อย่างที่เรารู้ ๆ กันว่า ในกรุงเทพฯ มีร้านอาหารและคาเฟ่เปิดใหม่กันแทบทุกวัน (จนตามไม่ทันแล้วจ้า) แต่ถ้าพูดถึงคาเฟ่ไซซ์ใหญ่ ๆ ต้องบอกว่าเห็นไม่บ่อยแน่ ๆ ล่ะ ทำให้เราอดตื่นเต้นไม่ได้เวลาเห็นคาเฟ่ใหญ่ ๆ เปิดใหม่ขึ้นมา ซึ่งล่าสุด เราได้พบกับ Dawn to Dusk กรุงเทพกรีฑา ที่เป็นทั้ง Cafe Restaurant and Bar เห็นแล้วถึงกับตะโกนออกมาว่า ใหญ่มากกกก ทั้งตัวอาคาร และพื้นที่
Dawn to Dusk คาเฟ่สุดป๊อปที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน ตั้งอยู่ในซอยกรุงเทพกรีฑา 20 ใครผ่านมาต้องสะดุดตากับโครงสร้างของร้านที่ตั้งตระหง่านเป็นแนวยาว และปูด้วยอิฐแดงทั้งหมด รวมที่จอดรถแล้วใช้พื้นที่กว่า 2 ไร่ เป็นคาเฟ่ที่มีที่จอดรถสะดวกถูกใจสุด ๆ
ใครที่แอบส่อง Instagram ร้าน Dawn to Dusk แล้วเลื่อนลงไปดูภาพเก่า ๆ จะเห็นภาพเมนูขนมเยอะมาก ๆ (ยั่วน้ำลายสุด ๆ) ก่อนจะมาเป็นร้าน Dawn to Dusk แบบ Official ถ้าให้ทายก็คงเดาได้ไม่ยากว่าที่ร้านเคยทำขนมขายแบบออนไลน์มาก่อน คุณน็อต – อัครพล ตั้งสุนทรขจิต หนึ่งในเจ้าของร้านเฉลยให้เราฟังว่า จริง ๆ คาเฟ่แห่งนี้เป็นธุรกิจของครอบครัว
คุณน็อตเองเป็นลูกชายที่เข้ามาช่วยทำกิจการคาเฟ่ร่วมกับที่บ้าน เมนูขนมที่เห็นเป็นฝีมือพี่สาวเปิดขายขนมทางออนไลน์ เป็นคนชอบทำขนมมาตั้งแต่เด็ก ๆ และที่บ้านก็ทำธุรกิจขายเครื่องครัวอยู่แล้วด้วย เลยเหมือนได้คลุกคลีกับวงการนี้มาตลอด
“ที่ตัดสินใจเปิดหน้าร้าน ทำคาเฟ่ขึ้นมา เป็นคอนเซปต์ที่เราคุยกันในครอบครัว อยากจะทำร้านที่สามารถมาได้ทั้งตอนเช้าถึงตอนกลางคืน เป็น Passion ของทุกคนในครอบครัวเลย”
คอนเซปต์ของร้านมาจากแพชชั่นของคนในครอบครัวที่ชอบทำขนม และอยากทำร้านที่สามารถมาเอนจอยได้ทั้งตอนเช้า จนถึงตอนกลางคืน เกิดเป็นร้านกาแฟ ร้านอาหาร และบาร์ ครบในที่เดียว ส่วนชื่อร้าน หลายคนเห็นคำนี้แล้วมักจะคุ้นชินกับคำว่า Dusk to Dawn ซะมากกว่าแต่ด้วยความที่ร้านตั้งเปิดตั้งแต่เช้าถึงค่ำ ก็เลยปรับเป็น Dawn to Dusk ซะเลย ให้ตรงตามความตั้งใจที่อยากให้คนมาได้ตั้งแต่เช้ายันมืด
พอได้ไอเดียก็เลยเริ่มหาพื้นที่เหมาะ ๆ คุณน็อตเล่าว่าตั้งใจปักหมุดย่านกรุงเทพกรีฑา เพราะมองว่าเป็นย่านเมืองใหม่ที่คนเริ่มเข้ามาอยู่เยอะ เป็นที่ที่จะเติบโตมากขึ้น มองว่าเป็นอีกหนึ่งย่านที่น่าสนใจไม่น้อย ซึ่งเดิมทีที่ตรงนี้ในซอย 20 เดิมเป็นพื้นที่โล่ง ๆ ไม่มีอะไรเลย ทำให้ต้องขึ้นโครงใหม่ทั้งหมด
ด้านการดีไซน์ของร้าน เริ่มมาจากคอนเซปต์ของร้าน ที่หยิบเอาตำนาน เรื่องเล่า หรือนิทาน ที่เกี่ยวกับ พระอาทิตย์กับพระจันทร์ มาเป็นไอเดียในการเล่าเรื่อง (เราจะเห็นพระอาทิตย์ พระจันทร์ และกระต่ายอยู่ในร้านหลายจุดเลย) ในโครงสร้างที่จะเห็นส่วนโค้งเว้าวงกลม หรือเป็นลานวงกลมต่าง ๆ ก็เป็น Elements ที่สื่อถึงพระอาทิตย์กับพระจันทร์นั่นเอง
