หลังจากเปิดสาขาแรกเมื่อต้นปี 2022 ที่ผ่านมา Fishmonger ร้าน Fish & Chips ที่เลือกใช้ปลาไทยจากเกาะลันตามายกระดับเป็นเมนูสุดอินเตอร์ ก็ได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม ขึ้นแท่นร้าน Fish & Chips ในดวงใจของใครหลาย ๆ คนไปแล้ว และล่าสุดเค้าเปิดตัวสาขาใหม่แล้ว เป็นบ้านหลังใหญ่ ที่นั่งได้มากกว่าเดิม และมีเมนูใหม่เข้ามาเสริมทัพด้วย ที่ Fishmonger สาขาอารีย์
พอรู้ว่า Fishmonger เปิดบ้านใหม่ เราก็รีบบึ่งมาเลย เพราะเป็นแฟนคลับของร้านนี้อยู่แล้วตั้งแต่สาขาแรกที่อยู่ในโครงการ GalileOasis ย่านบรรทัดทอง และโชคดีมาก ๆ ที่เราได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณ พูน – พลอยปภัส อริยะกมลรัตน์ หนึ่งในเจ้าของร้าน Fishmonger แห่งนี้ด้วย
ย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นของการทำร้าน Fish & Chips เริ่มมาจากการทำเพจขายปลาก่อน ชื่อ ลันตาปลาไทย ที่เกิดจากหุ้นส่วนอีกคนชอบตกปลา และได้ไปรู้จักชาวประมงที่จับปลาไทยในเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ แต่ชาวประมงเหล่านั้นไม่รู้ว่าจะเอาปลาไปขายที่ใคร และปลาชื่อแปลก ๆ ก็ขายไม่ค่อยได้ เพราะเหมือนไม่มีตลาดรองรับขนาดนั้น เลยทำเพจขึ้นมาเพื่อขายปลาไทยเหล่านี้ ซึ่งจะรับปลาจากการประมงแบบยั่งยืนเท่านั้น คือใช้เรือเล็ก หรือใช้วิธีชาวบ้านอย่าง เบ็ด ไซ จนถึงตอนนี้เพจลันตาปลาไทยเปิดมา 6 ปีแล้ว
“เราไปชิมแล้วปลาแปลก ๆ มันอร่อยหลายชนิดมาก ๆ แค่คนไม่ได้เอามาขายหรือไม่กล้ากิน เลยทำเพจชื่อลันตาปลาไทยขึ้นมา นอกจากจะหาลูกค้าแล้ว ยังให้ความรู้ด้วย เหมือนเราเป็นคนกลางเชื่อมชาวประมงลูกค้าอีกทีหนึ่ง”
จุดเริ่มต้นในการทำ Fish & Chips
คุณพูนบอกเราว่า Fish & Chips มาจากความคิดที่อยากจะทำอยู่แล้วด้วย เพราะรู้ว่าตัวเองมี Source ที่มีคุณภาพ เลยอยากจะสื่อสารให้ทุกคนได้กินปลาไทยชื่อไม่คุ้นหูกันบ้าง ประกอบกับสถานที่ที่เปิดสาขาแรก มีพื้นที่ไม่มาก และแชร์พื้นที่ร่วมกับร้านอื่น ๆ แบบคอมมูนิตี้ มันเหมาะกับการทำ Comfort Food มาซื้อแล้วก็กินไว ๆ หรือไปนั่งกินที่อื่นได้ เลยมองว่าต้องเป็นอะไรที่เกี่ยวกับการทอด
เกิดไอเดียว่าถ้าเอาปลาไทยมาทำเป็น Fish & Chips น่าจะแปลกใหม่ดี และเป็นเมนูที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อนด้วย แล้วรสชาติปลาไทยก็ไม่ได้แพ้ปลาต่างประเทศเลย เลยอยากยกระดับปลาไทยให้เป็นที่รู้จัก และการเอาปลามาทอดคุณภาพของปลาก็ยังอยู่ครบ เพราะแป้งข้างนอกมันห่อหุ้มเนื้ออยู่ ทำให้เราได้สัมผัสรสชาติของปลาได้เต็ม ๆ
ทำให้จุดเด่นที่ทำให้ Fishmonger แตกต่างจากเจ้าอื่น ๆ อย่างชัดเจนคือการใช้ปลาไทยชื่อแปลก ๆ อย่าง ปลาสร้อยนกเขา ปลาน้ำดอกไม้ และยังมีปลาอีกหลายชนิด หลายรสชาติเลือกได้ตามชอบ ทำให้เรารู้จักปลาไทยมากขึ้น และที่สำคัญมาก ๆ คือยังช่วยส่งเสริมการประมงท้องถิ่นด้วย
