นอกจากความขึ้นชื่อเรื่องว่าเป็นซอยที่สวยงามอันดับต้น ๆ ของกรุงเทพฯ แล้ว (จนกลายเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำหรับคนชอบถ่ายภาพ เพราะได้ฟีลต่างประเทศสุด ๆ) วันนี้ซอยสุขุมวิท 24 จะคึกคักกว่าเดิมตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เพราะเพิ่งมีคอมมูนิตี้ใหม่ล่าสุดอย่าง 24 BLVD BANGKOK เปิดใหม่เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ที่เตะตาสำหรับ Routeen. เป็นพิเศษต้องยกให้ร้าน อาหารญี่ปุ่น อย่าง HONE BANGKOK ที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าโครงการ และมีลูกค้าเข้าออกเนืองแน่นตลอดเวลา

ตัวร้านตั้งอยู่ในอาคารขนาดใหญ่ แถมยังมีถึงสองชั้น มาพร้อมกับผนังกระจกใสบานใหญ่ที่สูงจากพื้นจรดเพดาน เผยให้เราเห็นบรรยากาศสุดชิลล์ด้านใน แถมยังช่วยเชื้อเชิญเรากลาย ๆ ให้เราอยากลองเข้าไปสัมผัสบรรยากาศนั้นบ้าง

นั่นเพราะเราพอรู้มาบ้างว่า ร้าน อาหารญี่ปุ่น แห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดได้ไม่นานนี้ เป็นร้านสไตล์อิซะกะยะ (Izakaya) แต่หน้าตาเท่าที่เห็นแล้วดูไก๋ไก๋เกินกว่าความเป็นอิซะกะยะไปมาก

Routeen. มีจังหวะพบกับ คุณโอบี – ทรงธรรม เจริญทอง อีกครั้ง หลังจากที่เคยเจอมาแล้วที่ร้านอิซะกะยะแห่งหนึ่งใน GROOVE เซ็นทรัลเวิลด์ จึงทำให้ทราบว่า ที่ HONE BANGKOK ก็เป็นธุรกิจใหม่ของคุณโอบีนี่เอง และด้วยการทำร้านอาหารมาไม่น้อย ไปจนถึงร้านอิซะกะยะเองก็มีเช่นกัน คุณโอบีก็มองเห็นช่องว่างของความเป็นอิซะกะยะแบบพรีเมียม ที่ยังไม่มีมากนักในบ้านเรา

ในขณะเดียวกัน ก็อยากจะทำร้าน อาหารญี่ปุ่น ที่สามารถเป็นจุดหมายหลักของใครหลายคน ไปจนถึงความมุ่งหวังที่จะเป็นแลนด์มาร์กอีกแห่งให้ได้ การเลือกทำเลของร้านจึงเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน

“ผมเองอยู่ย่านทองหล่อมาก่อน รู้สึกเลยว่าตอนนี้ย่านนี้เงียบขึ้นกว่าเดิม ผมคิดว่าปัจจุบันแลนด์มาร์กมันถูกขยับมาแล้ว และมองว่าย่านสุขุมวิท 22-24 ก็กำลังเป็นย่านที่ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ประกอบกับการได้มาเจอพื้นที่ตรงนี้ ที่คิดว่าเหมาะสมในการสร้างร้านตามที่ต้องการพอดี จึงมาลงตัวที่บริเวณ 24 BLVD BANGKOK ครับ” คุณโอบีกล่าว
“จุดเด่นของยากิโทริที่นี่คือ ซอสทาเระ ที่รสชาติกลมกล่อม ช่วยชูรสให้เมนูย่างอร่อยขึ้น รวมถึงความเชี่ยวชาญในการย่าง เพื่อให้ได้ระดับการย่างที่ลงตัวในแต่ละวัตถุดิบมากที่สุด“

ขณะเดียวกัน ทั้งอาหารและงานออกแบบร้านเองก็ดูน่าสนใจไม่น้อย เพราะทางทีม HONE BANGKOK ได้ไอเดียเมื่อครั้งเดินทางไปฮ่องกง แล้วรู้สึกว่าทำไมทั้งจานอาหาร และร้านอาหารที่นั่นดูล้ำหน้ากว่าบ้านเรามาก จึงอยากหยิบเอาอาหารจานเล็ก ๆ ดูโมเดิร์น ที่เหมาะกับการแชร์ แบ่งกันทานได้ หรือเปิดโอกาสได้ลองหลาย ๆ จาน โดยที่ยังคงความสวยงามและหน้าตาของเมนูที่น่าสนใจอยู่ มาตั้งต้นกับที่นี่บ้าง

ตัวร้านมาในโทนสีเรียบง่ายอย่างขาว-ดำ เป็นหลัก ดังจะเห็นได้จากการใช้วัสดุอย่างเหล็กสีดำ ทั้งโครงเสา ไปจนถึงบันไดวนขึ้นชั้นบน หรือการเปิดเพดานเปลือยโชว์โครงสร้าง และทาด้วยสีดำ ถึงอย่างนั้นก็ยังแซมสีเหลืองและน้ำตาลเข้ามาให้มีสีสันมากขึ้น เช่น บาร์เครื่องดื่ม เก้าอี้ ไปจนถึงงานตกแต่งที่ชั้น 2 ซึ่งเป็นชั้นบาร์ ที่ต้องการเปลี่ยนมู้ดให้มีความปาร์ตี้และสนุกมากขึ้น


