Coconut Culture ร้าน ไอศกรีม มะพร้าว ที่ตั้งใจให้เราได้ชิมรสชาติแห่งวันวานในแบบสเปเชียลตี มาพร้อมท็อปปิงยกระดับความไทยให้เก๋ขึ้น

หลังจากที่เราเกริ่นมาเล็ก ๆ ในตอนที่เราแวะเวียนไปยังคาเฟ่สุดชิลล์สาขาที่สองของ PULSE ในชื่อ PULSE Phra-Arthit (ไปรู้จักคาเฟ่นี้อีกครั้งได้ที่นี่เลย) ว่าก่อนที่เราจะเดินขึ้นไปยังตัวคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ชั้นสอง ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องผ่าน ร้าน ไอศกรีม มะพร้าว สุดเก๋ที่มาในฟีลไทยโมเดิร์นที่ชั้น 1 อย่าง Coconut Culture (โคโคนัท เคาเจอร์) เสียก่อน แน่นอนว่า Routeen. ก็โดนตกเช่นกัน และอดใจไม่ไหวที่จะเลี้ยวเข้าไปลิ้มลองไอศกรีมหอมมันชื่นใจสักหน่อย

Coconut Culture Bangkok ไอศกรีม มะพร้าว

แน่นอนว่าอยู่อาคารเดียวกับ PULSE Phra-Arthit ขนาดนี้ ร้าน ไอศกรีม มะพร้าว Coconut Culture ก็มี คุณมะนาว – ศศิ เทอดธีระกุล และ คุณวิทย์ – เอกวิทย์ เชพานุเคราะห์ เป็นเจ้าของร้านเช่นกัน แอบย้อนกลับไปสั้น ๆ ว่า โจทย์ที่ได้รับจากการเช่าอาคารคูหานี้คือเจ้าของอาคารไม่แบ่งให้เช่าเฉพาะชั้น แต่ยกให้เช่าทั้งคูหาไปเลย ทำให้ทั้งคู่ต้องคิดอย่างถี่ถ้วนให้มากขึ้นว่าจะพัฒนาแต่ละชั้นออกมาให้เป็นอย่างไรบ้าง ที่แน่ ๆ คือ Coconut Culture นี้เป็นโปรเจ็กต์แรกเลยที่พวกเขาคิดว่าจะทำที่อาคารนี้

หน้าร้าน ไอศกรีม พระอาทิตย์ มะพร้าว ไอติม เจลาโต

ทั้งคุณมะนาวและคุณวิทย์เล่าให้ Routeen. ฟังว่า จริง ๆ แล้วโปรเจ็กต์ร้านไอศกรีมนี้มีมาตั้งนานแล้ว ด้วยนิสัยส่วนตัวที่ชอบมองดูสิ่งรอบตัว หยิบจับด้วยความสงสัยว่าสิ่งนั้น ๆ ที่เราเห็นจนคุ้นเคย มันสามารถไปต่อได้ไกลอีกมากขนาดไหน ด้วยความชอบกิน ไอศกรีม มะพร้าว ของตัวเอง จึงเริ่มมองเห็นอะไรบางอย่างของขนมชนิดนี้ ทั้งความน่ารักที่แอบซ่อนอยู่ ความไทย ๆ ที่มีมาอย่างยาวนาน ไปจนถึงความวาไรตี้ของไอศกรีมมะพร้าว ที่จับคู่กับอะไรก็อร่อย จึงเริ่มเสาะหาไอศกรีมมะพร้าวชิมจากหลากหลายแหล่ง เพื่อจับทางความอร่อยที่มีของไอศกรีมชนิดนี้

ไอศกรีม รสาชติ มะพร้าว กะทิ หอม มัน เย็น สดชื่น อร่อย

“นอกจากนี้ ยังอยากสร้างเฉดของรสชาติของ ไอศกรีม มะพร้าว ที่แตกต่างกันด้วย คล้ายกับเวลาที่เราไปญี่ปุ่น แล้วเจอไอศกรีมชาเขียวทีมีระดับความเข้มต่างกัน ทาง Coconut Culture จึงมีไอศกรีมรสมะพร้าวอยู่ 3 ระดับ”

