อัปเดตพิกัด ร้านชากิมบ้อ Gimbocha คาเฟ่ชาจีนสุดคิวท์ ที่มีคาแรกเตอร์คุณยายลายเส้นอบอุ่นเป็นเอกลักษณ์ หลายคนอาจเป็นแฟนคลับร้านตั้งแต่สมัยอยู่หนองแขม ก่อนจะย้ายเข้ามาในเมือง ที่ซอยเกษมสันต์ 1 เมื่อปีก่อน ล่าสุด Gimbocha ย้ายบ้านใหม่อีกครั้ง หลังจากพักรีโนเวทไปร่วมเดือนกลับมาแล้วในบ้านหลังใหม่ (แต่ซอยเดิม) น่ารัก และอบอุ่นยิ่งกว่าเดิม

ไหน ๆ ร้านชากิมบ้อ ย้ายบ้านใหม่ทั้งที เราเลยตามมาแวะไปหาคุณยายที่ร้าน Gimbocha ร้านใหม่กัน ต้องบอกก่อนว่าที่นี่ไม่ได้มีคุณยายจริง ๆ นะ เป็นคาแรกเตอร์น่ารัก ๆ ที่คุณ ต้นน้ำ – วารีช กิจบูรณะ และคุณ บอส – นภัสรพี พุทธรัตน์ เจ้าของร้านนี้ครีเอตขึ้นมา
ก่อนจะไปทัวร์ร้านใหม่ ขอย้อนพาไปทำความรู้จัก ร้าน Gimbocha หรือ ชากิมบ้อ กันสักนิด เพราะอย่างที่เราได้เกริ่นไป ร้านนี้เค้าไม่ใช่น้องใหม่ เพราะเปิดมาหลายปีแล้ว และมีจุดเริ่มต้นถึงหนองแขม ซึ่งคนมาเล่าให้เราฟังก็ไม่ใช่ใคร คือคุณต้นน้ำ เจ้าของร้านนี้นี่แหละ
ก่อนจะมาเป็น ร้านชากิมบ้อ Gimbocha
ย้อนไปก่อนจะเกิดธุรกิจคาเฟ่ คุณบอสกับคุณต้นน้ำ เรียนนิเทศฯ สายภาพยนตร์ทั้งคู่ แต่ช่วงเรียนจบดันมาเจอจังหวะโควิดหนัก ๆ พอดี ทำให้เกิดความเคว้ง เพราะออกกองไม่ได้ ทำให้งานก็ไม่มี ในขณะเดียวกัน ช่วงนั้นที่บ้านคุณบอสกำลังสนใจอยากทำธุรกิจขายส่งใบชาเป็นแบรนด์ตัวเอง เพราะชอบดื่มชาอยู่แล้ว เลยเป็นโจทย์ให้หันมาพัฒนาโปรเจกต์ตรงนี้

เกิดเป็นโปรเจกต์ทำ Product ชากล่องขึ้นมา ฝั่งคุณต้นน้ำเองเป็นคนชอบวาดรูป พอจะมีทักษะการออกแบบบ้าง เลยมาช่วยทำแบรนด์ ดูภาพรวม ทั้งแบรนด์ดิ้ง โลโก้ และคาแรกเตอร์ของแบรนด์ ส่วนชื่อแบรนด์ ‘กิมบ้อ’ มาจาก เทพเจ้าที่ทางบ้านคุณบอสนับถือ มีรูปลักษณ์ที่มีความเป็นผู้หญิง
พอได้ชื่อนี้มา คุณต้นน้ำเลยวางให้แบรนด์มีความเป็น Feminine มีความเป็นแม่ อบอุ่น เลยออกมาเป็นคาแรกเตอร์คุณยายอย่างที่เราเห็น ทำลายเส้นให้มีความเป็นการ์ตูน ดูเฟรนด์ลี่ อบอุ่น ซึ่งหลังจากพัฒนาคาแรกเตอร์ขึ้นมา ก็ไม่ได้ยึดความเป็นเทพเจ้าขนาดนั้นแล้ว เพราะกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ก็จะมีความเป็นวัยรุ่นมากกว่า