มาพร้อมครัวแบบเปิดที่ให้เราได้เห็นขั้นตอนการปรุงอาหารกันแบบชัด ๆ นอกจากนี้ยังมีเคาน์เตอร์ของอาหารแบบ Yakitori (ยากิโทริ) ซึ่งถือเป็นอาหารเรือธงของทางร้านเช่นกัน ที่เราสามารถนั่งบาร์หน้าเคาน์เตอร์ ดูทีมย่างทำอาหารแบบไม้ต่อไม้ให้เราได้ชัด ๆ
โดยจุดเด่นของยากิโทริที่นี่คือ ซอสทาเระ ที่รสชาติกลมกล่อม ช่วยชูรสให้เมนูย่างอร่อยขึ้น รวมถึงความเชี่ยวชาญในการย่าง เพื่อให้ได้ระดับการย่างที่ลงตัวในแต่ละวัตถุดิบมากที่สุด

ส่วนการจัดที่นั่งระหว่างชั้นบนและชั้นล่างเองก็มีความแตกต่างกัน อย่างที่ชั้นล่างก็จะเน้นโต๊ะทานอาหารขนาดใหญ่เป็นหลัก เหมาะกับการมานั่งเป็นมื้ออาหารจริงจัง (หรือจะสั่งเครื่องดื่มมาแกล้มด้วยก็ได้) ส่วนชั้นบนจะถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน

ได้แก่ส่วนรับประทานอาหารที่ต่อเนื่องมาจากชั้นล่าง ส่วนโต๊ะสูงที่เหมาะกับสายดื่ม หรือสายปาร์ตี้ และส่วนพื้นที่ส่วนตัวที่มีความสงบขึ้น เสียงเพลงเบาลง และยังมีห้อง Private Room จำนวน 2 ห้อง ที่สามารถ Connect กันได้ รองรับได้สูงถึง 20 คน (เมื่อเชื่อมห้องกันแล้ว) ให้บริการอีกด้วย

ในขณะเดียวกัน เรากลับเห็นการใช้สีม่วงเข้ามากับโต๊ะทานอาหาร นั่นเพราะทาง HONE BANGKOK อยากหาความโดดเด่นและสร้างการจดจำได้เวลาที่ลูกค้าถ่ายเมนูอาหาร ก็มักจะต้องติดโต๊ะเข้าไปด้วย จึงเลือกใช้สีที่โต๊ะของร้านอื่น ๆ ไม่ค่อยใช้ เมื่อเห็นบ่อยครั้งเข้า ก็จะได้จำได้ว่าภาพนั้น ๆ มาจากร้านแห่งนี้นี่เอง

อีกสิ่งหนึ่งที่เตะตานั่นคือโคมไฟที่มีรูปร่างคล้ายวงกลมถูกหักครึ่งเป็นหน้าจั่ว นี่คืองานออกแบบที่ล้อไปกับแบรนด์ อย่างชื่อ HONE BANGKOK เองก็เป็นภาษาญี่ปุ่นในความหมายว่า “กระดูก หรือ โครงสร้าง” ซึ่งทีมออกแบบจากฮ่องกงก็ออกแบบร้านให้ล้อไปกับชื่อ
ที่โชว์โครงสร้างต่าง ๆ ของร้านเอาไว้ให้เห็นชัด ๆ ทั้งเสา เพดาน หรือหลังคาทรงจั่วแบบเปลือยที่ชั้นสอง นอกจากนี้ยังมีมาสคอตเป็นตัวทานูกิโครงกระดูกสุดเริงร่า ให้สื่อความหมายของทั้งความเป็น อาหารญี่ปุ่น และสอดคล้องกับแบรนด์ร้านด้วย

ซึ่งงานออกแบบของโคมไฟดังกล่าวก็ถอดมาจาก “หมวกของทานูกิ” ที่เป็นหมวกทรงกลมถูกบีบเข้า เพื่อสร้างเอกลักษณ์ของร้านที่แตกต่างนั่นเอง

อาหารที่นี่ก็จะมาในรูปแบบของ Modern Izakaya ที่มีหลากหลายหมวด ทั้งยากิโทริอย่างที่กล่าวไป ไปจนถึงซาชิมิ ซูชิ มากิ ของทานเล่นต่าง ๆ และจานหนัก ๆ อย่างข้าว หรือเมนูเส้น และเมนูของหวาน เราลองสั่งมาชิมหลายเมนูกันเลย ทั้งหมวดยากิโทริอย่าง Tsukune (120 บาท) สึกุเนะย่างถ่านที่ข้างนอกหอมถ่าน ข้างในยังคงฉ่ำไม่แห้ง ดิปกับไข่แดงดิบและโชยุรสหวาน