สิ่งหนึ่งที่พบคือ ไอศกรีม มะพร้าว ที่ได้ลองชิมแต่ละที่ ก็มีเฉดของรสชาติที่แตกต่างกัน บางทีเน้นมัน บางที่สดชื่น บางที่ฉ่ำกะทิ บางที่ใส่นม บางที่เน้นน้ำมะพร้าว ฯลฯ จากความชอบกินในวันนั้น คุณวิทย์ถึงกับลงเรียนการทำไอศกรีม และซื้อเครื่องทำไอศกรีมเล็ก ๆ มาลองทำด้วยตัวเอง เมื่อได้ลงมือไประดับหนึ่ง ก็รู้สึกว่าในบ้านเรา ยังไม่มีไอศกรีมกะทิในแบบของเจลาโตมาก่อน จึงตั้งใจจะทำไอศกรีมมะพร้าว หรือไอศกรีมกะทิเจลาโตนั่นเอง

Coconut Culture Bangkok คาเฟ่ กรุงเทพ ไอศกรีม มะพร้าว กะทิ

ถึงอย่างนั้น เจลาโตที่หมายมั่นไว้ก็ตั้งใจว่าจะไม่ใช้นม แต่เลือกที่จะหยิบเอามาะพร้าวและกะทิมาใช้แทน (เป็นที่มาว่าทำไมทางร้านจึงไม่ออกตัวว่าเป็นไอศกรีมเจลาโต แค่มีกรรมวิธีการทำแบบเจลาโต เพราะไม่มีนมเป็นส่วนประกอบตามหลักการผลิตเจลาโตนั่นเอง) และก็ได้ค้นพบในเวลานั้นว่า เจ้ามะพร้าวและกะทิที่มาใช้แทนนมมันสามารถเข้ากับวัตถุดิบหลากหลายและสนุกในการมิกซ์รสชาติต่าง ๆ อยู่ไม่น้อย แถมยังได้เสน่ห์จากกลิ่นของกะทิที่ซ่อนอยู่ในแต่ละรสชาติเพิ่มเติมอีกด้วย

มะพร้าว กะทิ บ้านแพ้ว มะพร้าวเผา ไอติม ไอศกรีม

นอกจากนี้ ยังอยากสร้างเฉดของรสชาติของ ไอศกรีม มะพร้าว ที่แตกต่างกันด้วย คล้ายกับเวลาที่เราไปญี่ปุ่น แล้วเจอไอศกรีมชาเขียวทีมีระดับความเข้มต่างกัน ทาง Coconut Culture จึงมีไอศกรีมรสมะพร้าวอยู่ 3 ระดับ เริ่มที่ Rich Coconut ที่มีระดับความเข้มมากที่สุด ไล่ลงมากับรสชาติกลาง ๆ มีความคลาสสิก ที่ใช้มะพร้าวบ้านแพ้ว มาทำ และระดับสุดท้ายกับ มะพร้าวเผา จะออกไปทางน้ำมะพร้าวไลต์ ๆ และมีเนื้อมะพร้าวด้วย

รวมถึงไอศกรีมรสชาติอื่น ๆ อีกทั้งสิ้น 19 รสชาติ แต่ในหนึ่งวันจะมีจำหน่ายที่ 14 รสชาติ หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไป ออกมาเป็น Coconut Culture ที่ได้ชื่อมาจากการกินของคนไทยก็เหมือนเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง ไอศกรีมมะพร้าวและกะทิที่เรากินกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ ก็เหมือนวัฒนธรรมการกินที่สนุกสนานและอร่อยมาอย่างยาวนานเช่นกันนั่นเอง

