BRUT บาร์ Brutalist บนตึกย่านอารีย์ เปิดพื้นที่ศิลปะใหม่ BRUT artspace ให้มาจิบค็อกเทล พร้อมเสพอาร์ตรสชาติใหม่

ไปเสพงานศิลปะ พร้อมจิบค็อกเทล ในอาคารดีไซน์แปลก ที่นำเสนอสถาปัตยกรรมบรูทัลลิสต์ ที่นี่คือ BRUT artspace พื้นที่ศิลปะแห่งใหม่บนบาร์บล็อกแก้วสีแดงย่านอารีย์อย่าง BRUT Bar

เราเริ่มคุ้นเคยกับการได้ดูงานศิลปะ ในที่ที่ไม่ใช่แกลเลอรี่จ๋า ๆ เพราะเรามักจะเห็นคาเฟ่คอลแลบกับศิลปินหยิบผลงานศิลปะมาจัดแสดงกันบ่อย ๆ แต่ครั้งนี้ไม่ใช่การคอลแลบ แต่คือการเปิดอาร์ตสเปซ บนชั้น 2 ของบาร์ค็อกเทลกันเลย

แนวคิดนี้เริ่มมาจาก BRUT ค็อกเทลบาร์ ที่หยิบเอาความเป็น Brutalist Architecture สถาปัตยกรรมที่กำเนิดในปี 1950 ที่มักจะโชว์เนื้อแท้ของวัสดุ มานำเสนอทั้งในแง่ของการตกแต่งบาร์ ซึ่งเป็นความชอบของคุณ เจมส์ – จิรวัชร์ วัชรเศวตโสภณ เจ้าของบาร์แห่งนี้

มองจากข้างนอกตึก ดูจะเหมือนกับตึกธรรมดา ๆ ที่โดดเด่นด้วยการมีบล็อกแก้วใส แต่เมื่อได้ขึ้นไปชั้น 2 ของตึก จะเจอกับบาร์ที่ด้านในมีผนังลาดเอียงถึง 7 เมตร ที่มองทะลุไปข้างบน เป็นสเปซที่ออกแบบในสไตล์ของ Brutalist 

“ชื่อร้านจริง ๆ มาจากตรงตัวเลยคือสถาปัตยกรรมแนว Brutalist เป็นหัวใจหลักของการดีไซน์ที่นี่ ตั้งใจโชว์ทุกวัสดุที่เราใช้ เช่น บล็อกแก้ว หรือพื้นผิวก็จะไม่มีการตกแต่งเพิ่มเติมในเชิงของบัวหรือขอบ ซึ่งคอนเซปต์นี้ก็ส่งไปถึงค็อกเทลด้วย จะเน้นเมนูที่แสดงวัตถุดิบที่เราใช้จริง ๆ”

ที่ทำ Art Space ขึ้นมาบนชั้นบนของบาร์ ตั้งใจอยากให้ BRUT มีพื้นที่ได้ทำอิเวนต์เชิง Community ของคน Creative ไม่ว่าจะเป็น Art, Music, Design Fashion ด้วยความที่คุณเจมส์เรียนสายภาพยนตร์ และวารสารศาสตร์ เลยอยากสร้างให้คำว่า BRUT เป็นมากกว่าแค่ Cocktail Bar

ซึ่งพื้นที่อาร์ตสเปซค่อนข้างมีความแปลกตาอยู่ไม่น้อย เป็นการขึ้นบันไดเล็ก ๆ จากตัวบาร์ มาเจอกับชานพัก ที่มีห้องโล่ง ๆ ด้านซ้ายและขวา ในขณะเดียวกันเราจะได้เห็นกำแพงคอนกรีตที่ลาดเอียงจากชั้นบาร์ ต่อเนื่องมาถึงชั้นนี้ ซึ่งจะเว้นช่องแสงให้มองลงไปเห็นตัวบาร์ได้อีก

