หากใครผ่านไปผ่านมาในซอยงามดูพลี จะต้องเห็นอาคารหอพักหญิงเก่าที่ทรงสวยและดีไซน์โดดเด่นตรงข้ามกับสมาคมธรรมศาสตร์ฯ มาเป็นเวลายาวนาน มาวันนี้พื้นที่บริเวณนี้ ถูกแต่งแต้มสีสันและความคึกคักให้มากขึ้น ด้วยการเกิดขึ้นของ คาเฟ่ และ บรันซ์ เปิดใหม่อย่าง Halfway – Brunch & Roastery
แม้ดูจากข้างนอกเผิน ๆ อาจเผลอทึกทักเอาว่า เอ๊ะ ที่นี่สร้างเสร็จหรือยังนะ หรือว่าเขาเปิดให้บริการแล้วหรือยัง ก็ต้องบอกว่าอาคารหนึ่งชั้นที่มีโครงเหล็กสีส้มให้ความรู้สึกเหมือนลืมรื้อนั่งร้านออกนี้ พร้อมเปิดให้บริการแล้วน้า (เปิดให้บริการวันแรกเมื่อ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา)
โปรเจ็กต์ Halfway นี้เกิดจากการวางคอนเซปต์ให้ที่นี่เป็น Borderless Cuisine จากการร่วมมือกันของร้านอาหารสไตล์โมเดิร์นเอเชียนอย่าง PEPE’ Bangkok คาเฟ่ และร้านกาแฟย่านลาดพร้าวที่เรารู้จักกันดีอย่าง Unfinished Coffee Roaster ที่มีความเชี่ยวชาญกันคนละด้าน หยิบเอาเมนู บรันซ์ มาผนวกเขากับเมนูเครื่องดื่มและกาแฟ เหมือนเจอกันคนละครึ่งทาง เพื่อรวมกันแล้วก็กลายเป็นความลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบ และยังเป็นที่มาของชื่อ Halfway ที่ว่ามาเจอกันคนละครึ่งทางอีกด้วย
ตัวร้านได้ผู้ออกแบบเดียวกับที่เคยทำร้าน Unfinished Coffee Roaster มาช่วยรังสรรค์ให้ ซ่อนตัวร้านไว้ด้วยโครงสร้างเหล็กสีส้มที่เหมือนนั่งร้าน มีผ้าสีขาวที่สกรีนชื่อร้านตกแต่งขึงไว้ และยังเป็นตัวช่วยบังตา สร้างความเป็นส่วนตัวให้ลูกค้า รวมถึงลดแสงอาทิตย์ในเวลากลางวันได้ด้วย
“ที่นี่เกิดจากโดยวางคอนเซปต์ให้เป็น Borderless Cuisine จากการร่วมมือกันของร้านอาหารสไตล์โมเดิร์นเอเชียนอย่าง PEPE’ Bangkok และร้านกาแฟย่านลาดพร้าวที่เรารู้จักกันดีอย่าง Unfinished Coffee Roaster ที่มีความเชี่ยวชาญกันคนละด้าน”
แต่เมื่อเข้าไปด้านในก็จะพบงานตกแต่งในสไตล์ลอฟต์นิด ๆ ด้วยปูนและเพดานเปลือยที่เข้ากับอาคารรอบ ๆ ในพื้นที่ พร้อมหยิบเอาเฟอร์นิเจอร์วัสดุไม้มาใช้เป็นหลักเพื่อลดทอนความแข็ง พร้อมกับ Sculpture เส้นสายสีส้มบิดโค้งที่ตั้งโดดเด่นอยู่กลางร้านด้วย
ทั้งเมนูเครื่องดื่มและบรันซ์ล้วนถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่เพื่อ Halfway โดยเฉพาะ (อาจมีบ้างบางเมนูที่หยิบเอามาจาก PEPE’ และ Unfinished แต่เป็นจำนวนน้อยมาก ๆ) อย่างเฮาส์เบรนด์ที่นี่ก็คั่วจาก Unfinished ที่เบลนด์สำหรับที่นี่โดยเฉพาะ
