หากใครเป็นแฟนบาร์ลับที่ซ่อนตัวอยู่ในชั้นใต้ดินของบ้านเก่า ในซอยเกษมสันต์ 3 อย่าง Philtration อยู่แล้ว ก็น่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของบ้านเก่าสุคลาสสิคหลังใหญ่ที่อยู่เหนือบาร์แห่งนี้ ที่ตอนนี้ถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นร้าน อาหารใต้ ฉบับปักษ์ใต้แท้ ๆ ในบ้านหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยมนตร์เสน่ห์ กับ บ้านดาหลา Baan Dalaa by Angkana
Routeen. เองค่อนข้างตื่นเต้นที่ยังได้เห็นทรงโคโลเนียลโบราณหลังใหญ่ บนพื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ แบบนี้อยู่ จนต้องแอบจับตัว คุณแอนนี่ – อังคณา เอี่ยมสอาด เจ้าของร้าน Baan Dalaa และ Executive Chef ของร้าน มานั่งคุยกันสักหน่อย คุณแอนนี่เป็นผู้คร่ำหวอดในการทำอาหารมาอย่างยาวนาน จริง ๆ แล้วก่อนหน้านี้คุณแอนนี่มีร้านอาหารไทยที่ชื่อ ณ ลำพญา ในจังหวัดนครปฐม ที่เสิร์ฟเมนู “อาหารไทย-โอมากาเสะ” ที่ต้องจองล่วงหน้าที่เตรียมอาหารโดยใช้วัตถุดิบจากย่านลำพญามาปรุงเป็นเมนูต่าง ๆ
แต่ถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่แรกเริ่ม คุณแอนนี่เริ่มต้นด้วยการทำงานในร้านอาหารที่สหรัฐอเมริกามาก่อน สั่งสมประสบการณ์ต่าง ๆ ในการทำงานหน้าร้านมาอย่างโชกโชน พอได้กลับมาเมืองไทย และมีครอบครัว ช่วงเวลาว่างที่ไม่ได้ทำงานก็เริ่มตระหนักได้ว่าตัวเองชอบและรักในการทำอาหาร จึงเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง
ทั้งเรียนด้านโภชนาการและการชะลอวัย ทำให้รู้ถึงสรรพคุณของสมุนไพรที่มีอย่างมากมายที่ซ่อนอยู่ในอาหารไทย จึงสนใจที่จะศึกษาด้านอาหารไทยอย่างจริงจังมากขึ้น และตั้งใจอยากปรุงจานอาหารไทย ที่ไม่ใช่แค่ดีต่อสุขภาพ แต่ต้องอร่อยได้ด้วย (แล้วทำไม Healthy Food จะอร่อยไม่ได้ล่ะ) รวมถึงศึกษาเรื่องของการจัดการธุรกิจอาหาร และ Gastronomy Business Management เรียกว่าคุณแอนนี่ศึกษาเรื่องราวของอาหารในทุกมิติกันเลย
จนวงการอาหารพาให้คุณแอนนี่ได้มาเจอกับพาร์ตเนอร์ชาวสิงคโปร์ในปัจจุบัน ที่ตัดสินใจจะทำโปรเจ็กต์ร้านอาหารร่วมกัน จนมาลงเอยว่าอยากทำร้านอาหารไทย ที่เหมาะสำหรับทั้งคนกรุง และชาวต่างชาติ ที่มีเอกลักษณ์และแตกต่าง ด้วยคุณแอนนี่เองเกิดและโตที่เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงรู้ว่าเกาะนี้ไม่ได้มีดีแค่ฟูลมูนปาร์ตี้และการท่องเที่ยว แต่เรื่องอาหารบนเกาะนี้ก็โดดเด่นและน่านำเสนอไม่แพ้กัน จึงเลือกให้ Baan Dalaa เป็น ร้านอาหารใต้ ในสไตล์ของเกาะพะงัน ภายใต้คอนเซปต์ From Local To Global นั่นเอง
