขนมปังเป็นไส้มันฝรั่งมาซาลา ใช้มีดตัดขนมปังออกเป็นก้อน ๆ แล้วปาดเนย Pav Bhaji ที่โรย Gun Powder Masala ลงไป ช่วยเพิ่มมิติของบันก้อนนี้ให้ลงตัวมากขึ้น บอกเลยว่าจานนี้ฮอตจนแทบทุกโต๊ะต้องสั่งเลยล่ะ

Mini Appam

เราเริ่มจานแรก (จริง ๆ นะ) ด้วย Mini Appam ที่มีให้เลือกแบบไส้ขนุนอ่อนรสเผ็ด (380 บาท) กับไส้ปูชิลลี่เป็บเปอร์ (560 บาท) เราสั่งเป็นปูชิลลี่เป็บเปอร์ เนื้อปูก้อนคลุกเคล้ากับเครื่องเทศ วางลงบนแป้งที่ทำมาจากถั่วเลนทิล รสสัมผัสคล้ายแป้งแพนเค้กแบบบางที่นุ่ม ๆ ท็อปด้วยมันฝรั่งกรอบ เมื่อกินในคำเดียวจึงได้รสสัมผัสในทุกมิติ ทั้งนุ่ม กรอบ และกลิ่นของเครื่องเทศกับเนื้อปูก็เข้ากันดีมาก ๆ

Patrani Machi

ต่อกันที่เมนูใหม่ของ JHOL อย่าง Patrani Machi (380 บาท) ที่จริง ๆ แล้วจานนี้เป็นอาหารเปอร์เซีย ที่ทางเปอร์เซียนำมาเข้าในอินเดียตอนใต้ จนกลายเป็นจานที่มีชื่ออีกจานหนึ่ง เนื้อปลาชิ้นใหญ่หมักกับเครื่องเทศ ห่อด้วยใบตอง แล้วนำไปสตรีมจนสุก เวลากินแนะนำให้บีบมะนาวลงไปครึ่งหนึ่ง เพื่อลองชิมรสชาติทั้งสองแบบ เพิ่มความอร่อยด้วยโยเกิร์ต และ Lacha Potatoes กรุบกรอบ

jhol Baby Back Injipuri Pork Ribs
Kundapura Ghee Roast Chicken

อีกจานที่หลายคนชื่นชอบอย่าง Baby Back Injipuri Pork Ribs (520 บาท) ซี่โครงอ่อนหมูที่นำไปคลุกเคล้ากับซอสมะขามรสเข้ม โรยด้วยขิงฝอยทอด ออกสามรสที่ถูกปากคนไทยอย่างเรา ที่สำคัญคือเนื้อร่อนออกจากกระดูกดีมาก ๆ และไม่รู้สึกเลี่ยนเหมือนเวลาที่กินบาร์บีคิวพอร์กริบส์ แต่ถ้าหากยังอยากชิมจานที่รสจัดอยู่ เราขอแนะนำ Kundapura Ghee Roast Chicken (590 บาท) เนื้อไก่ที่นำไปอบกับมาซาลาจากเมืองคุนดาปุระ เครื่องเทศรสชาติเผ็ดร้อน เสิร์ฟคู่กับแป้ง Dosa ที่เสิร์ฟมาแบบอลังการด้วยรูปทรงโคนกรอบ เวลากินให้ใช้มือหักแป้ง Dosa แล้วตักไก่อบวางท็อป ราดซอส Chutney ลงไปนิดหน่อย ช่วยทำให้รสเผ็ดร้อนกลมกล่อมขึ้นได้ดี

Chena Kofta Rezala
Coorgi Pandi Curry

ชิมจานโปรตีนมาเยอะแล้ว ขอสลับมาที่จานมังสวิรัติกันบ้าง Chena Kofta Rezala (490 บาท) เป็นอีกหนึ่งจานในดวงของทีม Routeen. เลย เนื้อขนุนอ่อนปรุงรสแล้วนำไปชุบแป้งทอด วางลงบน Cottage Cheese และ Burnt Butter Tadka รสชาติหวานเค็มลงตัว  อีกจานกับ Coorgi Pandi Curry (590 บาท) หมูสามชั้นผัดกับเครื่องเทศสีดำรสจัด กินคู่กับแป้งโรตี และเครื่องจิ้ม เป็นอีกจานที่ใครชอบรสชาติเผ็ดร้อนพร้อมกลิ่นเครื่องเทศ น่าจะถูกใจไม่น้อย

