ใครยังไม่เคยเห็นคาเฟ่ใหม่ ที่มีลูกเชอร์รี่สีแดงสดไซซ์ยักษ์ใหญ่ตั้งอยู่ในร้าน ระวังตกเทรนด์ เพราะนี่คือคาเฟ่เปิดใหม่ที่ป๊อปสุด ๆ ย่านปิ่นเกล้า ที่อยู่ในตึกถึง 4 ชั้น ชื่อว่า Cham Thing
Cham Thing ไม่ใช่แค่คาเฟ่ธรรมดา ๆ เพราะอยู่ในฟอร์มของตึกมิกซ์ยูส ที่รวมหลาย ๆ อย่างในที่เดียวกัน ทั้งคาเฟ่ มัลดิแบรนด์สโตร์ ร้านอาหาร บาร์ และสตูดิโอ ตั้งอยู่ปากซอยบรมราชชนนี 12 พอดี เราเชื่อว่าสายแฟชั่นน่าจะคุ้น ๆ กับชื่อ ‘Cham’ กันบ้าง เพราะ Cham Thing เป็นคาเฟ่ฝีมือคุณ ก้อง – ธวัชชัย สาริสุทธิ์ เจ้าของแบรนด์แฟชั่น ทั้ง c.h.m.official และ cham.him ที่ปักหลักอยู่ใน Instagram มานานนี่เอง

จากเจ้าของแบรนด์แฟชั่น สู่เจ้าของร้านคาเฟ่ไซซ์ใหญ่ เป็นไอเดียของคุณก้อง ที่อยากเปิดคาเฟ่เป็นของตัวเอง ส่วนหนึ่งมาจากประสบการณ์ส่วนตัว ที่เวลาจะถ่ายแบบโปรโมทชุด ต้องไปเช่าถ่ายตามคาเฟ่บ่อย ๆ บางทีจะเจอปัญหา ชุดพร้อม นางแบบพร้อม แต่สถานที่ไม่พร้อม หรือสถานที่พร้อมแล้ว แต่ตัวเองดันไม่พร้อม เลยมีความคิดว่า “ถ้าสามารถคอนโทรลสิ่งเหล่านี้ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า คาเฟ่ สตูดิโอ ก็จะน่าจะดีนะ”
และจริง ๆ ตอนแรกมีความคิดแค่อยากเปิดคาเฟ่เล็ก ๆ ที่เอาไว้นั่งทำงาน คุยงานได้ด้วย มีเครื่องกาแฟเล็ก ๆ บาริสต้าสักคน ก็น่าจะเอาอยู่ เหมือนเวลาไปเห็นร้านกาแฟที่เชียงใหม่ เค้าก็ทำเล็ก ๆ ได้ พอมีความไอเดีย ก็เริ่มแพลนจริงจังตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว หาโลเคชัน วางไว้เป็นเป้าหมายว่าจะต้องเปิดให้ได้ในปี 2024

ที่บอกว่าอยากเปิดคาเฟ่เล็ก ๆ แต่ที่เราได้มาเยือน มีหน้ากว้างถึง 3 คูหา สูงอีก 4 ชั้น เชื่อแล้วว่าการจะเปิดคาเฟ่เล็ก ๆ ไม่มีอยู่จริง ที่เห็นไซซ์ใหญ่ขนาดนี้ เพราะเดิมทีตึกนี้เป็นธนาคารเก่า คุณก้องบอกเราว่านี่คือความบังเอิญ มาเจอเค้าติดป้ายให้เช่าแล้วรู้สึกชอบมาก แอบซุ่มแวะมาดูเช้าเย็นอยู่หลายวัน พอได้คุยก็พบว่า ถ้าจะเช่าต้องเช่าทั้งหมด แบ่งไม่ได้ ด้วยความที่ถูกชะตาไปแล้ว เลยตัดสินใจเอาตรงนี้แหละ เรียกว่าเป็นไงเป็นกัน
“พอเห็นว่าตัวตึกพื้นที่มันใหญ่มาก เลยกลับมานั่งคิดว่า นอกจากคาเฟ่จะทำอะไรได้อีก ที่จะมาช่วยเติมเต็มตึกนี้ได้ ร้านอาหารก็พอจะทำได้นี่ สตูดิโอ ก็เคยไปเห็นมาหมดแล้ว Multi-brand Store ก็ทำได้ เลยค่อย ๆ ลงดีเทลในแต่ละชั้น”


