นึกถึงคาเฟ่ เมนูแรกที่นึกถึงมักจะเป็นกาแฟ แต่ก็มีไม่น้อยไชที่เราเริ่มเห็นคาเฟ่ชาโดยเฉพาะ ที่คัดสรรสารพัดใบชา แต่คาเฟ่ที่เรามาครั้งนี้เน้น ‘ชาไทย’ ล้วน ๆ จนภาพจำกลายเป็นคาเฟ่ชาไทย กับสายไหมสูตรเด็ด ที่นี่คือ Comehome cafe หรือที่อ่านเป็นไทยได้อย่างน่ารักว่า คำหอม คาเฟ่
ที่คำหอมคาเฟ่ ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Comehome จริง ๆ แล้วมีความหมายซ่อนอยู่ เพราะคาเฟ่นี้เริ่มต้นจากคุณ ซาระ – นุชรินทร์ ธรรมรัฐ ได้กลับบ้านไปเอาสายไหมของคุณแม่ ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวที่ทำมานานร่วม 30 ปีแล้ว มาเพิ่ม Value ให้กลายเป็นเมนูใหม่ ๆ แล้วเปิดคาเฟ่ขึ้นมา
ถ้าให้ย้อนไปนิด คำหอมคาเฟ่เริ่มต้นประมาณปี 2020 ช่วงโควิดพอดี คุณซาระที่ทำงานประจำอยู่แล้ว เริ่มหาลู่ทางใหม่ ๆ เพราะไม่รู้ว่าโควิดจะรุนแรงแค่ไหน แล้วจบเมื่อไหร่ เลยเริ่มจากการกลับบ้านไปเอาสายไหมของแม่ ที่ทำกิจการสายไหมอยู่แล้ว โดยเริ่มจากความคิดว่าอยากทำร้านที่สามารถขายเดลิเวอรี่ได้ เลยได้เปิดร้านครั้งแรกที่ย่านนวลจันทร์
“ปีแรกขายสายไหมจัดเป็นเซต แล้วก็ค่อย ๆ มีเครื่องดื่มเริ่มเป็นชาไทยชง เราก็ลองชิมกันแล้วรู้สึกว่า สายไหมก็หวานแล้ว อยากให้ชาไทยมีความมัน ๆ จะทำยังไง ก็เลยลองเอาสายไหมใส่ในชาไทยไปเลย ทำไปทำมาก็เริ่มสนุก แตกไอเดียหลายไอเดียมาก เกิดเป็น Signature คือขายสายไหมคู่กับชาไทย”
จากย่านนวลจันทร์ ขยับมาปีที่ 2 ย้ายมาคอลแลปกับแบรนด์น้ำผลไม้ ย่านรามอินทราในปีที่ 2 จากนั้นปีที่ 3 ก็ย้ายอีกครั้งมาที่ย่านนางเลิ้ง โดยครั้งที่ 3 นี้คอลแลปกับแบรนด์คราฟต์โกโก้ชื่อว่า Tora Choc ด้วยความที่ Tora Choc เปิดพื้นที่หาผู้ร่วมอุดมการณ์ เลยคิดว่าน่ามาทำ เพราะว่าชอบละแวกนี้อยู่แล้ว ทำให้ปีนี้ได้ซึมซับความเป็นนางเลิ้งขึ้นมา
ทำไมถึงชอบย่านนางเลิ้ง คุณซาระเล่าว่า เมื่อก่อนตอนเรียนก็อยู่โซนนี้ ชอบเที่ยววัดพระแก้ว เที่ยวข้าวสาร เที่ยวเมืองเก่า แม้จะจบไปทำงานที่อื่นไกล ๆ แต่ก็ยังชอบมาเที่ยว มาแฮงเอาต์แถวนี้อยู่ดี พอได้เริ่มมาทำร้านที่นางเลิ้ง