Dindigul Lamb Biryani

ปิดท้ายจานอาหารด้วยเมนูใหม่อีกจานของ JHOL อย่าง Dindigul Lamb Biryani (520 บาท) ข้าว Biryani หมกกับเนื้อ Tasmanian Short Loin ในใบตอง ท็อปด้วยไข่ดาวและเครื่องเทศ เสิร์ฟพร้อมแกง Paya ขาลูกแกะ โยเกิร์ต และผักดอง

Warm Mawa Cake
jhol Baby Banana

ต่อด้วยของหวานที่เป็นเมนูใหม่เช่นกันกับ Warm Mawa Cake (320 บาท) Parci Custard ที่ราด Burry Coulis วางด้วยมาวาเค้กอบร้อน ๆ และไอศกรีมวานิลลา ตักทุกเลเยอร์แล้วชิมในคำเดียวคือสิ่งที่เราอยากแนะนำให้ลอง อีกจานคือ Baby Banana (290 บาท)  ไอศกรีม Kaapi ใส่ลูกกระวานที่มาในทรงกล้วย ที่ทำออกมาเหมือนกล้วยมาก ๆ (และโดนก็อปปี้ไปเยอะอยู่เหมือนกันนะ)


ลิ้มลองเครื่องดื่มที่ผสานความเป็นไทย-อินเดีย

jhol bartender
The Indian Porn Star
Macha, Where Are You Da?

ระหว่างเส้นทางของจานอาหาร เราลองสั่งเครื่องดื่มมาคั่นในแต่ละจานเพิ่มเติม กับค็อกเทลสูตรใหม่ที่หยิบเอาความเป็นอินเดียมาเจอกับความเป็นไทย เริ่มที่ The Indian Porn Star (350 บาท) เครื่องดื่มที่ทวิสต์มาจาก Porn Star Martini ที่ใช้วานิลลาวอดกา, อามาเรตโต, เสาวรส, โฟมยุสุ และ Candy Floss กับอีกแก้วที่ชื่อเก๋ ๆ อย่าง Macha, Where Are You Da? (400 บาท) โดยคำว่า Macha คนอินเดียมักใช้เรียกเพื่อน พี่น้องที่นับถือกัน หยิบเอาซิงเกิงมอลต์จากบังกาลอร์อย่าง Amrut มาใช้ เติมด้วยบัตเตอร์สก็อต แต่งแก้วด้วยช็อกโกแลตพีนัต และทองคำเปลว ท็อปด้วยฮันนี่จิงเจอร์ เวลาดื่มให้เครื่องดื่มไหลผ่านช็อตโกแลตที่เกาะแก้วอยู่ สร้างรสชาติได้เพิ่มขึ้น

Ampha
jhol Dushala

หรือจะเปลี่ยนเป็นม็อกเทล ที่ทุกแก้วออกแบบตามตัวละครในเรื่อง “มหาภารตะ” ที่ไม่ว่าใครก็รู้จัก ไม่พ้นการหยิบเอาความเป็นไทยมาผสมเข้าไปด้วย เราลองสั่ง Ampha (180 บาท) น้ำมะม่วงเสาวรส ผสมกับไซรัปมะลิ ท็อปด้วยโฟมกะทิเค็ม ๆ มัน ๆ และโรยด้วยถั่ว ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังกินข้าวเหนนียวมะม่วงอยู่อย่างไรอย่างนั้น อีกแก้วยอดนิยมคือ Dushala (180 บาท) น้ำกระเจี๊ยบ มิกซ์เบอร์รี่ มะลิ ที่เสิร์ฟมาในขวด เวลาดื่มให้เทลงในแก้วที่บรรจุที่มีน้ำแข็งส้ม กับ Poping Candy บรรจุอยู่

สำหรับเรา JHOL เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ของอาหารอินเดียให้กับเรามาก ๆ พบมิติใหม่ ๆ ของอาหาร และรสชาติที่หลากหลาย ไม่ใช่แค่เฉพาะแกงและเครื่องเทศเท่านั้น แต่อาหารอินเดีย แถบชายฝั่งอินเดียตอนใต้ ยังได้รับอิทธิพลมาจากพื้นที่ต่าง ๆ อีกด้วย ที่ JHOL จึงเป็นร้านอาหารอินเดียที่เราแวะเวียนมาชิมได้บ่อย ๆ เลยล่ะ

JHOL Coastal Indian Cuisine 
เปิดทุกวัน เวลา 12:00 – 14:30 น. และ 17:30 – 21:30 น. 
ซอยสุขุมวิท 18 คลองเตย 
BTS อโศก / MRT สุขุมวิท แล้วเดิน | จอดรถได้ที่ Park Plaza 

google maps