ด้วยความที่พื้นที่มันใหญ่มาก (มาก ๆ) เลยต้องหาโปรเจกต์อื่น ๆ มาช่วยเติม จากคาเฟ่เล็ก ๆ ก็งอก ชั้น 2 เป็น ร้านอาหารและบาร์ ขึ้นมาซึ่งเปิดให้บริการแล้ว ส่วนชั้น 3 วางไว้ว่าเป็น สตูดิโอให้เช่า (เร็ว ๆ นี้) เพราะมองว่าตัวเองทำแบรนด์เสื้อผ้าอยู่แล้ว พอจะนึกออกว่าสตูดิโอต้องเป็นประมาณไหน และที่น่าสนใจคือชั้นดาดฟ้า ที่บรรยากาศกลางคืนมีความนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ลมเย็น ๆ มู้ดดีมาก เลยเกิด รูฟท็อปบาร์ อีกชั้น (เร็ว ๆ นี้)



ฝั่งชั้น 1 นอกจากจะเป็นโซนคาเฟ่ ยังมีมุม Multi-brand Store ให้มาเลือกช้อปปิ้งกันได้ พร้อมทั้งเปิดพื้นที่เป็น Free Space สำหรับจัดงานนิทรรศการหมุนเวียน จากความตั้งใจของคุณก้องที่ก็เรียนศิลปะมา มีเพื่อน ๆ ที่เป็นศิลปินค่อนข้างเยอะ เลยอยากเปิดพื้นที่ให้มาแสดงงานกัน วางไว้ว่า 1 ปี จะมีแกลเลอรี่หมุนเวียนถึง 12 งานเลย อย่างงานแรกที่ผ่านไปเป็นผลงานของ temjaicholsiri
Cham Thing ทำคาเฟ่ ให้เป็นแฟชั่น

ด้วยความคนทำแบรนด์แฟชั่น Cham Thing เลยถ่ายรูปสวยทุกมุม! แต่ละมุมก็จะได้ฟีลลิ่งที่ต่างกัน และตั้งใจเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว ที่สามารถหมุนเวียน เปลี่ยนฟอร์มไปได้เรื่อย ๆ ที่น่าสนใจคือคุณก้องมองว่าคาเฟ่มันก็คือแฟชั่น อย่างคนเราไม่สามารถใส่เสื้อตัวเดิม ๆ ได้ในระยะเวลาหนึ่งปีได้ คาเฟ่ก็เหมือนกัน ถ้าถ่ายรูปมุมเดิม ๆ เป็นระยะเวลา 1 ปี 3 ปี มันก็ช้ำ เลยมีแผนหมุนเวียนสเปซอยู่เรื่อย ๆ
และโทนของสีร้านยังเฟรนด์ลี่กับการถ่ายรูปมาก ๆ คุณก้องบอกเราว่า นี่คือโจทย์ที่ตั้งไว้เลย เวลาไปถ่ายรูป ถ่ายแบบ ก็ใช้มือถือเป็นหลักอยู่แล้ว เลยอยากให้ที่นี่ใคร ๆ ก็มาใช้มือถือถ่ายแล้วสวยเลย เลยตั้งใจใช้เป็นสีผนังสีครีม ที่ทำให้ถ่ายรูปสวย หน้าไม่ดรอป
“แน่นอนอยู่แล้วว่าคนมาคาเฟ่ นอกจากกินขนม ดื่มกาแฟ ก็หนีไม่พ้นการถ่ายรูป ผมเปรียบเทียบคาเฟ่คือแฟชั่น ที่มีความมาไวไปไว แต่จะทำยังไงให้อยู่ได้นาน ก็เลยมาคิดว่า เราทำอยู่ในวงการเสื้อผ้ามา 11 ปี แล้วก็ยังขายอยู่จนถึงตอนนี้ แล้วทำไมเราจะทำคาเฟ่ให้เป็นแฟชั่นไม่ได้”