“Material อย่างอิฐแดง หรือโครงสร้างต่าง ๆ ต้องยกความดีความชอบให้กับสถาปนิก เราเสนอไอเดียว่าอยากได้ส่วนที่มันมีส่วนโค้งเว้า อยากได้ให้มันมีลานกว้าง ๆ ให้เป็น Pet-friendly ด้วย สถาปนิกก็ดีไซน์ออกมาให้ค่อนข้างตรงใจ”
ที่ Dawn to Dusk BKK จะแบ่งพื้นที่ค่อนข้างชัดเจน คือมีโซนของคาเฟ่ (เครื่องดื่มและขนม) ที่เปิดตั้งแต่ 07:00 น. มีที่นั่งมองเห็นลานโล่ง ๆ ของที่จอดรถ ส่วนอีกโซนเป็นฝั่งของร้านอาหารและบาร์ จะเริ่มเปิด 11:00 น. เป็นต้นไป มีที่นั่งค่อนข้างเยอะ ตรงนี้สามารถสั่งอาหารจริงจัง หรือแค่สั่งน้ำและขนมมานั่งด้านในได้เช่นกัน
ด้านหลังยังมีสนามหญ้าสีเขียวโล่ง ๆ และห้องกระจกอีกหนึ่ง เป็นโซน Pet-friendly ที่สามารถพาน้องหมาน้องแมวมาได้เลย ด้านในห้องกระจกเปิดแอร์ได้ด้วยนะ พ่อ ๆ แม่ ๆ พาลูกมานั่งกินอาหารร่วมกันได้แบบไม่ปิดกั้น
Routeen. ขอแชร์ทริคเดินทางที่ ง่าย สะดวก สบาย และราคาดี ไม่ต้องคอยกังวลหาที่จอดรถ กินดื่มได้ไม่มีลิมิต กับ TADA Thailand แอปพลิเคชันเรียกรถน้องใหม่ จากสิงคโปร์ ที่มีจุดขายคือ ไม่ชาร์จค่าคอมมิชชั่น คนขับได้รับเงินเต็ม ๆ “ทำให้คนขับไม่เครียด เต็มที่ทุกการเดินทาง และคนนั่งได้ราคาที่เป็นมิตร” ซึ่งในสิงคโปร์ TADA เติบโตขึ้นเป็นเบอร์ 2 ของตลาดเรียกรถเลย
ปัจจุบัน TADA มีบริการ 4 ประเภท คือ AnyTADA / Economy / Economy Large และ Premium (เร็ว ๆ นี้จะมีรถจักรยานยนต์ให้บริการด้วย) เข้าถึงง่าย ใช้งานไม่ยุ่งยาก สะดวก คุ้ม ทุกการเดินทาง โหลดแอปฯ ติดเครื่องไว้เลย ที่ TADA ที่สำคัญ กรอกโค้ด ROUTEEN ลดทันที 80 บาท (3 สิทธิ์/ผู้ใช้งาน) บอกเลย “เรียกรถกับทาดา สะดวกกว่าเยอะ!”
คาเฟ่ Dawn to Dusk
ฝั่งคาเฟ่มีความจริงจังทั้งด้านกาแฟ ที่มี House Blend เป็นของตัวเอง ชื่อว่า Dawn (Brazil Santos – Lao Bolaven Premium) ให้โทนช็อกโกแลตส้ม คาราเมล ครีมมี่ และเมล็ดอีกหลายตัวให้เลือกลอง ส่วนเมนูขนมที่วางเรียงรายอยู่ ต่อยอดมาจากฝีมือพี่สาว และปรับสูตรมาจากเชฟฝรั่งเศสด้วย มีเบสเป็นครัวซองต์หลากหลายเมนู
“ถ้าลองสังเกตในตู้แป้งจะเป็นครัวซองค่อนข้างเยอะ เพราะว่าที่บ้านชอบกินครัวซองกันมาก ๆ แล้วเราคิดว่าครัวซองมันเอามาประยุกต์ในเมนูได้หลายแบบ ได้ทั้งขนมแล้วก็อาหาร ผสมผสานกันแล้วรู้สึกลงตัวเป็นรสชาติที่พิเศษกว่าขนมปังธรรมดา”
ถึงเวลาชิมกัน! ฝั่งคาเฟ่ เราเริ่มด้วย เมนูกาแฟซิกเนเจอร์อย่าง My Venus (145 บาท) ชาเบลนด์ของทางร้าน ผสมผสานแอปเปิล เอลเดอร์ฟลาวเวอร์ และช็อตกาแฟ ให้หอมหวานสดชื่น รสกาแฟก็สู้ได้ดี