โคโคนัท คัลเจอร์ ไอศกรีม มะพร้าว

ด้วยความที่วางให้ Coconut Culture เปรียบดั่งคนไทยร่วมสมัยคนหนึ่งที่ไม่มีความซับซ้อนมาก ดูซื่อ ๆ หน่อย งานตกแต่งของตัวร้านเลยมาแบบไทย ๆ แต่มีความโมเดิร์นมาด้วย เช่นการหยิบลายผ้าถุง ลายผ้าขาวม้า มาทอนรายละเอียดออกให้กลายเป็นสีสันของกระเบื้อง หรือโปสเตอร์ประดับในร้าน ไปจนถึงการเลือกเฟอร์นิเจอร์ เก้าอี้ที่ใช้เก้าอี้สแตนเลสพับ และเก้าอี้สานรวม ๆ กัน ชื่อร้านที่เลือกรูปแบบคล้ายป้ายสมัยโบราณที่เห็นชื่อชัด ๆ หยิบเอาสีน้ำเงินที่มีความร่วมสมัยและสไตลิสต์ มาเจอกับสีเขียวและสีน้ำตาลที่ให้ความรู้สึกดั้งเดิม

Super Coconut Butter Grilled Corn

มาถึงที่นี่ต้องลองซิกเนเจอร์อย่าง Super Coconut Butter Grilled Corn (180 บาท) ที่รวมตัวท็อปของทางร้านเอาไว้เต็มถ้วย ทั้งไอศกรีมคลาสสิคโคโคนัท ที่เน้นความสดชื่น และริช โคโคนัท ที่เต็มไปด้วยความหอมมัน มาพร้อมท็อปปิงที่น่าสนใจอย่างมะพร้าวกระฉีก ข้าวโพดย่างเนย เนื้อมะพร้าวอ่อน วาฟเฟิลกรอบแป้งทองม้วน และคุกกี้ไข่เค็มที่มาในทรงต้นมะพร้าว

Pistachioh! พิสตาชิโอ ไอศกรีม มะพร้าว Coconut Culture

อีกถ้วยกับ Pistachioh! (190 บาท) ที่เอาใจคนรักพิสตาชิโอมาก ๆ กับไอศกรีมพิสตาชิโอ 2 สกูป วางบนวาฟเฟิลทองม้วน โรยด้วยพิสตาชิโอคั่วบดแบบจุก ๆ และปักด้วยคุกกี้ไข่เค็ม ถ้วยนี้บอกเลยว่ารสชาติพิสตาชิโอมันแตกซ่านทั่วกระพุ้งแก้มมาก ๆ แถมยังได้ความเป็นมะพร้าวที่ช่วยเสริมรสชาติของพิสตาชิโอได้ดีสุด ๆ

สำหรับใครที่อยาก DIY ถ้วยไอศกรีมของตัวเองก็สามารถเลือกรสชาติที่ชอบได้เลย (สกูปละ 90 บาท 2 สกูป 160 บาท) และจัดท็อปปิงได้ตามใจ โดยมีให้เลือกมากกว่า 15 อย่าง (ท็อปปิงละ 20 บาท ยกเว้นวาฟเฟิลทองม้วน 40 บาท ขนมปังปิ้งเนย 40 บาท และคุกกี้ไข่เค็ม 25 บาท) เรียกว่าใครอยากลองไอศกรีมมะพร้าวกะทิที่เราคุ้นเคยในแบบพรีเมียมขึ้น เข้มข้นขึ้น ต้องลองมาพิสูจน์ด้วยตัวเองที่ Coconut Culture แล้วล่ะ

Coconut Culture Bangkok
เปิดทุกวัน เวลา 11:00 – 21:00 น.
ถนนพระอาทิตย์ ชนะสงคราม 
MRT สนามไชย แล้วต่อพี่วินหรือแท็กซี่ | จอดรถได้ที่ Sheepshank, Muay Thai Street และวัดชนะสงคราม (มีค่าจอด)

google maps