“พอออกมาเป็นคาแรกเตอร์คุณยาย ก็ตอบโจทย์ทั้งความเป็น Specialist ด้านชา และเป็นเหมือนคนในครอบครัว ที่ลูกค้าไม่เกร็งเวลาเข้ามาเจอ วางบทให้ลูกค้าเป็นหลาน พอพูดแนะนำเรื่องชาก็จินตนาการง่าย ไม่ห่างไกลกันมาก สื่อสารง่ายขึ้น”
หลังจากเริ่มรันโปรเจกต์แบรนด์ชากล่อง ก็เริ่มศึกษาชาจีน เข้าไปในโลกของชามากขึ้น อย่างที่เรารู้กันว่าก่อนหน้านี้คนไม่ค่อยเข้าใจชาจีนมากนัก คิดว่าเป็นชาไหว้เจ้า หรือชาของคนแก่ แต่ถ้าพูดถึงชาญี่ปุ่นคนกลับเข้าใจได้มากกว่า แต่พอได้ลองชิมชาแทบจะทุกประเภทเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้เข้าใจว่าชาแต่ละแบบรสชาติประมาณไหน คุณต้นน้ำบอกเราว่า พอได้ลองดื่มเยอะ ๆ ก็เซอร์ไพรส์เหมือนกันว่าชามีรสชาติแบบนี้ด้วย หลากหลายมาก ๆ เกินกว่าที่จะจินตนาการได้ อย่างที่คิดว่าแปลกที่นึกไม่ถึง เช่น ตัวสายชาดำจีน เป็นตัวชาก้อนเงินย่อย รสชาติคล้าย ๆ ข้าวเหนียวสุกใบเตย มีกลิ่น Earthy ดิน ๆ


ในตอนแรกที่ทำ ก็ไม่ได้คิดจะมีหน้าร้าน หรือทำคาเฟ่เลย เพราะดีไซน์ไว้ให้เป็น Product แบบชากล่อง สั่งออนไลน์หรือวางขายในห้างสรรพสินค้า แต่พอดีที่บ้านมีห้องแถวที่หนองแขม เลยลองชวนเปิดหน้าร้านดู ซึ่งทั้งคู่ก็มีความฝันอยากทำคาเฟ่อยู่แล้วด้วย
หน้าร้านเริ่มต้นราว ๆ ต้นปี 2021 ด้วยความไม่ได้แพลนว่าจะต้องมีหน้าร้าน ตอนแรกเลยมีแค่ชาร้อน แต่ก็คอยฟังฟี้ดแบคจากลูกค้า และพยายามปรับตัว แก้ปัญหา และฟังความต้องการลูกค้าอยู่เรื่อย ๆ เริ่มพัฒนาเมนูเย็น ลองค้นหา Combination ของวัตถุดิบ ไปจนถึงทำขนมขึ้นมากันเองเลย
จุดเปลี่ยนที่ทำให้ตัดสินใจย้ายจากหนองแขมเข้ามาในเมือง คุณต้นน้ำบอกเราว่า ตามชานเมืองส่วนมากจะเป็นคนสูงอายุหน่อย หรือครอบครัว ซึ่งกลุ่มเป้าหมายของร้านจริง ๆ เป็นวัยรุ่นนิดนึง แต่ด้วยโลเคชันที่อยู่แอบเข้าถึงยาก รถไฟฟ้าไปไม่ถึงด้วย ตอนแรกมีความคิดจะเลิกทำเลย แต่มองเห็น Potential บางอย่างเลยลองหาที่ทางในเมืองดู
ร้านชากิมบ้อ Gimbocha บุกกลางเมือง กับการย้ายบ้านครั้งที่ 3

ผ่านไปปีครึ่ง Gimbocha ก็ย้ายเข้ามาในเมือง คราวนี้ได้สถานที่ในเมืองแบบสุด ๆ เรียกว่าจุดศูนย์รวมของวัยรุ่น เพราะอยู่ในซอยเกษมสันต์ 1 ข้าง ๆ หอศิลป์ กรุงเทพฯ ปากซอยเป็น BTS สถานีสนามกีฬาฯ เรียกว่าจากเดินทางลำบาก ตอนนี้คือง่ายไม่รู้จะง่ายยังไงแล้ว
พิกัดแรกที่ Gimbocha มาลงหลักปักฐาน เป็นบ้าน 2 ชั้นที่เจอด้วยความบังเอิญ เกิดจากการมาคืนของที่เช่าไปแล้วเจอว่าชั้นบนที่เป็นออฟฟิศ มีชั้นล่างปล่อยว่างไว้ เลยขอเช่าพื้นที่ทำเป็นร้าน แต่ด้วยสัญญาที่เหลือไม่นาน พอหมดสัญญาเลยขยับมาบ้านอีกหลังที่อยู่ไม่ไกล ในซอยเดิมนี้เอง (ความฮาคือออฟฟิศด้านบนก็ย้ายมาด้วย ยกโขยงมากันหมด)

