ใครที่ชอบฮอปปิงย่าน เจริญกรุง – ตลาดน้อย ต้องเตรียมอ้าแขนต้อนรับบาร์ใหม่ที่กำลังมาในเวลานี้อย่าง Clutch BKK (คลัตช์ แบงคอก) กันเลย เพราะนี่คือบาร์ (ไม่) ลับ ที่ใครหลายคนอาจยังไม่รู้จัก แต่เราอยากให้รู้จักมาก ๆ เพราะไม่ใช่แค่เป็นบาร์สุดจัดจ้านที่แอบเท่แบบเจียมตัว แต่มีอะไรซ่อนอยู่เยอะไปหมดแล้ว ยังตั้งอยู่ในสเปซที่ Routeen. เองก็จับตามองอยู่ว่าจะเท่ไปไหนอย่าง The Warehouse อีกด้วย
หลายคนอาจยังสงสัยว่า The Warehouse ตั้งอยู่ที่ไหนของเจริญกรุง เป็นอะไรกับ Warehouse 30 ที่ตั้งอยู่ในย่านเดียวกันหรือเปล่า ต้องบอกว่าทั้งสองที่นี้ไม่เกี่ยวกันเลย และไม่ได้ตั้งอยู่ใกล้กันแต่อย่างใด โดย The Warehouse ตั้งอยู่ริมถนนเจริญกรุง ถัดจากซอยนี้จงสวัสดิ์ไปเล็กน้อย และหากดูแบบผ่าน ๆ แล้ว คงยิ่งสงสัยว่า แล้วตึกแถวขนาด 5 คูหาติดกันที่มีป้าย บริษัท ว่องไววิทย์ จำกัด นี้ มันเป็นโกดังอย่างไรกันนะ
จุดนี้คงไม่มีใครตอบคำถามได้ดีเท่า คุณเก่ง – สุริยา เสถียรศรี ผู้ก่อตั้ง The Warehouse รวมถึงบาร์อย่าง Clutch BKK ด้วย คุณเก่งเล่าให้ Routeen. ฟังว่า ที่นี่เดิมทีเป็นโกดังร้างมายาวนานกว่า 30 ปีโดยที่ไม่ได้ใช้งาน และไม่ได้ถูกบูรณะใด ๆ โดยในอดีตเป็นกิจการนำเข้าเครื่องจักรจากต่างประเทศประเภทเครื่องกลึงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ครอบครัวของรุ่นน้องที่คุณเก่งรู้จัก พอเห็นสเปซนี้แล้วก็รู้สึกชอบ จึงสนใจที่จะพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ขึ้นมา
ตั้งใจว่าใอยากให้พื้นที่นี้เป็น Community Space แห่งใหม่ของเจริญกรุง อยากมีมาร์เก็ตที่ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้โดยไม่มีเงื่อนไขที่มาปิดกั้นโอกาส ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
“เราได้เห็นความแมน ๆ ในสไตล์ Mid Century และความสีสัน ๆ สนุก ๆ เข้ามาอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว สอดคล้องกับความต้องการที่อยากให้ Clutch BKK เป็นพื้นที่สำหรับทุกคน ไม่ว่าเพศไหน วัยใด ก็อยู่ด้วยกันได้หมด ซึ่งชื่อบาร์เองก็หยิบ Clutch ที่สื่อถึงความวินเทจ แอนะล็อก แบบรถมีเกียร์คลัตช์มาใช้นั่นเอง”
รวมถึงจะตามหาร้านค้าต่าง ๆ ทั้งร้านอาหาร ร้านแฟชั่น และร้านอะไรก็ได้สำหรับผู้ที่มีแพชชั่นมาเปิดพื้นที่ในโครงการ รวมถึงหากใครที่สนใจจะมาเปิดป๊อปอัปใน The Warehouse ระยะเวลาสั้น ๆ สองสามสัปดาห์เพื่อทดลองตลาด หรืออยากให้ผู้คนรู้จัก และเติบโตไปด้วยกัน ก็สามารถเข้ามาจอยได้โดยไม่มีค่าเช่าอีกด้วย (เลิฟตรงนี้!)