อีกแก้วเป็น Tiramisu Latte (155 บาท) ลาเต้ที่มีทั้งนม กาแฟ และเนื้อครีมทีรามึสุนุ่ม ๆ รวมตัวกันอยู่ในแก้วเดียว แก้วนี้จะมีความนัว ๆ ไม่ขมโดด และไม่หวานเกินไป แอบได้ฟีล Dirty แต่มาในรูปแบบที่มีเนื้อครีมนุ่ม ๆ ให้ละเลียด อร่อยไปอีกแบบ
ส่วนเบเกอรี่เราลอง Pain au Chocolat (115 บาท) ครัวซองต์ไส้ช็อกโกแลต ที่กรอบนอก (ชนิดที่ลงมีดแล้วแป้งกระจุย) แต่นุ่มชุ่มฉ่ำด้านใน กินกับกาแฟเพลินมาก และอีกเมนูเป็นแนวหวาน ๆ Chocolate Mousse Danish (160 บาท) ช็อกโกแลตมูสเนื้อเนียน รสหวานมันแต่เข้มข้น ตัดรสด้วยผลไม้รสเปรี้ยวและแป้งกรอบ ๆ ถูกใจสายช็อกโกแลตไม่น้อย
ร้านอาหารและบาร์ Dawn to Dusk
ถึงเวลากินมื้อเที่ยง เมื่อโซนร้านอาหารเปิด เราแอบขยับตัวไปนั่งสั่งอาหารอร่อย ๆ มาชิม คุณน็อตเล่าว่าฝั่งเมนูอาหารเป็นแนว Cross Cultural Comfort Food ถ้าให้อธิบายต้องแบ่งคอนเซปต์เป็น ‘Comfort Food’ อยากให้เป็นอาหารที่กินแล้วทำให้นึกถึงบ้าน อบอุ่น
ส่วน ‘Cross Cultural’ เป็นการผสมผสานอาหารทั้งอิตาเลียน ญี่ปุ่น เม็กซิกัน และไทย ผสมอยู่ด้วยกัน ไม่จำกัดว่าเป็นเมนูสไตล์ไหนเป็นพิเศษ เพราะครอบครัวชอบลองทำอาหารใหม่ ๆ แบบ twist อยู่บ่อย ๆ เมนูส่วนใหญ่เลยจะเป็นทางครอบครัวช่วยกันคิดแล้วให้โจทย์กับเชฟมาช่วยปรับให้
เราเริ่มที่ ปลาทอดไข่เบเนดิกซอสทาร์ทาร์บนทิมเบอร์ริง (360 บาท) เป็นเมนู Brunch ที่มาแบบจานใหญ่มาก เป็นปลาทอดชิ้นโต แป้งบางเนื้อแน่น โปะด้วย Poached egg เยิ้ม ๆ และครัวซองต์ทรงกลมกรอบนอกนุ่มใน
สายทรัฟเฟิลอย่างเราไม่พลาดที่จะลอง เฟตตูชินีทรัฟเฟิลหอยเชลล์ (400 บาท) เป็นจานพาสต้าที่มีความครีมมี่ดีมาก ๆ โปะด้วยชีสฉ่ำ ๆ เพิ่มความนัว ท็อปด้วยหอยเชลล์ที่นำไปเซียร์เพิ่มความหอม ได้รสทรัฟเฟิลชัดเจนดี
ปิดท้ายตัดเลี่ยนด้วยเมนู ลาบทูน่าทาร์ทาร์ (320 บาท) ทูน่าสดชิ้นหนา คลุกเคล้ารสลาบ ที่ปรุงมาได้จัดจ้าน แซ่บถึงเครื่อง กินคู่กับมันฝรั่งกรอบ ๆ ได้ทั้งสัมผัสนุ่มจากทูน่า และสัมผัสกรอบ ๆ จากมันฝรั่ง กินเพลิน
ในส่วนของบาร์ ทางร้านจะเน้นไปทางค็อกเทลบาร์ มีการครีเอตเมนูซิกเนเจอร์ตามช่วงเวลา ตั้งแต่เริ่มเย็น เข้าช่วงดึก ไปจนถึงดึกมาก ซึ่งความแรงก็จะค่อย ๆ ไล่สเต็ปไป และก็สีสันรสชาติก็จะค่อย ๆ ไล่สีสันไปตามช่วงเวลาด้วยนะ เสียดายที่เราไม่ได้ลอง แต่คอนเซปต์น่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะ!
เป็นอีกหนึ่งคาเฟ่ ที่ครบเครื่อง ทั้งเครื่องดื่ม อาหาร และบรรยากาศ เหมาะสำหรับใครที่อยากมาใช้เวลาได้แบบเช้าจรดเย็นเลยล่ะ
Dawn to Dusk กรุงเทพกรีฑา
เปิดทุกวัน คาเฟ่ 07:00 น – 19:00 น. | ร้านอาหาร 11:00 น. – 22:00 น. (ช่วงเช้า soft opening Last order อาหาร 20:00 น.)
กรุงเทพกรีฑา 20
Airport link บ้านทับช้าง แล้วต่อพี่วิน | มีที่จอดรถ
Google Maps
