หลายคนน่าจะเคยได้ยินประโยคกวน ๆ ที่ว่า “อยากให้เราสนิทกัน เหมือนที่จรัญสนิทวงศ์” กันมาบ้างแล้ว (อ๊ะ อย่าบอกนะว่าไม่เคย) แม้จะดูเหมือนเป็นแค่ประโยคหมาหยอกไก่ แต่ถ้าได้มา คาเฟ่ น้องใหม่ล่าสุดของฝั่งธนในย่าน จรัญสนิทวงศ์ อย่าง Canvad Cafe (แคนวาด) ก็น่าจะเชื่อว่า คนจรัญฯ เขาอยากสนิทกับเราด้วยจริง ๆ จนมีคาเฟ่ที่อยากเป็นคอมมูนิตีให้ทุกคนได้มาจอยกันที่นี่นั่นเอง
แม้จะเข้ามาในซอยที่คดเคี้ยวสักหน่อย แต่ Canvad Cafe ก็ไม่ใช่ คาเฟ่ ที่ลึกลับขนาดนั้น กลับกัน ที่นี่ถือเป็นคาเฟ่ที่กลมกลืนกับเพื่อนบ้านในซอยนี้มาก ๆ เพราะดัดแปลงเอาบ้านเก่า (ที่ปัจจุบันก็ยังใช้เป็นที่อยู่อาศัยอยู่นะ) มาเป็นคาเฟ่ได้อย่างน่าสนใจ แถมยังมีหนุ่ม ๆ ทั้ง 4 ที่คอยดูแลและจัดการร้านรอต้อนรับพวกเราอยู่ด้วย Routeen. จึงไม่พลาดที่จะเต๊าะ เอ๊ย นั่งคุยนั่งเล่นกับพวกเขาสักหน่อย
คุณกานต์ – สรชัช สุทธิวรฤทธิ์, คุณโฟลท – สาริน จิระสินวิมล, คุณโฟม – สิทธา จิระสินวิมล และ คุณกัตต้า – ภูริทัต ศรีวิชธนุตานนท์ คือกลุ่มเพื่อนที่เพิ่มจบจากมหาวิทยาลัยมาหมาด ๆ แล้วมาร่วมกันเปิดบ้านหลังเล็ก ๆ หลังนี้ จริง ๆ แล้วบ้านหลังนี้เป็นของคุณโฟมเอง แต่หลายพื้นที่ในบ้านกลับไม่ได้ถูกใช้งานในปัจจุบัน จึงมองว่าอยากพัฒนาบ้านหลังนี้ขึ้นมา สุดท้ายจึงมาจบที่ คาเฟ่
เพราะพวกเขามองว่า ด้วยโลเคชันเองที่อาจไม่ได้เดินทางสะดวกมากนัก แต่หากเป็น คาเฟ่ ที่ถูกใจพวกเขา สายคาเฟ่ฮอปปิงก็น่าจะแวะเวียนกันมาได้ไม่ขาดสาย แต่หากเป็นธุรกิจที่ต้องพึ่งที่ตั้งเป็นหลัก อาจมีข้อเสียเปรียบตรงจุดนี้ รวมถึงคุณกัตต้าเองก็เป็นคนที่สนใจในเรื่องกาแฟ และเป็นโฮมบาริสตาอยู่แล้วด้วย พอมีคนที่รู้เรื่องกาแฟ หรือการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ อยู่ในกลุ่ม จึงคิดว่า คาเฟ่ น่าจะตอบโจทย์ของพวกเขาเองด้วยเช่นกัน
“เมื่อเปิดประตูร้านเข้ามา สิ่งแรกที่เราเจอกลับไม่ใช่เคาน์เตอร์เครื่องดื่มให้เราได้สั่ง แต่ทางร้านต้อนรับเราด้วยงานศิลปะหลากหลายชิ้นที่วางอยู่มุมหนึ่ง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจหลักของ Canvad Cafe ที่อยากให้เป็น คาเฟ่ ที่สามารถมาทำกิจกรรมได้ โดยหยิบการวาดภาพมาเป็นตัวเชื่อม เพราะเชื่อว่าเป็นกิจกรรมที่ไม่ว่าใครก็สามารถเอนจอยกับมันได้”
ทีม Canvad Cafe ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรของตัวบ้านมากนัก และพยายามคงตัวบ้านเอาไว้ให้เหมือนเดิมได้มากที่สุด คุณกานต์และคุณโฟมเองจบอินทีเรียมา จึงเป็นหัวหอกสำคัญในการไขไอเดียกันว่าจะออกแบบ คาเฟ่ แห่งนี้เป็นแบบไหน ตัวร้านใช้พื้นที่ชั้นหนึ่งทั้งหมด (เพราะชั้นสองยังเป็นที่อยู่อาศัยอยู่) ทำการรื้อสิ่งของต่าง ๆ ในบ้านออกให้โล่ง เลาะฝ้ายิปซัมออกเพื่อโชว์คานไม้และพื้นไม้ชั้นสองที่ยังสวย และช่วยเพิ่มสเปซให้ดูสูงโปร่งขึ้น รวมถึงพื้นกระเบื้อง และวัสดุผนังไม้ ก็เป็นของเดิมทั้งสิ้น