สำหรับงานแรกที่มาเปิดตัวอาร์ตสเปซครั้งนี้ เป็นนิทรรศการกลุ่ม ชื่อว่า ‘AND SO I LET THE LIGHT IN’ เฉลิมฉลองพื้นที่ศิลปะแห่งใหม่นี้ ด้วยการเปิดพื้นที่ให้เราสำรวจการเดินทางเข้าและออกของ ‘แสง’ ระหว่าง ‘ร่างกาย’ ต่าง ๆ โดยมีคุณอมตะ เป็นภัณฑารักษ์

คุณอมตะบอกเราว่า จริง ๆ งานศิลปะงานแนวนี้ยังไม่ค่อยมีอยู่ในพื้นที่แบบนี้สักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เจอกันในแกลเลอรี่ศิลปะจ๋า ๆ แล้วก็ดูเป็นงานที่ไม่แมสโดยทั่วไป เป็นงานที่ต้องลงแรงในการเข้าใจหน่อย การเปิดพื้นที่พางานเหล่านี้มาไว้ที่บาร์ ก็เหมือนกับเป็นการได้แนะนำเทสใหม่ ๆ แนะนำเพลงใหม่ ๆ แนะนำสถาปัตยกรรมรูปแบบที่ยังไม่ชินตามากนักให้เป็นที่รู้จัก

ซึ่งงานนี้ก็ถือเป็นงานเปิดสเปซอย่างเป็นทางการ รวมถึง 3 งาน จาก 3 ศิลปิน คือประติมากรรม ‘Color Surface’ ของพรนภา สิงห์ชนะด่าน สะท้อนธรรมชาติอันระยิบระยับอยู่ในความชั่วคราวของแสงที่เธอสัมผัสได้เมื่ออยู่ใต้น้ำ นำมาถ่ายทอดในรูปแบบที่ไม่หยุดนิ่งเหมือนภาพถ่ายหรือภาพวาด แต่เคลื่อนไหวได้ราวกับเกิดขึ้นอีกครั้ง

ศิลปินเล่าว่าส่วนตัวเป็นคนชอบเรื่องสี แต่เป็นสีที่เกี่ยวกับแสง เลยชอบศึกษาเรื่องของสเปกตรัม สีรุ้ง แล้วอยากไปเห็นในปรากฏการณ์อื่น ๆ ว่ามันเกิดขึ้นที่ไหนบ้าง เราจะสามารถมองเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ที่ไหน เลยลองไปดำน้ำ ได้พบกับแสงที่ลอดผ่านน้ำลงไป เอฟเฟคที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึกประทับใจมาก อยากทำงานนี้ขึ้นมาเพื่อให้ปรากฏการณ์นั้นมันเกิดขึ้นอีกครั้ง และถ้าสังเกต จะเห็นว่าว่าผิวของพื้นผิวเวลาโดนแสง มันก็จะสะท้อนไปที่กำแพง จินตนาการได้ว่านี่คือผิวของน้ำจริง ๆ

อีกฟากฝั่งเป็นงานชื่อว่า ‘Use-Less’ งานติดตั้งแสงและเสียงจากความร่วมมือของสตูดิโอ vice versa และผู้เชี่ยวชาญงานโลหะอย่าง โรงงานไทยสถาวร (Thaisathavorn Factory) สร้างภาพลวงตาขึ้นมาจากเศษส่วนที่เหลืออยู่ของโลหะที่สละร่างบางส่วนไปเพื่อสิ่งอื่น

ศิลปินเล่าว่า งานนี้ได้คอลแลปกับโรงงานโลหะ โดนคุยกันตั้งแต่ช่วงแรกว่ามองหาวัสดุที่มันเป็น Metal ซึ่งโรงงานก็บอกว่า แบบนี้จริง ๆ แล้วมีเยอะมาก เกิดจากการตัดเจาะพิมพ์เพื่อผลิต Product ที่เหมือนเป็นที่ล็อคกุญแจ ซึ่งในกระบวนการก็จะเหลือโครงพวกนี้ทิ้งไว้