ความเท่ของ The Warehouse คงต้องยกให้พื้นที่ที่แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรจากเดิม (แม้จะมาอายุมาหลายสิบปีแล้วก็ตาม) นี่เป็นความตั้งใจของคุณเก่งเองที่ชอบอะไรคลาสสิค ๆ เดิม ๆ อยู่แล้ว และเมื่อดูจากโครงสร้างของอาคารเองก็ยังแข็งแรง ด้วยการก่อสร้างเดิมที่ใช้คานหนามาก กับโครงสร้างที่มีเสาน้อยอยู่แล้ว เพื่อให้รับน้ำหนักของเครื่องจักรตัวใหญ่ และมีพื้นที่วางเครื่องจักรได้พอ
โดยมีพื้นที่ด้านหน้าเป็นตึกแถวที่ขนานกับถนนจำนวน 5 ชั้น (ไม่รวมชั้นดาดฟ้า) และหลังตึกแถวจะเป็นโกดังเหล็กใหญ่อีกหนึ่งหลัง ที่ปรับเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่ใช้งานในรูปแบบเดิมมากที่สุด
เราจึงจะได้เห็นร้านกาแฟที่อยู่บริเวณชั้น 1 ของตึกแถว ร้านเสื้อผ้าที่อยู่ชั้นลอย ฮิปฮอปบาร์ในห้องเล็ก ๆ ที่ชั้นสาม หรือบันไดที่สามารถขึ้นไปยังตัวบาร์ได้หลายทาง นั่นล้วนเป็นโครงสร้างเดิมของพื้นที่ทั้งหมดนั่นเอง
ถึงอย่างนั้น ก็ขอแบ่งพื้นที่ของชั้น 2 ในโครงการมาเปลี่ยนเป็นแอนะล็อกบาร์อย่าง Clutch BKK สักหน่อย เพราะตัวคุณเก่งเองในอดีตก็เคยเปิดคลับมาก่อนที่สีลมซอย 4 บวกกับเป็นคนที่ชอบฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะเพลงเก่าผ่านแผ่นไวนิลที่สะสม จึงอยากทำ Analog Bar (แอนะล็อกบาร์) ขึ้น
โดยรื้อโครงสร้างมวลเบา (ที่ก่อนหน้านี้น่าจะกั้นไว้เป็นห้องพักคนงานมาก่อน) ออก กลายเป็นพื้นที่โล่ง 4 คูหาต่อกัน บุผนังและเพดานซับเสียงใหม่เพื่อไม่ให้รบกวนเพื่อนบ้าน ส่วนอีก 1 ห้องที่ยังเหลืออยู่ก็ทุบกำแพงให้เป็นช่องแบบดิบ ๆ แล้วให้เป็นพื้นที่ห้องสุขาแทน
ฝั่งซ้ายมือของบาร์เป็นที่ตั้งของเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่ ที่ด้านหลังตกแต่งด้วยของวินเทจที่เป็นของสะสมของคุณเก่งเอง ด้วยเป็นคนชอบเครื่องยนต์ รถยนต์คลาสสิค มอเตอร์ไซค์วินเทจ ฟังเพลง แถมยังมีแผ่นไวนิลเพลงเก่าสะสมมากว่า 4,000 แผ่น คุณเก่งจึงขนของสะสมต่าง ๆ แผ่นไวนิลมาตกแต่งที่ Clutch BKK และยังใช้เปิดได้จริง ๆ อีกด้วย โดยบริเวณสเตชันของ DJ จะมีเครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบแอนะล็อกตั้งอยู่ (แต่ก็ยังมีเทิร์นเทเบิลแบบดิจิทัลสำหรับผู้ใช้งานรุ่นใหม่ด้วยนะ)
ส่วนเฟอร์นิเจอร์เองก็ได้ คุณแอน – อินทิรา ธนวิสุทธิ์ มาช่วยเลือกให้ (รวมถึงคุณเก่งด้วย) เราจึงได้เห็นความแมน ๆ ในสไตล์ Mid Century และความสีสัน ๆ สนุก ๆ เข้ามาอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว สอดคล้องกับความต้องการที่อยากให้ Clutch BKK เป็นพื้นที่สำหรับทุกคน ไม่ว่าเพศไหน วัยใด ก็อยู่ด้วยกันได้หมด ซึ่งชื่อบาร์เองก็หยิบ Clutch ที่สื่อถึงความวินเทจ แอนะล็อก แบบรถมีเกียร์คลัตช์มาใช้นั่นเอง