ความเก๋จุดหนึ่งของบ้านหลังนี้คือ เคาน์เตอร์ไม้ทรงหกเหลี่ยมผ่าครึ่งเล็ก ๆ ที่ตอนนี้ถูกแปลงเป็นเคาน์เตอร์ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟของร้าน ก็เป็นเคาน์เตอร์เดิมที่บ้านหลังนี้มีอยู่แล้ว ด้วยความที่อากงของเจ้าของบ้านเป็นคนชอบดื่ม จึงสร้างเคาน์เตอร์นี้ขึ้นมาเป็นบาร์ในบ้านเล็ก ๆ เอาไว้สังสรรค์กับเพื่อน ๆ ทั้งสี่คนจึงยังเก็บเคาน์เตอร์นี้เอาไว้ (แอบเติมกันสาดผ้าเล็ก ๆ เหมือนร้านในอิตาลีเข้ามาเสริมความน่ารัก) และสร้างเคาน์เตอร์บาร์ต่อออกมาให้ยาวขึ้นเพื่อใช้เป็นเคาน์เตอร์เครื่องดื่มเสียเลย
ตัวร้านที่ได้จึงมีความเป็นวินเทจนิด ๆ ด้วยโครงสร้างและพื้นที่ของบ้าน และยังแอบใส่ความโมเดิร์นผ่านงานตกแต่งเพิ่มเติม เช่นการนำราวบันไดไม้ที่เราคุ้นเคย มาทาสี แล้วตกแต่งให้เป็นที่บังตาบริเวณประตูร้าน และสีสันที่แต่งแต้มเพิ่มเติมผ่านเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งจุกจิกในร้านที่ทำให้ดูสนุกขึ้นนั่นเอง
เมื่อเปิดประตูร้านเข้ามา สิ่งแรกที่เราเจอกลับไม่ใช่เคาน์เตอร์เครื่องดื่มให้เราได้สั่ง แต่ทางร้านต้อนรับเราด้วยงานศิลปะหลากหลายชิ้นที่วางอยู่มุมหนึ่ง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจหลักของ Canvad Cafe ที่อยากให้เป็น คาเฟ่ ที่สามารถมาทำกิจกรรมได้ โดยหยิบการวาดภาพมาเป็นตัวเชื่อม
เพราะเชื่อว่าเป็นกิจกรรมที่ไม่ว่าใครก็สามารถเอนจอยกับมันได้ รวมถึงตัวคุณกานต์เองก็เป็นคนชอบงานศิลปะอยู่แล้ว (ภาพวาดในร้านหลาย ๆ ภาพ รวมถึงงานเพนต์ที่ประตูร้าน ก็เป็นฝีมือของคุณกานต์เองด้วย) และยังส่งต่อมาสู่ชื่อ Canvad ที่ล้อไปกับผ้าแคนวาสที่ใช้วาดภาพ และคำว่า “แคนวาด” ที่ไม่ว่าใครก็วาดรูปได้ ตามที่พวกเขาตั้งใจนั่นเอง
ดังนั้น หากมาที่นี่แล้วก็อย่าลืมลองมาวาดรูปเล่นกัน ทาง คาเฟ่ จะมีเวิร์กชอปให้เราได้ลองเพนต์ภาพลงบนแคนวาส หรือแผ่นอะคริลิคก็ได้ (ขนาด A5 ราคา 79 บาท และขนาด A4 ราคา 139 บาท มาพร้อมอุปกรณ์ เพลตสี สีอะคริลิค และผ้ากันเปื้อน) โดยสามารถเข้ามาเวิร์กชอปกันได้ทุกวัน โดยไม่ต้องจองล่วงหน้า แค่เดินเข้ามา จะคนเดียว หรือมาเป็นแก๊ง ก็สามารถมาเพนต์ภาพกันได้เลย
นอกจากนี้ พวกเขายังหวังว่า เวิร์กชอปเล็ก ๆ ที่มี จะช่วยสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างกัน ทั้งพวกเขาและลูกค้า หรือตัวลูกค้ากันเองได้มากขึ้นด้วย เพราะอยากให้คนที่ตั้งใจมา ได้ใช้เวลาอยู่ที่ร้านอย่างคุ้มค่า และยังเหมือนเป็นการสร้างคอมมูนิตีเล็ก ๆ อีกแห่งของฝั่งธนฯ ด้วย นอกจากเวิร์กชอปวาดภาพแล้ว ทางร้านจะยังมีกิจกรรมพิเศษที่ร่วมกับศิลปิน หรือแบรนด์อื่น ๆ เป็นโปรเจ็กต์พิเศษเรื่อย ๆ ในอนาคตอีกด้วย