พอคอนเซปต์ออก ก็เริ่มมองหาสถานที่ โดยมีโจทย์ว่าต้องเป็นบ้านไทยที่อยู่ในเมือง และมีที่จอดรถ ซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาสถานที่ให้ครบตามความต้องการนั้น แต่โชคดีที่คุณแอนนี่มีคนรู้จักที่ทำธุรกิจจัดหาสถานที่แจ้งข่าวถึงบเานหลังนี้พอดี และตรงกับสิ่งที่คุณแอนนี่และพาร์ตเนอร์ต้องการทั้งหมด จึงลงเอยในบ้านเก่าอายุกว่า 120 ปี
“คุณแอนนี่เองเกิดและโตที่เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงรู้ว่าเกาะนี้ไม่ได้มีดีแค่ฟูลมูนปาร์ตี้และการท่องเที่ยว แต่เรื่องอาหารบนเกาะนี้ก็โดดเด่นและน่านำเสนอไม่แพ้กัน จึงเลือกให้ Baan Dalaa เป็น ร้านอาหารใต้ ในสไตล์ของเกาะพะงัน”
โชคดีที่แม้จะตัวบ้านจะมีอายุกว่าศตวรรษ แต่ด้วยเจ้าของบ้าน และผู้เช่าบ้านเดิมดูแลตัวบ้านไว้ดี ทำให้บ้านยังคงสมบูรณ์ ทำให้แทบไม่ต้องปรับเปลี่ยน หลายอย่างของบ้านยังคงของเดิมไว้ เช่น กระเบื้องพื้นและผนังที่ลวดลายสวยก็ล้วนเป็นของเดิม บันได พื้นไม้ หรือประตูต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีงานศิลปะต่าง ๆ เข้ามาตกแต่งในบ้านหลังนี้เพิ่มขึ้น เพื่อผสมผสานความโมเดิร์นแบบโลกยุคใหม่ และโลกตะวันตก กับความคลาสสิคและความเป็นไทยเข้าไว้ด้วยกัน ให้เกิดความแตกต่างแต่ยังคงลงตัว
คุณแอนนี่เลือก ดอกดาหลา ดอกไม้ประจำภาคใต้ มาเป็นตัวแทนในการนำเสนอตัวตนของร้าน และเมนู อาหารใต้ จึงหยิบเอาชื่อของดอกไม้นี้มาเป็นชื่อของร้าน และยังตกแต่งโต๊ะอาหารด้วยดอกดาหลา รวมถึงเมนูต่าง ๆ อีกหลายเมนูทั้งคาวหวาน ก็มีดอกดาหลาเป็นส่วนประกอบด้วย
Baan Dalaa มีทั้งหมด 2 ชั้น โดยชั้นล่างเมื่อเราเดินเข้ามาในตัวร้าน จะพบกับ Dalaa Cafe โซนคาเฟ่ของร้าน ที่มีทั้งเครื่องดื่มและเบเกอรี ที่ทางร้านทำเองทั้งหมด และยังเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นมาใช้ประกอบขนมและเครื่องดื่มเช่นเดียวกับอาหารด้วย มาพร้อมกับห้องทำขนมที่กรุกระจกใสบานใหญ่เอาไว้ ให้เราได้เห็นเหล่าเชฟลงมือทำขนมอย่างตั้งใจกันสด ๆ ด้วย บริเวณชั้น 1 นี้ยังมีห้องรับประทานอาหารที่รองรับเอาไว้ให้กับผู้สูงวัย หรือผู้ที่ไม่สะดวกในการขึ้นไปใช้บริการยังชั้น 2 อีกด้วย
ส่วนพื้นที่ชั้น 2 จะเป็นพื้นที่รับประทานอาหารหลักของทางร้าน และห้องไพรเวตจำนวน 4 ห้อง โดยทุกห้องสามารถทะลุหากันได้ สามารถรองรับได้ตั้งแต่ 4 คน ไปจนถึงสูงสุด 20 คน เชื่อมทุกห้องให้กลายเป็นห้องใหญ่ห้องเดียวได้เช่นกัน 27.24
Routeen. มีโอกาสลองหลากหลายเมนู อาหารใต้ ด้วยกัน เปิดด้วยเมนูที่พูดถึง อาหารใต้ ต้องคิดถึงจานนี้ กับ ข้าวยำเกาะพะงัน (350 บาท) เสิร์ฟข้าวกล้องงอก และข้าวไรซ์เบอร์รี่ ท็อปด้วยเบือทอดชิ้นโตในชามไม้ เวลากินให้เทผักสดต่าง ๆ ทั้งมะม่วง ส้มโอ ที่ให้รสเปรี้ยว ใบชะพลูที่ให้กลิ่นหอม แตงกวาและถั่วฝักยาว เพิ่มความกรุบกรอบในจาน รวมถึงดอกดาหลา ใบมะกรูด ตะไคร้ ราดด้วยน้ำบูดูโฮมเมด แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน น้ำบูดูรสลงตัว เปรี้ยวหวานกำลังดี เป็นจานสุขภาพที่อร่อยและสดชื่น
