แม้ว่า Bangkok Trading Post จะเปิดมานานกว่า 7 ปีแล้ว แต่ก็ต้องบอกว่าที่นี่เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารในโรงแรมที่พวกเราชาว Routeen. แวะเวียนไปบ่อย ๆ เพราะนอกจากจะเดินทางสะดวก เพราะตั้งอยู่ใต้โรงแรม 137 Pillars Suites & Residences Bangkok ในซอยสุขุมวิท 39 (ที่แม้บางทีจะรถติดหนึบก็เถอะ) แล้วยังเหมือนเป็นโอเอซิสกลางซอยที่สงบ ร่มรื่น และเต็มไปด้วยเมนูอร่อย ๆ ให้ลิ้มลอง

อย่างตอนนี้เองทาง Bangkok Trading Post ก็มีเมนูใหม่ ๆ เพิ่มเติมเข้ามาให้เราได้ลองสั่ง ควบคู่ไปกับเมนูฮิตที่ไม่ว่าใครมาแล้วก็ต้องลอง แถมช่วงเย็นเวลา 17:00 – 19:00 น. ในทุกวัน เขายังมี Happy Hour ให้ได้จิบเครื่องดื่มแก้วโปรดในราคาสุดพิเศษ อาจจะเริ่มจากการนัดชาวแก๊งมานั่งจิบเครื่องดื่มในสวนช่วงเย็นกันชิลล์ ๆ รับอากาศดี ๆ ในช่วงนี้ แล้วค่อยย้ายเข้าไปดินเนอร์ด้านในกันตอนค่ำ ๆ ก็เวิร์กอยู่ไม่น้อยนะ

รอบนี้เราลองจานที่หลาก หลายมากขึ้น เริ่มกันที่จานสลัดกับ Tomatoes, Figs And Burrata Cheese (550 บาท) บูรัตตาชีสมาในขนาดกำลังดี เติมความสดชื่นด้วยมะเขือเทศเชอร์รี่ มะเขือเทศอบแห้ง และผลฟิกสด ตัดรสหวานด้วยมะกอกเล็กน้อย เป็นจานเปิดเรียกน้ำย่อยได้ดีทีเดียว กินกับขนมปัง Focaccia ท่มีนำมันมะกอกกับบัลซามิกให้จิ้มคู่ด้วยก็เข้ากันดีนะ

ต่อกันที่จานบรันซ์กับ Smoked Salmon Eggs Benedict On Croissant (400 บาท) ครัวซองค์ที่เบคออกมาได้ดีมาก ๆ ทิ้งนานแล้วยังไม่ยุบตัวหรือด้านนอกกรอบน้อยลง มาพร้อมกับแซลมอนรมควัน Poached Egg 2 ฟอง ราดซอสฮอลันเดส เคียงด้วยเห็ดรวมผัด มะเขือเทศและหน่อไม้ฝรั่ง แม้รสชาติของซอสฮอลันเดสจะไลต์ไปสักหน่อยจนพริกไทยที่โรยมาโดดขึ้น แต่ก็ทำให้ได้รสของแซลมอนรมควันชัดเจนอยู่


เข้าสู่จานซิกเนเจอร์กับ Crispy Bacon Gnocchi (380 บาท) ญ็อกกี้ที่โทสต์มาแบบหนึบ ๆ และหอมกลิ่นกระทะ ใส่เบคอนกรอบ กระเทียม และพาร์เมซานชีส อีกจานกับ Squid Ink Angel Hair Pasta With Prawns (400 บาท) เส้นแองเจิลแฮร์หมึกดำ ท็อปด้วยกุ้งสด กระเทียม อิคุระ และพาร์เซานชีส จานนี้ผัดมาแห้งดี และไม่มันจนเกินไป มีความเผ็ดเล็กน้อยที่คนไทยอย่างเราน่าจะชอบได้ไม่ยาก

มาที่ Main Dish กับ Rib Eye Steak (1,600 บาท) เนื้อริบอายชิ้นโตหั่นมาเป็นชิ้นพอดีคำ เสิร์ฟมาพร้อมเครื่องเคียงอย่างมันฝรั่งลูดเล็กผัดกับเห็ด ซอสพริกไทยดำ และผักโขมอบชีส เราเลือกระดับความสุกแบบมีเดียมแรร์ที่เนื้อนุ่ม จานนี้บอกเลยว่าแบ่งกินกัน 2-3 คนได้สบาย ๆ

จบที่ของหวานที่มีให้ชิมหลายจานมาก ๆ เราเลือกเป็น Mixed Fruits Pavlova (250 บาท) เมอแรงก์สอดไส้ด้วยครีมซิตรัส ท็อปด้วยผลไม้ตระกูลเบอร์รี่หลากชนิด และยังมีซอสเสาวรสกับสตรอว์เบอร์รี่อบแห้งรสหวานอมเปรี้ยวโรยมาเพิ่ม ถือเป็นการปิดท้ายดินเนอร์ที่สมบูรณ์แบบเลยล่ะ
“ตอนนี้ทาง Bangkok Trading Post ก็มีเมนูใหม่ ๆ เพิ่มเติมเข้ามาให้เราได้ลองสั่ง ควบคู่ไปกับเมนูฮิตที่ไม่ว่าใครมาแล้วก็ต้องลอง แถมช่วงเย็นเวลา 17:00 – 19:00 น. ในทุกวัน เขายังมี Happy Hour ให้ได้จิบเครื่องดื่มแก้วโปรดในราคาสุดพิเศษอีกด้วย”