บ้านใหม่ของ ร้านชากิมบ้อ เป็นบ้าน 2 ชั้นสีขาวมู้ดอบอุ่น หลังใหญ่กว่าเดิม (ร้านชาเฉพาะชั้นล่างนะ) มีสนามหญ้าสีเขียวหน้าร้าน ต้นไม้ ดอกไม้เพิ่มความโฮมมี่เหมือนมาบ้านยายมากกว่าเดิม


การตกแต่งร้านดูอบอุ่นกว่าเดิม ความเท่คือด้วยความเรียนภาพยนตร์มา เลยให้เพื่อนที่ทำอาร์ตไดในกองถ่ายมาช่วยดีไซน์ให้ เพราะเพื่อนเองก็ดูเป็นคนที่สนใจเรื่องเฟอร์นิเจอร์ และการดีไซน์อยู่แล้ว ตั้งบรีฟไว้ว่าอยากได้ร้านน้ำชาที่มีความอบอุ่น โฮมมี่หน่อย มีความเป็นผู้หญิงที่ไม่มากเกินไป แบบที่ผู้ชายเข้ามาก็ไม่เคอะเขิน และด้วยความที่มีพื้นที่ใหญ่กว่าเดิม เลยสามารถเพิ่มโต๊ะได้นิดหน่อย มีโต๊ะริมหน้าต่างที่ดูเหมาะกับมานั่งทำงานได้เข้ามาเพิ่ม
ในส่วนของเมนูที่ ร้านชากิมบ้อ ยังเน้นชาจีนเป็นหลักเหมือนเดิม ซึ่งใบชามีทั้ง สั่งตรงจากจีน ไต้หวัน เยาวราช หรือสั่งตรงจากไร่เมืองไทยก็มี รวมกว่า 30-35 ตัว สำหรับเมนูก็มีทั้งชาร้อน ชาเย็น ชานม ชาผลไม้ และชาดอกไม้ ให้เลือกได้ตามชอบเลย

ฝั่งเมนูเย็น มี 2 ประเภทคือ คือ Single Ice Tea ที่ใช้ใบชาแค่ชนิดเดียว เน้นคาแรกเตอร์ของชาแบบชัด ๆ จะมีเรื่อง Taste note หรือ Aftertaste เหมือนเวลาดื่มกาแฟ อีกฝั่ง Blended Tea เน้นความหลากหลายของวัตถุดิบ มีความแฟนซี เปรี้ยวหวานซ่าสดชื่น


ฝั่งเมนูร้อนเป็นกังฟูเซต ใช้กาเล็ก ๆ ตามสไตล์ทางฝั่งของจีนแต้จิ๋ว เวลาเสิร์ฟจะเสิร์ฟแบบให้ลูกค้าชงเอง แต่จะมีการสอนชงก่อนรอบแรก ระหว่างสอนก็จะบอกเล่าที่มาของชา กรรมวิธี หรือตำนานของใบชาที่ลูกค้าเลือก
“เราเชื่อว่าการดื่มชามันจะสนุกได้ก็ต่อเมื่อเรารู้ที่มาของรสชาติ รสชาติแบบนี้มาจาก Process แบบไหน เป็นความสนุกของการกินชา”
ฝั่งขนม เป็นขนมโฮมเมดที่ทางร้านทำเองทั้งหมดเลย เริ่มต้นมาจากลูกค้าเริ่มถามหาขนม แต่ทั้งคู่ไม่ใช่คนทำขนมเลย เลยเริ่มจากซื้อหมั่นโถวมาย่างขายที่ร้าน ผลตอบรับดี เลยลองทำเองโดยการหาสูตร ผสมปั้นแป้งเอง เลย Unlock ขนมโฮมเมดตัวแรกของที่ร้าน ทำมาเรื่อย ๆ ช่วงหลัง ๆ ลูกค้าถามหาเค้ก ก็เลยเริ่มทำเค้ก ต่อยอดเป็นเมนูขนมอื่น ๆ ที่กินคู่กับชาแล้วอร่อย ไม่กลบรสชามากเกินไป
จิบชา กินขนมในร้านชาคุณยาย Gimbocha