ด้วยความมีประสบการณ์บ้างแล้ว เริ่มมีเวลามากขึ้น เลยเริ่มมีการจัด Workshop เชิญวิทยากรมาให้ความรู้หลายครั้ง อย่างทั้งการทำชา การทำไซรัปออร์แกนิก ซึ่งจริง ๆ ก็เป็นสิ่งที่คำหอมทำอยู่แล้วในคาเฟ่ โดยเฉพาะไซรัปที่ทำเองอยู่เสมอ ๆ เพียงแต่อยากชวนคนที่รู้จริง ๆ มาเป็นคนถ่ายทอดให้ฟัง
นอกจากจะมี Workshop หรือกิจกรรมใหม่ ๆ ในคาเฟ่บ้าง ที่น่าสนใจมาก ๆ คือการมีดีเจเปิดเพลงในคาเฟ่ เกิดจากมีลูกค้าบอกว่า ‘อยากให้มีดีเจในคาเฟ่บ้างจัง กินชากินช็อกโกแลตมาฟังดีเจได้’ ก็เลยชวนดีเจจาก City Boy 4 คนมาเล่นทุกวันเสาร์ครั้งละ 1 ชั่วโมง ซึ่งนี่แหละนำไปสู่การย้ายร้านครั้งที่ 4 ที่ครั้งนี้ได้รวมร้านกับบาร์ไวนิล
คำหอม คาเฟ่ การย้ายครั้งที่ 4 ที่ครั้งนี้ได้ร่วมกับบาร์ไวนิล
คุณซาระเล่าว่า การย้ายร้านทุกครั้งไม่ได้มีเรื่องอะไรลึกซึ้ง เพียงแค่หมดสัญญา แล้วก็มองหาโอกาสใหม่ ๆ เท่านั้นเอง เหมือนกับครั้งนี้ที่พอจะหมดสัญญา ก็เลยได้คุยกันว่าจะเอายังไงดี พี่ ๆ ดีเจที่มาเปิดแผ่นให้เลยคุยกันว่าอยากทำบาร์ ก็เลยจับพลัดจับผลูได้มาทำร้านด้วยกันจริงจังเลย
ซึ่งการย้ายร้านครั้งที่ 4 ก็ไม่ได้ไปไหนไกล มาฝั่งตรงข้ามนี่เอง เพราะชอบย่านนางเลิ้ง-หลานหลวงกันอยู่แล้ว เกิดเป็นร้าน คำหอมคาเฟ่ ในตอนกลางวัน และ Yayyyyy Record Bar มิวสิคบาร์ที่เปิดแผ่นไวนิลล้วน ๆ ในตอนกลางคืน (เดี๋ยวเราพาไปทำความรู้จักกันในครั้งหน้านะ)
ครั้งนี้มาอยู่ในตึกคูหา ที่เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับที่นั่งพอประมาณ เคาน์เตอร์บาร์ขนาดใหญ่ ที่มีฉากหลังเป็นแผ่นไวนิลเยอะมาก ๆ! เป็นการใช้สเปซร่วมกันของคาเฟ่และบาร์ได้แบบลงตัวมาก ๆ คือกลางวันก็ชงเครื่องดื่ม อบขนมกันตรงนี้ บาร์ใหญ่ ๆ ก็วางตู้โชว์ขนมได้ ส่วนพาร์ทกลางคืนก็แค่ยกตู้ขนมลง ดิมไฟหน่อย ก็กลายเป็นบาร์ได้เลยแบบไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไรมาก
ถ้าให้เล่าถึงคอนเซปต์การตกแต่ง คุณซาระบอกเราว่าเรื่องนี้เดี๋ยวให้ยายบาร์เล่าดีกว่า เพราะปล่อยให้ทางบาร์ดีไซน์กันเลย แต่ถ้าให้เล่าประวัติคร่าว ๆ ตึกนี้คือตึกเก่าอายุเกือบ 80 ปีแล้ว เป็นตึกของคุณป้าญาณี ที่แต่เดิมเป็นเหมือนกับหัวหน้าชุมชน ที่เปิดบ้านให้คนแวะเวียนมาปรึกษาเรื่องราวต่าง ๆ และเป็นเหมือนศูนย์รวมของชุมชนด้วย คุณซาระชี้ให้ดูผนังฝั่งหนึ่งของร้านที่มีลายต้นกล้วยว่า