สำหรับ Happy Hour นั้นสามารถสั่งได้ทั้ง Signature Cocktails และ Classic Cocktails นอกจากนี้ยังมีเฮาส์ไวน์ เบียร์ และ Mocktails สำหรับผู้ที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์อีกด้วย เราลองสั่งแก้วซิกเนเจอร์อย่าง Siam Old Fashioned (340 บาท)
ที่เลือกใช้สปิริตในบ้านเราอย่างรัมของซอดแจ้ง ตีความถึงความเป็นไทยด้วยไซรัปดอกมะลิ และหยอดอุทัยทิพย์ลงไปอีกนิด ให้นึกถึงน้ำดื่มสีแดงระเรื่อเย็น ๆ ในสมัยก่อน กับอีกแก้วอย่าง Mimosa (340 บาท) ค็อกเทลสีสวยที่ใช้สปาร์กลิงไวน์ และน้ำส้ม เป็นอีกแก้วที่ดื่มแล้วสดชื่นอยู่ไม่น้อย

ส่วนสายขอดื่มแบบคลีน ๆ ขับรถกลับบ้านได้ ช่วง Happy Hour ก็สั่งม็อกเทลอย่าง Almond Pie (220 บาท) มาลองชิมได้ แก้วนี้มิกซ์ระหว่างน้ำแอปเปิล น้ำมะนาว โซดา และเติม Orgeat หรือไซรัปอัลมอนด์ลงไปด้วย และ Flamingo (220 บาท) น้ำแครนเบอร์รี่ น้ำส้ม น้ำมะนาว โซดา และเติมไซรัปเครื่องเทศเข้าไปเพิ่มความซู่ซ่า


แอบเล่ากันสักนิด Bangkok Trading Post จริง ๆ แล้วแรงบีนดาลใจเกิดมาจากสาขาของ 137 Pillars ที่เชียงใหม่ โดยแต่เดิมที่เชียงใหม่นั่นเป็นที่ตั้งของ East Borneo Trading Company บริษัทค้าไม้สักในประเทศไทยเมื่อ 130 ปีก่อน แล้วพอมาเป็นบูทีคโฮเทลแบบ Small Luxury Hotel จึงอยากให้เป็นพื้นที่นัดพบของเหล่านักเดินทางเพื่อแลกเปลี่ยนสินค้าและความรู้ เฉกเช่นเดียวกับเมื่อครั้งยังเป็นแหล่งค้าไม้ในอดีต

พอมีร้านอาหาร จึงหยิบเอาคอนเซปต์ The Traveler’s Club นี้มาใช้ด้วย เราจึงจะเห็นบรรยากาศของร้านที่ให้ความเหมือนเป็นแหล่งศูนย์กลางของนักเดินทางและผจญภัย (เวลาที่เราดูอินเดียนาโจนส์ หรือหนังผจญภัยต่าง ๆ) ประดับประดาไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ของนักเดินทาง มาพร้อมเพดานสูงโปร่ง กำแพงกระจกโดยรอบ และยังไม่ลืมที่จะหยิบเอาวัสดุอย่างไม้สักมาตกแต่งตัวร้าน ให้เชื่อมโยงไปยังธุรกิจเก่าบนพื้นที่เดิมในเชียงใหม่อีกด้วย

แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 โซนหลัก ๆ ได้แก่พื้นที่อินดอร์ และพื้นที่เอาต์ดอร์ ที่บริเวณสวนจะมีศาลาโครงเหล็กที่จำลองมาจากกรงนก ตั้งอยู่ริมสระน้ำที่มีฝูงปลาคาร์ฟแหวกว่าย และต้นไม้สีเขียวอัดแน่นอยู่เต็มพื้นที่ ทำให้เป็นอีกหนึ่งสถานที่สุดสงบกลางเมืองที่มานั่งได้บ่อย ๆ ได้ทั้งวัน เพราะทางร้านเปิดให้บริการตั้งแต่เช้าตรู่ ไปจนถึงกลางคืนเลยทีเดียว
สำหรับเราแล้ว Bangkok Trading Post ยังคงเป็นอีกหนึ่งร้านอาหารในโรงแรมที่ไว้ใจในเรื่องของรสชาติได้เสมอ รวมถึงบรรยากาศที่เงียบสงบ นั่งสบาย ไม่อึดอัด และจานอาหารที่มีความหลากหลาย รองรับทุกความต้องการในกลุ่ม จะชอบสลัด พาสตา บรันซ์ ของหวาน หรือจานหลักแบบฟูลออปชัน ก็มีรองรับครบทุกแบบเลยล่ะ
Bangkok Trading Post
เปิดทุกวัน เวลา 06:00 – 22:00 น.
ชั้น 1 137 Pillars Suites & Residences Bangkok
ซอยสุขุมวิท 39 วัฒนา
BTS พร้อมพงษ์ แล้วต่อพี่วิน | มีที่จอดรถ