เหมือนกลายเป็นงานเทศกาลประจำปีของกรุงเทพฯ ที่หลายคนรู้ดีว่า เมื่อเข้าสู่ปลายปี หรือหมดฝนเมื่อไหร่ กรุงเทพฯ ในย่านพระนคร จะเริ่มถูกประดับประดาไปด้วยแสงสี และงานสื่อผสมดิจิทัล ที่ทำให้เมืองนี้ตื่น และเคลื่อนไหวในยามค่ำคืนมากขึ้น (รวมถึงพวกเราที่สะพายกล้องออกไปตะลุยแต่ละย่านด้วย) กับ Awakening Bangkok 2024 ที่ปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 7 แล้ว

งานปีนี้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 9 โซน (ซึ่งจริง ๆ แล้วงานจะถูกแบ่งออกเป็น 6 จุด แต่ Routeen. ขอแบ่งตามก้อนที่เราเดิน และขมวดรวมกันได้ก็แล้วกันนะ) รวมกันแล้วมีถึง 36 ชิ้นงานจัดแสดง และ Digital Art Installations รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ กับคอนเซปต์ปีนี้ของงานอย่าง “One Night One Rises – ปลุกไฟย่าน เติมไฟคน” เพราะทุกครั้งที่เราเติมเชื้อไฟ เปลวเพลิงก็จะโหมขึ้น ร้อนขึ้น และเกิดพลังงานมากขึ้น การเติมแสงไฟในย่านพระนครในครั้งนี้ ก็หวังที่จะช่วยปลุกย่านต่าง ๆ ให้คึกคักและลุกโชน รวมถึงเติมพลังใจให้กับผู้คนได้ด้วย

เพราะมีถึง 36 ชิ้นงานทั่วเขตพระนคร นั่นแปลว่าหากจะเก็บให้ครบภายในคืนเดียว น่าจะเป็นไปได้ยากมาก ๆ ลองดูลิสต์นี้ว่าโซนไหนมีงานอะไรบ้าง มีกี่ชิ้นงาน และน่าจะใช้เวลาในแต่ละโซนเท่าไหร่ จะได้ลองวางแผนเดินดูไฟในแบบของตัวเองได้ง่ายขึ้นนะ
ZONE 1 : MUSEUM SIAM
จำนวน 3 ชิ้นงาน
ระยะเวลาชมงาน : 20-30 นาที
แผนของเราคือเริ่มจากจุดที่เดินทางไปง่ายที่สุด นั่นคือ “มิวเซียมสยาม” เพราะสามารถนั่ง MRT มาลงสถานีสนามไชยได้เลย ส่วนใครที่ขับรถมา อาจใช้วิธีเดียวกับพวกเราก็ได้ นั่นคือนำรถไปจอดไว้ที่ย่านถนนดินสอ ลานคนเมือง หรือแถวบางลำภู แล้วนั่งพี่วินเริ่มที่จุดที่ไกลที่สุดอย่างทิวเซียมสยาม หรือฝั่งปากคลองตลาดก่อน แล้วค่อยเขยิบเข้าไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดสุดท้ายในโซนเส้นถนนบำรุงเมือง ก็สามารถเดินกลับไปที่รถแล้วกลับบ้านได้เลย

บริเวณ Museum Siam จะมีทั้งหมด 3 ชิ้นงานด้วยกัน ไฮไลต์ต้องยกให้ Unikko 60th Anniversary ของ Marimekko ที่ฉายภาพดอกป๊อบปี้ สัญลักษณ์สุดไอคอนิกของแบรนด์ขึ้นบนตึกมิวเซียมสยาม ให้เราได้เข้าไปถ่ายรูปด้วยเพลิน ๆ ที่บริเวณด้านหลังอาคาร