หลังจากเปิดร้าน ก็พบว่าปลาไทยได้รับผลตอบรับดีมาก ๆ เดือนนึงใช้ปลาถึงหลายพันกิโล แต่ด้วยความที่นำปลามาจากเกาะลันตาเท่านั้น ก็จะมีปัญหาปลาขาดช่วงบ้าง โดยเฉพาะในช่วงมรสุมอาจจะมีประกาศว่าปลาบางชนิดหมด ด้วยความที่ใช้การประมงแบบพึ่งธรรมชาติมาก ๆ และยังยึดมั่นในการประมงแบบยั่งยืน ทุก ๆ อย่างที่เอามาจะต้องเป็นเรือเล็กและเป็นการประมงแบบยั่งยืนเท่านั้น ไม่มีการใช้ปลาฟาร์มหรือจากเรือใหญ่มาหลอกลูกค้า
แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีปลาให้กินเลยนะ เพราะที่ร้านก็จะมีปลายืนพื้นเป็นเบสอยู่ 5 ชนิด ที่คิดมาแล้วว่าทำเมนูอะไรก็อร่อย และค่อนข้างหาได้ตลอดทั้งปี คือ ปลาสร้อยนกเขา ปลาน้ำดอกไม้ ปลาช่อนทะเล ปลาอังเกย และ ปลาเก๋าดอกแดง และในแต่ละเดือนจะมีปลาพิเศษอีก 4-5 ชนิด หมุนเวียนกันไป
บ้านหลังใหม่ของ Fishmonger สาขาอารีย์
มาถึงการขยายตัวสู่สาขาใหม่ คุณพูนบอกเราว่า แผนการขยายสาขาเริ่มมาตั้งแต่เปิดสาขาแรกได้ประมาณหนึ่งปีแล้ว จากการที่ลูกค้าก็ให้ความสนใจและได้รับการตอบรับที่ดี แต่ด้วยพื้นที่สาขาแรกมีข้อจำกัดมาก ทั้งในส่วนของขนาดครัว และพื้นที่ Indoor ด้วย ถ้าลูกค้ามาเยอะ ๆ อาจเจอปัญหาอาหารออกช้า ที่นั่งไม่พอ หรือลูกค้าที่มาเป็นครอบครัวก็อาจจะไม่สะดวก เลยคิดว่าถึงเวลาที่จะต้องขยายแล้วล่ะ
แต่การขยายตัวของ Fishmonger ก็ไม่ธรรมดา เพราะสาขาที่ 2 มีขนาดใหญ่กว่าเดิมมาก เป็นบ้านทรงเก่า 2 ชั้นสีฟ้าสดใส เป็น Fishmonger แบบตะโกนซ่อนตัวอยู่ในซอยย่อยในซอยอารีย์ 4 คุณพูนบอกเราว่าที่ตรงนี้มาเจอด้วยความบังเอิญ เริ่มจากความคิดที่อยากจะขยายสาขา และปักธงในใจเลยว่าจะมาย่านอารีย์นี่แหละ เพราะชอบอยู่แล้ว และบังเอิญเพื่อนมีที่ตรงนี้ก็เลยชวนมาดู พอมาดูก็ปิ๊งเลย เพราะโครงสร้างสวย เป็นทรงบ้านตั้งแต่สมัย ร.3
เดิมทีบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ใช้อยู่อาศัยเลย หลังจากตกลงปลงใจว่าจะใช้ที่ตรงนี้ ก็ทำการรีโนเวทปรับพื้นที่แต่ตั้งใจเก็บโครงสร้างเดิมไว้หลายส่วน ทั้งขอบหน้าต่าง ขอบประตู พื้นไม้ และเก็บทรงด้านหน้าไว้ให้เหมือนเดิม ตั้งใจอยากให้ได้ความรู้สึกโฮมมี่ บรรยากาศอบอุ่น เหมือนมานั่งทานอาหารในบ้านชาาวประมง ริมทะเลที่อังกฤษ
Fishmonger สาขาอารีย์ มี 2 ชั้น ชั้นล่างจะเป็นพื้นที่เคาน์เตอร์สั่งอาหาร และครัว (ในที่สุดครัวก็ใหญ่แล้ว) และมีโซนบาร์เพิ่มขึ้นมา ตั้งใจอยากให้ตอนกลางคืนบรรยากาศชิลล์ ๆ นั่งดื่มได้ ปรับคอนเซปต์จากสาขาแรกที่เป็น House of Fish & Chips โดยเฉพาะ เสิร์ฟเมนูแนว Comfort Food อาหารกินไว ๆ แต่สาขานี้จะมีความเป็น Local & Seafood Bar มีอาหารที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ได้มีแค่ปลาแล้วแต่จะมีซีฟู้ดอื่น ๆ ด้วย เป็นร้านอาหารที่สามารถมาใช้เวลาได้เลย