มาทั้งทีเราลองทั้งเมนูร้อนและเย็นเลย ฝั่งเมนูเย็น Single Ice Tea เราลอง มี่หลินเซียง (100 บาท) แปลตรงตัวคือ กลิ่นกล้วยไม้น้ำผึ้ง เพราะมีกลิ่นหอมเหมือนดอกกล้วยไม้ แต่มีความหวานเหมือนน้ำผึ้ง ตอนดื่มอะโรมาอาจไม่ชัดมาก แต่ After Taste ดี แต่จะมีความ Bitter Sweet นิด ๆ (ไม่ได้ขมปี๋นะ)
ความพิเศษของแก้วนี้ คือมีใบชานอนอยู่ก้นแก้วเลย เป็นความตั้งใจของทางร้าน ที่เมื่อดื่มจนหมดแล้ว ให้เหลือน้ำแข็งไว้ แล้วปล่อยให้น้ำแข็งให้ละลายใส่ใบชา จะได้ความหวานฉ่ำจากตัวชาอีกรอบ เป็นเหมือน Cold Brew เป็นเมนูที่ดื่มได้เรื่อย ๆ ไม่จืดจางลง

ฝั่ง Blended Tea เราลอง ชินนาม่อนมิ้นท์ (90 บาท) เบสเป็นชาสุ่ยเซียนที่เป็นอู่หลงปิ้งไฟ แก้วนี้ใส่ขิง อบเชย มิ้นท์ มะนาว และท็อปด้วยโซดา ฟีลคล้าย ๆ ม็อกเทลเลย มีความเปรี้ยวซ่าแต่รสจัดหน่อย รสกลิ่นของขิงชัดแต่ไม่เผ็ด มะนาวก็ไม่เปรี้ยวโดด มีความบาลานซ์ดี มิติรสหลากหลายดื่มสนุก สดชื่นด้วย


ฝั่งชาร้อนเราเลือก ตานฉงเกล็ดหิมะ (200 บาท) เป็นชาอู่หลงฝั่งแต้จิ๋ว เด่นเรื่องความหอมดอกไม้ เป็นกลิ่นหอมแบบธรรมชาติไม่ปรุงแต่ง ตอนชงรอบแรกทางร้านก็มาสาธิตพร้อมเล่าให้ฟังว่า ใบชานี้จะเก็บในช่วงฤดูหนาวเลยเรียกว่าเกล็ดหิมะ ความน่าสนใจคือเป็นชาใสที่มีรสชาติแบบเนย ๆ ครีมมี่เคลือบปาก ไม่ขมฝาด พอชงออกมาก็หอมมากจริง ๆ

ตัวขนมเราลอง โมจิสีดำ (95 บาท) ขนมที่ดัดแปลงมาจากขนมไหว้พระจันทร์ แต่ใช้แป้งโมจินุ่มหนึบแทน และไส้มี 2 เลเยอร์ ด้านในสุดเป็นไวท์ช็อกมัทฉะ หวานกำลังดี ห่อด้วยไส้ถั่วแดงที่มีแมคคาเดเมียเบลนด์อยู่เพิ่มเทกเจอร์กรุบ ๆ กินรวมกันอร่อยมาก เผลอแป๊บเดียวหมด ใครมาอยากแนะนำให้ลอง

ใครอยากลองชาจีนที่ดื่มสนุก เข้าใจไม่ยาก และได้มู้ดอบอุ่นเหมือนมีคุณยายชงให้ดื่ม ลองแวะไปกันได้เลย ที่ร้านมีนกเต้นเก่งรอต้อนรับด้วย และถ้าไปได้จังหวะพอดีอาจจะได้เจอกับน้องเหมียวด้วยนะ 🙂
ร้านชากิมบ้อ Gimbocha
เปิดทุกวัน (เว้นวันพฤหัส) 11:00 – 19:00 น.
ซอยเกษมสันต์ 1
BTS สนามกีฬาแห่งชาติ (สะดวกสุด)
Google Maps