โดยจะมีทั้งหมด 3 ตัวด้วยกัน ได้แก่ Highway เมล็ดคั่วกลางจากโคลอมเบีย ไทย บราซิล และเอธิโอเปีย ที่ให้ความนัตตี้และช็อกโกแลตนิด ๆ อีกตัวจะเป็นคั่วอ่อนในชื่อ Skyline กับเมล็ดเอธิโอเปีย ถูกใจสายฟรุตตี้ กับสเปเชียลเบลนด์อย่าง Tiramisu ที่เป็นคั่วอ่อนเช่นกัน เบลนด์ระหว่างโคลอมเบีย เมียนมา และเอธิโอเปีย ได้ความหอมหวานแบบทิรามิสุ วานิลลา และรัม
Routeen. ได้ลองเครื่องดื่มหลายตัว ตั้งแต่ Salted Caramel Crunchy (160 บาท) กาแฟ Highway กับนมและครีมสูตรของทางร้าน พร้อมกับซอส Salted Caramel เคี่ยวเองที่ชงไปพร้อมกับกาแฟเลย ท็อปด้วยวิปครีมและวาฟเฟิล ตัวคาราเมลถือเป็นพระเอกของแก้วนี้มาก ๆ มีความหวานนำ ขมปลาย และเค็มนัว ๆ ไม่ได้หวานโดดและมีมิติมากกว่าที่คิด
Apple O’Coffee (180 บาท) ที่ด้านล่างเป็นน้ำแอปเปิลคั้นสด ราดด้วยช็อตกาแฟที่ผสมกับคาราเมลและครีม โรยผงโกโก้ด้านบนเล็กน้อย เวลาดื่มแนะนำให้ลองยกดื่มเพื่อชิมก่อน แล้วค่อยคนรวมกันแล้วลองดื่มอีกที จะได้รสชาติที่แตกต่างกันในแก้วเดียว Bitter Sweet (180 บาท) น้ำแตงโมสดกับครีมมัตฉะ ที่สีสันเตะตา และรสชาติของมัตฉะกับแตงโมก็เข้ากันได้อย่างเซอร์ไพรส์
สุดท้ายกับ Midday Medley (200 บาท) สมูทตีที่ผสมระหว่างกล้วย สตรอว์เบอร์รี่ มิกซ์เบอร์รี่ นมโอ๊ต ที่ปั่นโดยไม่ใส่น้ำแข็ง ไม่ใส่น้ำตาล ตกแต่งแก้วด้วยโคโคนัทวิปครีมเพิ่มสีสัน แก้วนี้จะออกมาเปรี้ยวนำ และได้ความหวานมาจากกราโนลาแทน เป็นแก้วสุขภาพของวันได้เลย
ฝั่งบรันซ์ยังมีความน่าสนใจในสไตล์ PEPE’ ที่หยิบเอาความเป็นเอเชียนเข้ามาสร้างเป็นเมนูบรันซ์แปลกตาด้วย เราลองทั้ง Glazed n’ Grilled Pork Belly with Okonomiyaki (370 บาท) โอโคโนมิยากิสไตล์ญี่ปุ่น ท็อปด้วยหมูสามชิ้นโตที่นำไปซูวีกันข้ามคืน เสิร์ฟพร้อมกับ Egg Benedict และซอสฮอลันเดส ที่เสริมรสด้วย Curry Oil เข้าไปด้วย
Dry-aged Duck Congee (300 บาท) แปลงเมนูลับอย่างข้าวต้มเป็ดของ PEPE’ ให้เป็นโจ๊กเป็ดแทน โจ๊กที่ใส่ XO Sauce เข้าไปด้วย โรยด้วยชิลลีออยล์ และเซซามีออยล์ ทำให้โมเดิร์นและไม่ต้องปรุงรสเพิ่มเลย พร้อมกับเนื้อเป็ดที่ดรายเอจ 14 วัน และไข่ออนเซ็น
อีกจานกับ Veggie Mary (320 บาท) ที่มีทั้งมะเขือเทศ สตรอว์เบอร์รี่ อโวคาโด น้ำสลัดราสบ์เบอร์รี่ และ Stracciatella ที่เท็กซ์เจอร์จะคล้ายกับไส้ของ Burrata เป็นอีกจานที่สดชื่นและล้างปากได้ดี
เรียกว่าการมาของ Halfway คาเฟ่ และ บรันซ์ แห่งนี้ ทำให้ซอยงามดูพลีกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากที่อาจไม่มีร้านใหม่ ๆ เกิดในซอยนี้มาพักใหญ่ และเรื่องกาแฟกับอาหารก็ไว้ใจได้มาก ๆ อยู่แล้ว ส่วนตัวเราว่า หากขยายเวลาปิดให้ช้างลงอีกนิดจะดีมาก ๆ (เพราะยังไม่ทันเลิกงาน ร้านก็ปิดแล้วยังไงล่ะ! แง้)