เครื่องเสียงได้ คุณต๋อง จาก Analoglism มาช่วยดูแลให้ (ในส่วนของบาร์เองเลือกใช้ JBL 4350 ซึ่งถือเป็นตัวท็อปของแบรนด์ที่หลายสตูดิโอและห้องอัดเสียงขนาดใหญ่ระดับโลกใช้)
โดยไม่ใช่เฉพาะใน Clutch BKK เท่านั้น แต่รวมไปถึงพื้นที่ของ The Warehouse ทั้งหมด ก็มีการวางระบบเครื่องเสียงที่แตกต่างกันในแต่ละชั้น และเลือกลำโพงวินเทจแต่ละรุ่นที่เหมาะสมกับแนวเพลง และไวป์ของแต่ละชั้นอีกด้วย ซึ่งเรื่องแนวเพลงที่สร้างไวป์ในแต่ละชั้น ก็ได้ คุณเมย์ – ภควัฒน์ ไววิทยะ อดีตหนึ่งในสมาชิกของวง Kidnapper มาช่วยดูให้
อีกทั้งระบบไฟก็ยังได้ดีไซน์เนอร์จากญี่ปุ่นอย่าง Eijisumi มาช่วยออกแบบให้อีก เรียกว่าบรรยากาศทั้งแสง สี เสียง คือประสบการณ์ที่ Clutch BKK ตั้งใจมอบให้นักดื่มอย่างเราสุด ๆ
ตัวค็อกเทลเองแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่นิ่ง และอาจมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมอีกในอนาคต แต่ปัจจุบันนี้ก็มีให้เราลองถึง 6 ตัว โดยครีเอตมาจากเพลงในยุค 70-80’s เอง เริ่มที่ Ban Sai Thong (300 บาท) ที่มีความหอมหวาน โดยได้ความหวานมาจากรัม และส่วนผสมพิเศษอย่างน้ำผึ้งและลำไยไซรัปจาก Local Community สร้างบาลานซ์ด้วยเลมอน ตกแต่งปากแก้วด้วยลำไยสด
Oh Pretty Woman (300 บาท) เบส Gin ที่มีกลิ่นขิงเป็นอาฟเตอร์เทสต์ และสีสันจากน้ำกระเจี๊ยบ เหมาะกับผู้ที่ชอบความเฮิร์บ ๆ หน่อย สไปซ์นิด ๆ แต่ถ้าชอบแก้วเปรี้ยว ๆ ต้องลอง Passion Dance (300 บาท) เตกิลากับเสาวรส ดึงความเสาวรสให้ชัดเจนด้วย Coffee Liquor
A Taste Of Honey (300 บาท) ตัวนี้จะทวิสต์มาจาก Classic Cocktail อย่าง Whisky Sour ที่มีเบสเป็นวิสกี้ อินทผาลัมและน้ำผึ้งโฮมเมด สร้างบาลานซ์ด้วยเลมอน และความนุ่มด้วยโฟมไข่ขาว ถูกใจสายเข้ม ๆ เลย แต่ถ้าจะเข้มที่สุดในร้านยกให้ Saneha (300 บาท) ที่ทวิสต์มาจาก Negroni เบสเป็น Thai Local Gin จากภูเก็ตที่ชื่อเดียวกับค็อกเทลแก้วนี้ และเปลี่ยนจาก Campari เป็น Aperol แทน เพื่อลดความขมปลายลง
สุดท้ายกับ Be My Baby (300 บาท) ไวน์ขาว บาลานซ์ด้วยพีชและ Tea Cordial ถูกใจสาว ๆ
แอบบอกว่าในอนาคตจะมีบาร์ลับ (ที่เราแอบสปอยล์ก่อนเลย จะไม่ลับอีกต่อไป) เป็น Mezcal Bar ที่ต้องเดินเข้าไปทางห้องน้ำหญิงถึงจะเจอ เรียกว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งบาร์ที่น่าแวะในย่านเจริญกรุงอีกแห่งที่เราต้องจดลิสต์เอาไว้เลย
Clutch BKK
เปิดทุกวันพุธ – อาทิตย์ เวลา 18:00 – 02:00 น.
โครงการ The Warehouse ชั้น 2 ถนนเจริญกรุง
(The Warehouse เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 02:00 น.)
MRT หัวลำโพง แล้วเดิน หรือนั่งพี่วิน | มีที่จอดรถ (มีค่าบริการ)