ในวันที่พลาด ในวันที่ล้ม มนุษย์อย่างเราก็ต้องพร้อมที่จะยืนขึ้นมาได้ แล้วเริ่มต้นใหม่อยู่เสมอจริงไหมล่ะ? และบางครั้ง ความผิดพลาดก็ทำให้เราเจออะไรใหม่ ๆ ที่อาจทำให้เราตกหลุมรักสิ่งนั้นก็ได้ เหมือนกับที่ตอนนี้ย่านพระราม 2 (ขาเข้า) ก็มี คาเฟ่ หนุ่มน้อยเฟล ๆ (ที่ไปแล้วจะฟินมากกว่า) กับ Fell Boy Cafe นี่เอง

คุณแม็ก – เชษฐพงษ์ ศิริสุคนธ์ และ คุณเฟิร์ส – นพดล ทองมี สองหนุ่มเจ้าของ Fell Boy Cafe แห่งนี้ เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้คุณแม็กเองก็ทำกิจการของครอบครัว (หากมองไปข้าง ๆ คาเฟ่ จะเห็นโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ นี่ก็เป็นกิจการครอบครัวของคุณแม็กนั่นเอง) ส่วนคุณเฟิร์สเองก็เป็นวิศวกรออกแบบอินทีเรียรถยนต์ ที่ต่างไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการทำ คาเฟ่ เลย แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ทั้งคู่มาทำ คาเฟ่ ด้วยกันได้ ก็เพราะงานหลักของเขาทั้งสองนี่แหละ

นั่นเพราะพวกเขาคิดว่า เวลาทำงานออกแบบ ความสวยมักจะจบที่ลูกค้า บางทีสิ่งที่อยากจะพรีเซนต์ให้เห็นกลับกลายเป็นแค่อยู่บนรูปภาพ บางครั้งมันจับต้องไม่ได้ หรือดูเชื่อถือค่อนข้างยาก เลยคิดว่าอยากจะมีสเปซที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวเอง ไม่ได้อิงกับธุรกิจที่บ้าน และมีพื้นที่โชว์งานอินทีเรียของตัวเอง ได้ลองเข้ามาในพื้นที่ออกแบบจริง มาพักผ่อน ก็คงจะดี และคงจะดีกว่านี้ ถ้าพื้นที่นั้นเป็นอะไรได้มากกว่าพื้นที่โชว์ของ จึงลงเอยว่าจะเป็น คาเฟ่ นั่นเอง

จริง ๆ แล้วคุณเฟิร์สเองก็เป็นคนชอบดื่มกาแฟอยู่แล้วด้วย และยังชอบไปฮอปปิงคาเฟ่ในที่ต่าง ๆ ทำให้ได้มองเห็นภาพอะไรใหม่ ๆ ของแต่ละร้าน และมีการลองทำกาแฟเองอยู่บ่อยครั้ง จึงคิดว่าการทำคาเฟ่ก็เป็นอะไรที่ตัวเองชอบอยู่เหมือนกัน

“ในขณะที่กำลังออกแบบร้านอยู่ ตอนนั้นคุณแม็กก็คิดชื่อร้านไม่ออก จึงลองไปปรึกษากับพี่สาว และคุณเฟิร์ส ทั้งคู่ลองให้ความเห็นผ่านงานออกแบบของคุณแม็กว่า ทำไมงานออกแบบของคุณแม็กถึงจะมองไม่ค่อยเห็นจากภายนอก แตกต่างจากที่อื่นที่อยากจะโชว์ฝีมือให้เห็น ฟีลเหมือนกำลังซ่อนตัวตนอะไรอยู่ คล้ายกับหลุมที่ดูหลบสายตา”
คาเฟ่แห่งแรกของพวกเขาจึงเกิดขึ้นบนพื้นที่ว่างข้าง ๆ โชว์รูมเฟอร์นิเจอร์ของคุณแม็กนั่นเอง แม้ว่าจะมีตัวแปรต่าง ๆ มาเกี่ยวพันอยู่ ทั้งพิกัดที่ตั้งที่อยู่ไกลจากเมือง หรือการเป็นถนนทางหลวงที่หลายคนอาจขับผ่านไปมาแล้วไม่ทันได้สังเกตก็ได้ แต่ด้วยเพราะคุณแม็กไม่อาจทิ้งธุรกิจที่บ้านไปได้ การมีร้านของตัวเองที่เพียงแค่เดินไม่กี่ก้าว ก็ยังช่วยงานที่บ้านได้ ก็คงตอบโจทย์ของเขามากกว่า

นอกจากนี้ คุณเฟิร์สเองก็แอบไปดูละแวกนี้มาแล้วว่าแทบจะไม่มีร้านกาแฟ (ไม่อย่างนั้นต้องไปแถวมหาชัย หรือเซ็นทรัลพระราม 2 เลย) อีกทั้งย่านนี้มีหมู่บ้านและโรงงานตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก จึงคิดว่าน่าจะเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่ดีในการทำ คาเฟ่ ขึ้นมา