ส่วนชั้น 2 จะเป็นโซนที่นั่ง มีจำนวนโต๊ะค่อนข้างเยอะเลย บรรยากาศเหมือนอยู่ในบ้านชาวประมงจริง ๆ และไฮไลต์ของสาขาอารีย์ คือเมนูที่เพิ่มขึ้นมา ทั้ง Tapas , Pasta และ Sides & Dips ตั้งใจทำจานกลางที่สามารถ Sharing กันได้ พร้อมวัตถุดิบใหม่ ๆ อย่าง กุ้ง และหมึก (ยังใช้เรือเล็กและการประมงแบบยั่งยืนเหมือนเดิมนะ)
เราได้ลองหลายเมนูเลย เริ่มกันที่เมนูใหม่ Pesto Squid (270 บาท) เป็นทาปาสจานไม่ใหญ่มาก เสิร์ฟคู่กับขนมปัง Cuban ที่มีเนื้อฟูซับน้ำได้ดี เลือกเนื้อสัตว์เป็นหมึกหอม (เป็นหมึกหอมที่ไม่แช่น้ำจืดเลย ทำให้คงรสชาติหอมหวาน) อยู่ผัดกับซอสโหระพา มีความมัน เค็ม นัว ๆ หอม Herb นิด ๆ หมึกชิ้นโตม้ากกก อร่อยเลย
ส่วนเมนู Pasta เลือกเป็น Chorizo Prawn (320 บาท) สปาเกตตี้ไส้กรอกโชริโซพริกแห้งมาพร้อมกุ้งตัวใหญ่ ๆ สดมาก จานนี้เผ็ดเล็กน้อย ชอบที่มีน้ำมันเคลือบหน่อย ๆ ทำให้เส้นดูไม่แห้งเกินไป และถ้าใครอยากได้อะไรเบา ๆ มีเมนู ขนมปัง Cuban (85 บาท) อยู่ในหมวด Sides & Dips ขนมปังโฮมเมดเนื้อฟู จิ้มซอสดิปที่มีความเปรี้ยวมันนวล ๆ เนื้อไม่ข้น ซึมเข้าเนื้อขนมปังได้ดี (เซตนี้แอบอิ่มเลย)
แน่นอนว่าเราไม่พลาด Fish & Chips เมนูพระเอกของร้าน เราเลือกเป็นปลามันแดง (290 บาท) เป็น Fish of the day อยู่ในตระกูลกะพงแดง เนื้อปลาชิ้นหนา มีความแน่น ชุบแป้งทอดมาได้ กรอบ ฟู เบาดีมาก แต่เนื้อปลาข้างในไม่แห้งเลย กรอบนอกฉ่ำใน ถูกใจคนชอบกินแป้งอย่างเรา บวกกับเฟรนช์ฟรายส์ชิ้นอ้วน ได้สัมผัสเนื้อมันฝรั่งนุ่ม ๆ ตัวทาร์ทาร์ซอสสูตรเด็ดของร้านมีกลิ่นหอมของผักชีลาว เปรี้ยวเค็มนัวเข้ากับของทอดสุด ๆ
เมนูที่ทางร้านอยากให้ลองคือ เฟรนช์ฟรายส์เส้นเล็ก (100 บาท) มันฝรั่งที่สั่งตรงมาจากอเมริกา มาแบบเป็นชิ้นเล็ก ๆ มีเปลือกติดเล็กน้อย มีความเหนียวและแน่น เอาไปทอดแล้วจะมีความกรอบทั่วทั้งชิ้นกินเพลินมากกกคนละฟีลกับที่เสิร์ฟมากับปลาเลย ด้วยขนาดที่เล็กมาก ๆ ทำให้มีความกรอบนอกนุ่มใน
ด้วยความที่มีบาร์ เลยอยากเพิ่มไวบ์สนุก ๆ ให้กับร้าน ทุกศุกร์/เสาร์ จะมี DJ มาสร้างบรรยากาศ เปลี่ยนแนวเพลงไปเรื่อย ๆ ตามธีมต่าง ๆ ในแต่ละสัปดาห์ และสาขานี้ก็ปิดดึกขึ้นด้วย มานั่งกินอาหารกันยาว ๆ ได้เลย แต่ต้องบอกก่อนว่าตอนนี้สาขาอารีย์ฮอตสุด ๆ แนะนำให้จองไปก่อนนะ
Fishmonger สาขาอารีย์
เปิดทุกวัน (เว้นวันอังคาร) อาทิตย์-พฤหัส 12:00 – 22:00 น. และ ศุกร์-เสาร์ 12:00 – 23:00 น. (จะมีช่วงพักครัว 15:00-17:00 น.)
อารีย์ซอย 4
BTS อารีย์ | มีที่จอดรถ
Google Maps