ไฮไลต์ของร้านคือลูกเชอรรี่ยักษ์ ถามว่าทำไมต้องมี Sculpture ที่ใหญ่ขนาดนี้ ก็เป็นเพราะแฟชั่นอีกนั่นแหละ คุณก้องเล่าว่าเวลาดูเทรนด์แฟชั่น ก็จะดูเทรนด์สีก่อนว่าปีนี้เทรนด์สีอะไรมา จะทำคอลเลกชันนี้ ตอนนี้เทรนด์อะไรมา ก็พบว่าเชอร์รี่กำลังมานะ มีหลายแบรนด์ใหญ่ ๆ หยิบเชอร์รี่ไปเล่นแล้ว แต่ฝั่งคาเฟ่ยังไม่เห็น เลยวางให้เป็นนางเอกของร้านไปเลย
เชอร์รี่ ไม่ใช่แค่ Sculpture แต่เป็น Signature
เชอร์รี่ไม่ได้หยิบมาใช้แค่การแต่งร้าน แต่ยังเอามาเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของร้านด้วย แต่ละชั้นก็จะมีซิกเนเจอร์เป็นเชอร์รี่ต่างกัน ทั้งฝั่งของกาแฟ และบาร์ เลือกใช้เป็นเชอร์รี่จากชิลี คัดไซซ์ให้ได้ลูกใหญ่มาตรฐาน ซึ่งสูตรเครื่องดื่มฝั่งคาเฟ่ทางคุณก้องครีเอตขึ้นมาเองเลย

เราได้ลองทั้ง Latte Cherry Signature (180 บาท) ลาเต้คั่วกลาง ที่ใส่ไซรัปเชอร์รี่เพื่อเพิ่มกลิ่นเบา ๆ เพิ่มเลเยอร์ด้วยวิปครีมที่ตีเอง ท็อปด้วยสตรอว์เบอร์รีฟรีซดราย เป็นแก้วที่ดื่มกาแฟแล้วจะรู้สึกเหมือนกินกาแฟเชอร์รี่ มีกลิ่นฟรุตตี้นิด ๆ

สายกาแฟผลไม้ก็มี Coffee Shot Orange Juice (140 บาท) น้ำส้มสด ผสมกับอเมริกาโน่คั่วกลาง ให้ความเปรี้ยวฝาดนิด ๆ สดชื่นดี


สาย non-coffee ต้องลอง Yuzu Soda (90 บาท) ทางมิกซ์ไซรัปขึ้นมาใหม่จนได้รสชาติเฉพาะตัว เพิ่มเนื้อผลไม้และน้ำเลมอน ให้ความเปรี้ยวหวานสดชื่นและหอมยูซุดี อีกแก้วเป็น Mixed Berry Soda (120 บาท) ไซรัปที่ทางร้านมิกซ์ใหม่ ท็อปด้วยผลไม้สด ทั้งสตรอว์เบอร์ รีเบอร์รี่ และเชอร์รี่

ฝั่งขนมทางร้านสั่งทำพิเศษสูตรเฉพาะของร้าน มีคาแรกเตอร์คือหวานน้อย และทำสดใหม่แทบจะวันต่อวันเลย มาถึงต้องลอง Cherry Cheese Tart (129 บาท) เมนูที่เอาเชอร์รี่มาเป็นวัตถุดิบหลัก ตัวซอสแยมเบอร์รี่มีความเปรี้ยวนิด ๆ ท็อปด้วยผลไม้ แนะนำให้กินเชอร์รี่ก่อนแล้วค่อยกินครีม จะมีความกลมกล่อมเข้ากันดี


Blueberry Cake (129 บาท) เค้กครีมหน้าตาไม่หวือหวาแต่อร่อย เนื้อเค้กเนื้อครีมหวานน้อยตัดกับรสผลไม้กำลังดี Banoffee Pie (149 บาท) บานอฟฟี่ที่มาแบบแยกเลเยอร์ ไม่หวานมาก กำลังดีเลย

และที่เราชอบมาก ยกให้ Hokkaido Doughnut Custard Dip (95 บาท) ฮอกไกโดโดนัทเนื้อนุ่มฟู รสชาตินวล ๆ ไม่หวาน มากับซอสนมฮอกไกโดโฮมเมด กินเปล่า ๆ ก็อร่อย กินกับซอสชุ่ม ๆ ก็เข้ากันดีมาก
ชาวปิ่นเกล้าที่กำลังหาคาเฟ่ชิค ๆ ลองแวะมาอัปเดตกันได้เลย มีที่จอดรถด้านในด้วยนะ ทางร้านจองพื้นที่ไว้ประมาณ 10 คัน (สังเกตุกรวยสีดำ) ส่วนงานนิทรรศการก็คอยติดตามงานใหม่ ๆ กันได้ มีอัปเดตทุกเดือนเลยล่ะ
Cham Thing
เปิดทุกวัน 09:00 – 18:00 น. (เสาร์ – อาทิตย์ เปิด 19:00 น.)
ซอย บรมราชชนนี 12
MRT บางยี่ขัน แล้วต่อพี่วิน | มีที่จอดรถด้านใน
Google Maps