ข้าง ๆ กันยังมีชิ้นงาน Under ที่จำลองบรรยากาศของความอึดอัดเวลาอยู่ใต้น้ำผ่านเส้นไฟที่ขดเป็นวงกระเพื่อมของน้ำรอบต้นไม้เหนือหัวเรา สุดท้ายกับ NIGHTSHADE To The Future บริเวณด้านหน้าอาคาร กับงาน Light & Sound ที่เปลี่ยนพื้นที่ให้เต็มไปด้วยความสนุกสนานโดย TOYOTA
ZONE 2 : ปากคลองตลาด – ตลาดยอดพิมาน
จำนวน 4 ชิ้นงาน
ระยะเวลาชมงาน 30-40 นาที
หากเดินจากมิวเซียมสยาม ขอให้แวะอีก 1 ชิ้นงานที่อยู่ข้าง ๆ โรงเรียนราชินีกันก่อน กับ เริ่ม-ร้าน-รวง ที่หยิบเอาร่มของพ่อค้าแม่ขายริมทางมาตกแต่งด้วยแสงไฟอย่างมีชีวิตชีวา จากนั้นจึงค่อยข้ามสะพานมาดูงานในปากคลองตลาด กับงาน ภวังค์ดังดารา ที่ตกแต่งแสงไฟไว้ทั่วห้อง กวนตาให้เรามองไม่เห็นกลุ่มดาวที่แอบซ่อนอยู่ข้างใน เหมือนคนกรุงฯ ที่ไม่ค่อยเห็นดาวบนฟ้าเพราะแสงเมือง กับงาน Lost & Found จุดนี้จะเป็นกิจกรรมที่เกิดโอกาสให้เราแบ่งปันเรื่องราวของตัวเองกับเพื่อนแปลกหน้าที่ไม่คุ้นไปด้วยกัน

จากนั้นเดินไปตลาดยอดพิมานข้าง ๆ ยังมีอีก 1 งานกับ ยามบุษบา งานอินเตอร์แอคทีฟที่ฉายภาพดอกไม้ลงไปบนพื้นและผนัง ซึ่งดอกไม้จะตอบสนองตัวเราเวลาเราเดินผ่านอีกด้วย
ZONE 3 : ภายใน Yodpiman River Walk
จำนวน 8 ชิ้นงาน
ระยะเวลาชมงาน 40-50 นาที
ก่อนเดินเข้าไปใน Yodpiman River Walk ขอให้แวะงานหนึ่งด้านหน้าก่อน กับ Trace Of Time งาน Projection Mapping บริเวณกำแพงทางเข้าอาคาร ที่จะบอกเราว่า ย่านนี้ก็หวังจะกลับมาคึกคักเหมือนวันเก่าอยู่นะ


เสร็จแล้วเดินเข้าไปข้างในกันได้เลย ที่ชั้น 1 ในร้าน Ohh คุณพระ มีอีกงานในชื่อ Strolling By The Stream ดูชิ้นงานที่เล่นกับแสงและลมได้อย่างสวยงามมาก ๆ จากนั้นก้าวขึ้นไปยังชั้น 2 และ 3 ของที่นี่ มีตั้งแต่ #BornSocialClubParty – Secret Party โดย Schweppes ที่เปลี่ยนห้องให้กล่ยเป็นสีสันแห่งความสนุก มาหมดทั้งจอ LED แสง สี ลวดลายกราฟิก และลูดบอลดิสโก ขยับไปกับ The Blue Rest โดย Seefah ที่อยากชวนเรามานั่งพักกันสักหน่อย ด้วยลังพลาสติกสีฟ้าพร้อมตกแต่งแสงไฟที่นั่งพักอย่างไรให้ได้รูปถ่ายกลับบ้านสวย ๆ ไปด้วย