ศิลปินก็เลยได้แรงบันดาลใจว่า ตัวแผ่นที่เจาะมันก็มีคุณค่าของมัน เราก็เลยตั้งชื่องานว่า Use-Less คือแต่ตอนแรกคือมัน Useless เป็นขยะจริง ๆ แต่ว่าเรามาทำให้มันกลายเป็นว่า ‘Use’ ‘Less’ หรือใช้น้อยลง จะเห็นว่าตัวมันเองก็จะ Project ไปที่ตัว Space เหมือนกับว่าเราได้เห็นตัว product ที่สะท้อนอยู่ แต่จริง ๆ คือมันไม่มี เป็นความย้อนแย้งว่าจริง ๆ เราเห็นสิ่งนั้นจริงหรือเปล่าหรือเอาแค่คิดไปเอง

และงานตรงกลางของสเปซ ชื่อว่า ‘Greed May Be Wider Than the Earth and Deeper Than the Oceans Within the Human Heart’ โดยศิลปิน Auddha ความโลภ อาจกว้างใหญ่กว่าผืนดิน และลึกกว่ามหาสมุทรภายในจิตใจมนุษย์ พูดถึงความโลภที่อยู่ในทุกสิ่ง รวมสิ่งของกึ่งชวนฉงน กึ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เขาพบและเก็บมาจากท้องถนนของกรุงเทพฯ มาทำให้พื้นที่ภายในอาคารถูกหลอกหลอนไปด้วยภาพเก่าของวัตถุเหล่านั้น

แนวความคิดของผลงานนี้ ศิลปินเล่าว่า จริง ๆ ความโลภ อาจอยู่ในลมหายใจ อากาศ หิน ดิน ทราย น้ำ ป่า ฟ้า ไฟ ต้นไม้ แม่น้ำ ลำคลอง ภูเขา ทะเล มหาสมุทร ความโลภ อาจอยู่ใน อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ฯลฯ ความโลภ อาจอยู่ในความเชื่อ อยู่ในศรัทธา อยู่ในความคิดที่แตกต่างความโลภไม่มีเชื้อชาติ ไม่มีศาสนา ความโลภไม่มีภาษา ความโลภมีอยู่ในทุกที่ ทุกเวลา ฯลฯ ความโลภ มีอยู่ในเราทุกคน  

เราจะให้ความโลภ มากัดกินความเป็นมนุษย์ในตัวเรา กัดกินเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน กัดกินสัตว์ ที่อาศัยอยู่บนโลกใบเดียวกัน กัดกินธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงอากาศที่เราหายใจ วันหนึ่งความโลภมันคงกัดกินเรา เหมือนเศษเงินตราที่ถูกทำลายอย่างไร้ค่า ความโลภ ของคุณอยู่ที่ไหน ? มันกัดกินความเป็นมนุษย์ของเรา ไปหมดแล้วหรือยัง ?

งานนี้ยังมีค็อกเทลพิเศษ ที่ครีเอตขึ้นมาให้กับนิทรรศการนี้ถึง 2 เมนู คือ reflection และ diffusion และ BRUT เองยังมีซิกเนเจอร์ให้ลองอีกถึง 8 ตัวนะ

สำหรับงานนิทรรศการชุดนี้ จะมีถึงวันที่ 15 กันยายน 2567 แล้วเราเชื่อว่าสเปซศิลปะแห่งนี้ จะต้องมีงานรสชาติใหม่ ๆ ติดตามอีกแน่ ๆ แฟนอาร์ต และแฟนค็อกเทลรอติดตามกันได้เลย

BRUT Bar & BRUT artspace
เปิดจันทร์ – เสาร์ 18:30 – 00:00 น.
ซอยประชานิมิตร 1
BTS อารีย์ แล้วต่อพี่วิน | มีที่จอดรถ
Google Maps