ก่อนหน้าที่จะมาทำ Fell Boy Cafe นี้ คุณแม็กทำบิลด์อินให้กับลูกค้ามาก่อน พอทำให้คนอื่นมาก ๆ ก็เริ่มอยากทำห้องนอนของตัวเอง เลยขอคุณแม่ออกแบบห้องนอนตัวเองดู จากห้องนอน มันก็ลามมาสู่ออกแบบส่วนอื่น ๆ ของบ้าน พอมีโอกาสได้มาทำ คาเฟ่ เป็นของตัวเอง จึงตั้งใจว่าจะออกแบบร้านนี้ด้วยตัวเอง

ทั้งคู่ให้เวลากับตัวเอง 2 ปี เพื่อเตรียมพร้อมกับการทำ Fell Boy Cafe แห่งนี้ ทั้งการจัดสรรงานหลักของตัวเอง คุณเฟิร์สที่ตั้งใจไปเรียนบาริสตามา และลองทำกาแฟออกขายเพื่อน ๆ เพื่อรับฟีดแบ็กจนกว่าจะลงตัว คุณแม็กที่ลองจัดสวนดูเพื่อนำมาใช้กับการจัดสวนที่ร้าน ทำให้มีเวลาวางแผนอยู่ไม่น้อยกว่าที่นี่จะเกิดขึ้น

เมื่อถึงเวลาสร้างร้าน ทั้งคู่ลองเดินดูรอบ ๆ พื้นที่ว่ามีอะไรโดดเด่นบ้าง กลับพบว่าที่นี่ไม่มีอะไรโดดเด่นเลย จึงคิดว่าหากแลนด์สเคปตรงนี้ไม่มีจุดน่าสนใจอะไร คงต้องสร้างมันขึ้นมาให้คนมองแทน เมื่อพื้นที่ติดริมถนน และพื้นที่โดยรอบก็มีแต่ปูน จึงสร้างความสุนทรีย์ด้วยการสร้างสวนล้อมร้านขึ้นมาแทน โดยการสร้างสวนในพื้นที่ปิด ตั้งใจให้อาคารข้างนอกเป็นสีดำ และยังมีคานยื่นออกมาตั้งฉากดูแปลกตา เพราะถนนเส้นนี้คนขับรถเร็ว จึงอยากสร้างความเตะตาให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนมากขึ้น ต้นไม้นอกร้านก็เน้นสีเขียวเพื่อตัดกับสีดำนั่นเอง

แม้ข้างนอกจะมาในโทนดำ แต่เมื่อเดินเข้ามาในร้าน เราจะพบกับบรรยากาศที่แตกต่างจากภายนอก ด้วยการใช้วัสดุไม้ และสัจจะวัสดุมาประกอบเป็นหลัก ที่ทำให้ดูโฮมมี่ขึ้น เพราะทั้งคู่มองว่า งานสถาปัตยกรรมมันไม่ใช่แค่ความสวย แต่มันต้องให้ความรู้สึก การที่มองเห็นเราเป็นแบบหนึ่งจากข้างนอก แต่เมื่อก้าวเข้ามาข้างในกลับเป็นความรู้สึกอีกแบบ จึงเป็นสิ่งที่พวกเขาตั้งใจ การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ตายตัว มุมโปรดของเราคือมุมโซฟาใกล้หน้าต่าง ที่สามารถนั่งอ่านหนังสือ หรือทำงานไปพร้อม ๆ กับชมวิวต้นแก้วสีเขียว ตัดกับผนังขาวด้านหลังร้าน ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเวลาที่มองได้ดีเลยล่ะ

ในขณะที่กำลังออกแบบร้านอยู่ ตอนนั้นคุณแม็กก็คิดชื่อร้านไม่ออก จึงลองไปปรึกษากับพี่สาว และคุณเฟิร์ส ทั้งคู่ลองให้ความเห็นผ่านงานออกแบบของคุณแม็กว่า ทำไมงานออกแบบของคุณแม็กถึงจะมองไม่ค่อยเห็นจากภายนอก แตกต่างจากที่อื่นที่อยากจะโชว์ฝีมือให้เห็น ฟีลเหมือนกำลังซ่อนตัวตนอะไรอยู่ คล้ายกับหลุมที่ดูหลบสายตา สร้างพื้นที่ที่แตกต่างจากโลกข้างนอก ไอเดียของชื่อร้านจึงลองขยายมาจากตัวตนของการออกแบบของคุณแม็ก ที่เหมือนเป็นเด็กผู้ชาย (แทนคุณแม็กและคุณเฟิร์ส) ที่ตกลงมายังหลุมนี้