เลยโซนศิลปะมาแล้ว ก็เจอเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม ถึงเวลาที่ต้องลองเมนูต่าง ๆ ของทางร้านกันสักหน่อย ทางร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟของ Samadool Coffee ที่หลายคนรู้จักกันดี และขึ้นชื่อในเรื่องของเมล็ดกาแฟอยู่แล้ว รวมถึงเป็นกาแฟแบบที่ทั้งสี่คนชอบ โดยจะใช้ Seasonal Blend คั่วอ่อนค่อนกลางของทาง Samadool เป็นหลัก รวมถึงมี Single Origin สลับหมุนเวียนให้เลือกเพิ่มเติมด้วย โดยมีทั้งสปีดบาร์ และกาแฟฟิลเตอร์ให้เลือกด้วย
เราสั่ง Ice Americano (95 บาท) มาลองสักหน่อย ต้องบอกว่าแม้จะเป็นคั่วกลางค่อนอ่อน แต่ก็ยังมีความดาร์กอยู่นิด ๆ และไม่เปรี้ยวปลายมาก หากเป็นคนชอบดื่มเข้ม ๆ ก็ยังน่าจะชอบได้ หรืออยากสดชื่นมากขึ้นก็ลองเป็น Espresza (95 บาท) เอสเพรสโซช็อตกับเลมอนและน้ำผึ้ง รสชาติเหมือนดื่มโทนิคที่ใส่ช็อตกาแฟ ดื่มแล้วเฟรชดีเลยล่ะ
สาย Non Coffee ก็มีหลายเมนูให้เลือก เราลองเป็น Scarlet (75 บาท) เครื่องดื่มโซดากับน้ำลิ้นจี่และเลมอนสีสวย และ Orange Matcha (95 บาท) น้ำส้มท็อปด้วยมัตฉะเกรดพิธีการที่เข้มและฝาดเล็กน้อย พอมิกซ์กับน้ำส้มก็เข้ากันดี
Blueberry Cheese Pie (89 บาท) เมนูใหม่ล่าสุดของทางร้าน ครัมเบิลด้านล่างที่บดมาแบบไม่เอียดมาก ให้ยังได้รับมิติของเนื้อครัมเบิลเวลาเคี้ยว ครีมชีส และบลูเบอร์รีเกรดพิเศษ Baby Croffle (1 ชิ้น 49 บาท 2 ชิ้น 89 บาท) ครอฟเฟิลไซซ์มินิพอดีคำ ที่มีความกรอบนอกนุ่มใน ตัวคาราเมลที่เคลือบด้านนอกทำให้ผิวของครอฟเฟิลกรอบและหอมคาราเมลขึ้นมาก ขอบอกว่าตัวนี้กินคู่กับกาแฟจะเป็นคอมบิเนชันที่เวิร์กเลยล่ะ
ไม่ใช่แค่เครื่องดื่มและขนมเท่านั้น ที่นี่ยังจริงจังเรื่องไอศกรีมด้วย (เพราะที่ร้านวางให้มีซอฟต์เสิร์ฟก่อนขนมเสียอีก!) ด้วยอากาศบ้านเราที่ร้อน จึงอยากมีอะไรเย็น ๆ ชื่นใจคอยเสิร์ฟสักหน่อย ทางร้านพัฒนาสูตรของซอฟต์เสิร์ฟมาเรื่อย ๆ
นอกจากนี้ ทาง Canvad Cafe ยังมีสแน็กเล็ก ๆ ให้ได้สั่ง เพื่อรองรับกิจกรรมต่าง ๆ ที่อาจทำให้ลูกค้าในร้านใช้เวลาในร้านนานขึ้น และอาจต้องการอะไรรองท้องสักหน่อย เราลองสั่งเป็น Corn Ribs (69 บาท) ข้าวโพดผ่าซี่มาแบบริบส์ โรยมอสซาเรลลาชีส และ Kook – Kook (89 บาท) ไก่ส่วนสะโพกที่นำไปหมักจนเข้าเนื้อ ทอดให้กรอบแล้วโรยด้วยมอสซาเรลลาชีสเช่นกัน แม้จะไม่ได้มาทำกิจกรรมอะไร แต่ก็สามารถสั่งมากินเพลิน ๆ ได้เหมือนกันนะ
แอบบอกว่าทางร้านเป็น Pet Friendly ด้วยนะ เอาน้อง ๆ มาวิ่งเล่นลานหน้าร้านได้เลย
Canvad Cafe
เปิดทุกวัน (เว้นวันพุธ) เวลา 9:30 – 18:00 น. (เสาร์ – อาทิตย์ ปิด 19:00 น.)
ซอยจรัญสนิทวงศ์ 66 ถนนสิรินธร
MRT สิรินธร แล้วต่อพี่วิน | จอดรถได้ในซอย