ผัดหมี่ปากพนังกุ้งสด (280 บาท) เป็นเมนูที่เกิดขึ้นในอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช (ซึ่งที่เกาะพะงันก็มีเมนูนี้เหมือนกัน) เส้นเล็กเหนียวหนึบ นำมาผัดกับซอสสูตรคุณยายของคุณแอนนี่ ท็อปด้วยกุ้งทอดคลุกซอสเดียวกัน จานนี้รสชาติจะคล้าย ๆ ผัดไทย แต่ได้รสชาติของกะทิ หอมแดง และกะปิเข้ามาเสริมด้วย
จ๊อแกงปู (440 บาท) หอยจ๊อลูกโต ที่ข้างในเป็นไส้แกงคั่วปูใบชะพลูข้างในแทน ทางร้านเลือกใช้เป็นเนื้อปูก้อน กับแกงใบชะพลูที่ใช้พริกแกงสูตรทางร้านตำเอง กินคู่กับซอสดาหลารสเปรี้ยวหวาน
ต่อด้วยจานใหญ่อย่าง เซ็ตขนมจีนบ้านดาหลา (700 บาท) ขนมจีนที่เสิร์ฟมาพร้อม 3 น้ำยา ทั้งแกงไตปลา น้ำยาใต้ และแกงเขียวหวานไก่โบราณ โดยแต่ละน้ำยาก็มีวิธีการกินที่แตกต่างกัน อย่างแกงเขียวหวานไก่ ให้ราดกับขนมจีน แล้วท็อปด้วยไข่ต้ม ส่วนตัวน้ำยาใต้ที่มีทั้งเนื้อปลาและเนื้อปูเป็นส่วนผสม ให้ราดบนขนมจีนและกินคู่กับตัวอาจาดมะละกอ ผักเสี้ยน และเบือทอดกรอบ ที่เป็นเอกลักษณ์การกินขนมจีนของเกาะพะงัน สุดท้ายกับไตปลาที่รสเข้มข้น จึงแนะนำให้กินคู่กับผักสด
หมูทอดกะปิหอม (220 บาท) ทางร้านเลือกใช้หมูสามชั้นเลาะหนังออก แล้วคลุกกับซอสกะปิ นำไปทอดให้ข้างนอกกรอบ ข้างในนุ่ม แกล้มด้วยพริกขี้หนูสด ได้สามรสคล้ายทอดน้ำปลา แต่หอมกะปิและกินเพลินเลยล่ะ และ ไข่พะโล้แห้ง (280 บาท) รสชาติเข้มข้น กับหมูสามชั้นตุ๋นที่แทบจะละลายในปากเลยล่ะ
ล้างปากด้วยของหวานกันสักหน่อย เราเลือกเป็น ชิฟฟ่อนโคโค่นัทเค้ก (190 บาท) เมนูใหม่ล่าสุดของทางร้าน มะพร้าวอ่อนจากอัมพวา ซอสมะพร้าวทำมาจากน้ำมะพร้าว รสไม่หวานมาก เข้ากับเนื้อเค้กชิฟฟ่อนได้ดี ดาหลาชีสพาย (400 บาท) แยมดอกดาหลาในแครกเกอร์ทาร์ต ท็อปด้วยครีสชีส ตกแต่งด้วยไวต์ช็อกโกแลตที่เรียงตัวกันเหมือนดอกดาหลา
สุดท้ายกับ ขนมโค (160 บาท) ที่ผสมผสานระหว่างความเป็นบัวลอย และขนมโคเข้าไว้ในถ้วยเดียวกัน ขนมโคไส้กระฉีก และน้ำกะทิที่ใช้กะทิจากพะงันด้วย
ปิดท้ายด้วย ดาหลาสปาร์กลิง (195 บาท) ไซรัปดอกดาหลา ท็อปด้วยสปาร์กลิง หอมหวานชื่นใจ คลายร้อนให้อากาศบ้านเราได้เป็นอย่างดี
เรียกว่าที่นี่น่าจะเป็นร้าน อาหารใต้ ที่ถูกใจทั้งชาวใต้ ที่อยู่ในกรุงเทพฯ ไปนถึงชาวกรุงเทพฯ ที่อยากลิ้มรสอาหารใต้ ในแบบที่ปรับปรุงรสชาติให้ถูกปากชาวเมือง แต่ยังคงคุณภาพและเอกลักษณ์ของความเป็นอาหารใต้เอาไว้ได้ หากวันใดอยากลองรสชาติจัดจ้าน ในบรรยากาศบ้านไทยเก่าสุดคลาสสิคแบบไม่ต้องไปไกล ที่ Baan Dalaa บ้านดาหลา ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีนะ
Baan Dalaa by Angkana
เปิดทุกวัน 11:00 – 22:00 น.
ซอยเกษมสันต์ 3 วังใหม่ ปทุมวัน
BTS สนามกีฬาแห่งชาติ แล้วเดิน | มีที่จอดรถ