“ผนังที่เห็นก็เป็นของเดิม เราไม่ได้วาดใหม่นะ เป็นสิ่งที่เราเจอหลังเริ่มรีโนเวท แล้วก็ตั้งใจเก็บไว้ ที่เป็นลายใบตอง ไปสืบมารู้ว่าแถวนี้แต่ก่อนเป็นดงกล้วย ที่มีแต่สวนกล้วย ทำให้แถวนี้ดังเรื่องกล้วยทอดด้วย”
โรตีสายไหม กับ ชาไทย ซิกเนเจอร์ของคำหอม คาเฟ่
ซิกเนเจอร์ของ คำหอม คาเฟ่ ตั้งแต่แรกเริ่ม คือ ‘โรตีสายไหม กับ ชาไทย’ โดยตัวโรตีสายไหมจะเป็นสูตรของที่บ้าน แป้งแผ่นเล็ก บางนุ่ม ส่วนสายไหมเส้นจะมีความฟู บาง เนียน นุ่ม ละลายในปากได้ไม่ยาก และหวานกำลังดี ส่วนชาไทย เป็นชาเบลนด์พิเศษที่คัดใบชาจากทางเหนือ สกัดด้วย Moka Pot รีดความหอม และรสชาติชาออกมาได้ชัดเจน
เมนูซิกเนเจอร์ที่ห้ามพลาดคือ ชาไทย สายไหม บราวชูก้า (135 บาท) เป็นชาไทยหอม ๆ รสเข้ม ท็อปด้วยสายไหมเนื้อฟู จะดื่มแล้วกินสายไหมทีละนิดก็อร่อย หรือจุ่มสายไหมให้ละลายลงไปในชา ก็เพิ่มความหวานมันให้กับชาได้ลงตัว
อีกเมนูที่น่าสนใจคือ ชาไทย น้ำส้ม ฟรุ๊ตที (135 บาท) เป็นการสกัดชาดำเข้มข้น กลิ่นหอมฟุ้ง เสิร์ฟคู่กับน้ำส้มสด ที่ให้เลือกเติมผสมได้ตามชอบ
นอกจากเมนูเครื่องดื่มที่รวมสารพัดชา ยังมีเมนูขนมที่เอาความเป็นชาไทยมาผสมผสาน อย่าง เค้กลาวาชาไทย (สอบถามราคากับทางร้านอีกครั้ง) เค้กชาไทยเนื้อชิฟฟ่อนสอดไส้เนื้อมะพร้าว ท็อปด้วยครีมนุ่ม ๆ และลาวาชาไทยรสเข้มข้น เสิร์ฟมากับสายไหม เป็นเมนูที่ได้หลายมิติรสชาติดีมาก
และที่ขอยกให้เป็น Favorite คือ ขนมปังชาไทย ลาวา (สอบถามราคากับทางร้านอีกครั้ง) เมนูหน้าตาบ้าน ๆ ขนมปังเนื้อนุ่มเหมือนที่เคยกินตอนเด็ก ๆ สอดไส้ลาวาเนื้อเนียนแบบล้น ๆ ยิ่งกินแบบอุ่นร้อน ลาวาจะยิ่งเยิ้ม
และปีนี้เราน่าจะได้พบกับโปรเจกต์สนุก ๆ จากร้านคำหอมคาเฟ่ ไม่ว่าจะเป็นสายเวิร์กช็อป ไปจนถึงเมนูใหม่ ๆ ที่ร่วมกับชุมชนมากขึ้น อย่างที่เราได้เห็นแล้วตอนนี้ก็มี เค้กข้าวเม่า ที่เอากล้วยทอดนางเลิ้งเอี๊ยมน้ำเงิน มาครีเอตเป็นเมนูพิเศษด้วย รอติดตามได้เลย
คำหอม คาเฟ่ Come Home.Cafe
เปิดทุกวัน 09:00 – 18:00 น.
ถนนจักรพรรดิพงษ์
MRT สามยาม แล้วต่อพี่วิน | จอดรถได้ที่ฝั่งตรงข้ามร้าน
Google Maps