Chikimo (80 บาท) ตับไก่ย่างเสียบไม้เนื้อเนียน Sesami Mentai Cheese (120 บาท) ไก่ย่างราดเมนไทโกะ Soroban (70 บาท) หนังไก่ย่างที่ย่างมาจนกรอบนิด ๆ อร่อยทีเดียว และ Bacon Mozzarella Cheese (160 บาท) ที่มีความยุโรปหน่อย ๆ ด้วยการนำเบคอนมาห่อกับชีส แล้วนำไปย่างจนชีสเยิ้มละลาย ไม้นี้แนะนำว่าเสิร์ฟปุ๊บกินปั๊บเลย เพราะชีสเบิ้ม ๆ มาก

ขอต่ออีกหนึ่งเมนูย่างกับ Grilled Vegetables (250 บาท) เมนูยอดฮิตของชาวต่างชาติที่มักกินคู่กับเครื่องดื่ม ทัพผักนานาชนิด ทั้งข้าวโพดอ่อน เห็ดหอม ซุกินี รากบัว มะเขือเทศ กระเจี๊ยบ หอมใหญ่ และฟักทองญี่ปุ่น


กินเล่นกันต่อกับ Kamameshi Chicken (220 บาท) ปีกไก่ยัดไส้ข้าวปรุงรส แล้วนำไปย่าง ท็อปด้วยสไปซี่มาโยซอส กับ Kaki Oil Zuke (480 บาท) หอยนางรมสดจากญี่ปุ่นในน้ำมันมะกอก จานนี้อาจได้รสชาติคาวของหอยอยู่เล็กน้อย และ Spicy Tuna Maki (420 บาท) มากิสูตรของทางร้านสำหรับคนคิดถึง อาหารญี่ปุ่น ง่าย ๆ ก็มีให้สั่งเช่นกัน

Wagyu Beef Tongue (390 บาท) ลิ้นวัวย่างที่นำไป Sous Vide ถึง 24 ชั่วโมง รองด้วยซอสสูตรเฉพาะของทางร้าน เวลากินแนะนำให้บีบเลมอนลงไปเล็กน้อย บอกเลยว่าลิ้นวัวที่นี่นุ่มสุด ๆ เลยล่ะ

Cold Pasta (480 บาท) พาสตาเสิร์ฟเย็นที่คล้ายการกินโซบะเย็นแบบญี่ปุ่น เส้นพาสตาท็อปด้วยกุ้งและโฮตาเตะตัวใหญ่ ๆ เบิร์นไฟ ก่อนนำไปทำให้เย็น เวลาเสิร์ฟจะเสิร์ฟบนจานแช่เย็น เป็นอีกหนึ่งจานที่ชื่นใจ ซอสที่ราดลงบนพาสตาก็สดชื่น และช่วยคลายร้อนได้ดี

ปิดท้ายด้วย Burrata Salad (390 บาท) ล้างปากกันสักหน่อย บูรัตต้าที่รองด้วยสลัดมะเขือเทศสามสี ด้านบนท็อปด้วยคาเวียร์ที่ทำมาจากบัลซามิกปรุงรสสูตรของทางร้านให้เป็นสเฟียร์

ส่วนคนรักสาเกเองก็น่าจะถูกใจที่นี่ไม่น้อย เพราะมีสาเกให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งสาเกคลาสสิก ไปจนถึงคราฟต์สาเก นอกจากนี้คอค็อกเทล เราขอชวนขึ้นชั้นสองของร้านกันเลย เพราะมีบาร์ที่พร้อมเสิร์ฟ Signature Cocktail ที่ครีเอตไว้ถึง 10 ตัว มีทั้งค็อกเทลที่ดื่มง่าย และค็อกเทลที่มีความซับซ้อนขึ้นมาอีกหน่อย ท้าทายคนชอบลองค็อกเทลแบบใหม่ ๆ

เราได้ลอง Swimming In The City (ประมาณ 490 บาท สอบถามราคากับทางร้านอีกครั้ง) Bourbon และ Campari ที่แต่งกลิ่นด้วยคัตสึโอะโบชิ ที่นำมาทำเป็น Cordial ท็อปด้วยทูน่าที่นำไปดองกับโชยุ รองด้วยสาหร่ายทะเล แนะนำให้ลองชิมคู่กับเครื่องดื่ม จะช่วยเสริมรสได้มากขึ้น

แอบบอกว่าที่ 24 BLVD เองก็เป็น Common Area ที่มีร้านมากมายให้เลือก และเราสามารถเลือกที่นั่งได้ตามใจชอบ จะเป็นเบอร์เกอร์ ไวน์บาร์ ฟิชแอนด์ชิปส์ และอื่น ๆ ซึ่งก็สามารถสั่งเมนูจาก HONE BANGKOK ให้ไปเสิร์ฟข้างนอกได้เช่นกันนะ
HONE BANGKOK
เปิดทุกวัน 17:00 – 24:00 น. (ศุกร์ – เสาร์ ปิด 01:00 น.)
โครงการ 24 BLVD
สุขุมวิท 24 คลองเตย
BTS พร้อมพงษ์ แล้วต่อพี่วิน | มีที่จอดรถ