ในขณะเดียวกัน หากมองกลับไปยังเรื่องราวของคุณแม็กในวัยเลข 3 นี้ ก็พบว่า นี่เป็นช่วงวัยที่ก้าวสู่การเป็นผู้ใหญ่จริง ๆ แล้ว เข้าสู่ความรับผิดชอบแบบผู้ใหญ่ที่ต้องมี คาเฟ่แห่งนี้ก็อาจเป็นพื้นที่ที่พยายามหลีกหนีความเป็นผู้ใหญ่ของตัวเอง เสลาที่ต้องการความสบายใจ ความเป็นตัวเอง ก็หลบมาอยู่ในพื้นที่นี้ได้ แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เฉพาะคุณแม็กและคุณเฟิร์สเท่านั้น แต่ยังหมายถึงทุกคนที่แวะเวียนมายัง Fell Boy Cafe ด้วย
นอกจากนี้ ชื่อของ Fell boy ก็ยังแปลตรงตัวว่า “เด็กชายที่เฟล ๆ” ได้ด้วยเช่นกัน เพราะหากมองงานออกแบบของร้านแล้ว จะพบว่ามันไม่ได้สมบูรณ์แบบ บางส่วนของอาคารไม่ได้ดูตรง อาจมีบิดเบี้ยวบ้าง (เพราะต้องอิงตามรูปทรงของพื้นที่) ไปจนถึงระหว่างการก่อสร้างก็เจอปัญหาอยู่เสมอ ๆ (แต่บางจุดก็ตั้งใจทำให้ไม่เรียบร้อยนะ)

แน่นอนว่าคุณเฟิร์สเองก็เอากับชื่อร้านนี้ด้วย เพราะตัวเองก็มีความเฟลในชีวิตไม่แพ้ใคร หากย้อนกลับไป จริง ๆ แล้วคุณเฟิร์สมีความตั้งใจจะเปิดร้านกาแฟมานานแล้ว (ด้วยความชอบดื่มกาแฟ) แต่วันหนึ่งกลับพบว่าตัวเองเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ช่วงเวลาที่ต้องเข้าห้องผ่าตัดบ่อย ๆ จนเกิดแพนิค ทำให้รู้สึกเฟลในชีวิตอยู่ไม่น้อยในช่วงเวลานั้น พอถูกยิงชื่อร้านชึ้นมา ทำให้คุณเฟิร์สหวนคิดถึงช่วงเวลานั้นของตัวเองเสียไม่ได้

นอกจากบรรยากาศแล้ว บอกเลยว่าเมนูของทางร้านก็อร่อยไม่แพ้กัน ทั้งเครื่องดื่มและเบเกอรี่ เราลองสั่ง Einspanner Latte (140 บาท) มาลอง เมนูที่คอกาแฟต้องชอบ กาแฟรสเข้มผสมนมเพิ่มความละมุน เวลาทานอยากให้ลองชิมตัวครีมด้านบนก่อน แล้วค่อยมิกซ์กับตัวกาแฟด้านล่างนะ

สาย Non Coffee ก็มีหลายเมนูให้เลือก เราลองเป็น Primavera (80 บาท) น้ำผลไม้ที่ดื่มแล้วให้ความรู้สึกซับซ้อน แปลกใหม่คาดเดาไม่ได้ อยากให้มาลองชิมแล้วทายกันว่า ในแก้วนี้มีผลไม้อะไรซ่อนอยู่บ้างนะ

เรื่องมัตฉะที่ร้านก็ไม่ธรรมดา เพราะเลือกใช้เกรด Ceremonial ทั้งหมด มีให้เลือกถึง 3 ตัว เราได้ลอง Fell on cloud (Yame) (190 บาท) เครื่องดื่มมัตฉะที่แยกเลเยอร์ ด้านบนเป็นมัตฉะ ด้านล่างเป็นน้ำมะพร้าว (ที่เป็นของดีละแวกนี้ด้วย) มิกซ์กันแล้วลงตัวสุด ๆ

PREMIUM MATCHA CHEESE CAKE (115 บาท) เมนูเบเกอรี่ของทางร้าน ให้กลิ่นมัตฉะค่อนข้างชัด มีความเข้มข้นไม่หวานโดด เท็กเจอร์ดีมากกก

สำหรับใครหิวหนัก ที่นี่ยังมีบรันซ์เล็ก ๆ ให้ฝากท้องกันได้ เราสั่งเป็น Homemade Truffle Soup (160 บาท) ซุปเนื้อเนียนที่ท็อปด้วยทรัฟเฟิลออยล์ให้กลิ่นหอมชัดขึ้น เสิร์ฟคู่กับซาวโดว์ที่เข้ากับซุปดีไม่น้อย

นอกจากนี้ ทาง Fell Boy Cafe ยังมี Merch ให้เลือกซื้ออีกด้วยนะ เช่น หมวก สบู่อาบน้ำ ให้เราชอปเพลิน ๆ ก่อนกลับ แอบบอกว่าหมวกของทางร้านดีไซน์เก๋มาก ใส่แล้วแมตช์ทุกลุก ไม่เฟลแน่นอน!
Fell Boy Cafe
เปิดทุกวัน (เว้นวันอังคาร) เวลา 8:30 – 16:00 น. (เสาร์ – อาทิตย์ เวลา 9:30 – 17:00 น.)
Livinghome Furniture Mall ถ.พระราม 2 ขาเข้า จ.สมุทรสาคร | มีที่จอดรถ