Spectra พาวิลเลียนสุดสงบที่พอเราเดินเข้าไปจนสุดทาง จะมีฉากของวัดอรุณคอยต้อนรับเราอยู่ Across From Here, Across From Now ชิ้นงานแสงสีที่หยิบเอาลสดลายของสถาปัตยกรรมจากพระปรางค์วัดอรุณ, ป้อมวิชัยประสิทธิ์, วัดกัลยาณมิตร, โบสถ์ซางตาครูส, วัดกุฎีจีน, วัดประยูร และสะพานพุทธ มาถ่ายทอด จากนั้นขึ้นไปที่ชั้น 3 บ้างกับ Blooming Pace ห้องที่ฉายภาพดอกไม้ผลิบานอยู่ทั่ว และ BOB Light, BOB Rise สำหรับใครที่คิดถึงน้อง BOB น้องรออวดโฉมขาวอวบอยู่บนนี้นะ
ZONE 4 : สวนสราญรมย์
จำนวน 6 ชิ้นงาน
ระยะเวลาชมงาน 50-60 นาที
จากยอดพิมาน ลองมองหารถโดยสารของงานที่จะพาเราออกเดินทางไปยังอีกโซนได้ฟรี ๆ หรือจะลองใช้บริการรถโดยสารธารณะอื่นก็ได้ เพื่อมุ่งหน้าไปยังสวนสราญรมย์ ที่มีชิ้งานกระจายอยู่ทั่วสวน เริ่มที่ Born Social Ball ลูกบอลขนาดยักษ์ที่เราสามารถใส่ชื่อ เลือกคำบรรยาย และพื้นหลังในแบบของเราเอง แล้วโยนไปขึ้นบนลูกบอล หรือจะถ่ายรูปเซลฟี่ แล้วโยนขึ้นไปโชว์บนบอลก็ได้เหมือนกันนะ


Soundscape งานที่ชวนให้เรารับบทเป็นศิลปิน สร้างสรรค์ผลงานศิลปะผ่านดนตรี เพราะทุกโน้ตที่เรากด จะเปลี่ยนเป็นภาพฉายตรงหน้า เคล้าคลอไปกับเสียงเพลงของเราเอง ภูตน้อยในสวน งานที่เล่ากับต้นไม้ใหญ่ในสวน ว่าในต้นไม้น่าจะมีวิญญาณอาศัยอยู่ตามความเชื่อ แล้วพวกเขาก็คงออกมาทำกิจกรรมในสวนกันบางแหละเนอะ


Animal Utopia งานที่เล่นกับพื้นที่ว่าที่นี่อาจเป็น สวนสัตว์ของประเทศไทยแห่งแรก ด้วยการให้เราแต่งแต้มสีสันลงบนภาพสัตว์ต่าง ๆ ได้ตามใจ แล้วสัตว์ที่เราลงสีนั้นจะขึ้นไปแสดงอยู่บนจอ และเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ต่อกันที่ ดวงจันทร์กังวาล ที่เล่าเรื่องราวของบทเพลง “ลาวดวงเดือน” พร้อมการแสดงแสงสีที่เต้นระบำไปกับแสงจันทร์ และ Bottleblooms สวนดอกไม้พลาสติกเรืองแสง ที่ได้พลังงานมาจากแสงอาทิตย์ตอนกลางวัน งานนี้รีไซเคิลขวด PET ที่ใช้แล้วกว่า 300 ขวดเลยนะ

กรุงเทพฯ ยังมีอีกหลายมุมให้เราค้นหา และออกไปสนุกกันอีกเยอะ เหมือนกับที่ dusitD2 Samyan Bangkok อยากให้ทุกคนรู้จักกับ “สามย่าน” และ Neighborhood ที่ใกล้เคียงมากขึ้น จึงชักชวนพันธมิตรอย่าง ASAI Bangkok Chinatown และ The Food School Bangkok มาพาเราออกไปเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ใน 1 วัน กับ “TUK TUK DINE AROUND – Bangkok Culinary Experience” กิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ พร้อมลุยกรุงเทพฯ ด้วยคาราวานรถตุ๊กตุ๊ก ที่ให้เราทั้งอิ่มท้อง ทดลองทำกับเวิร์กชอปดี ๆ และเอนจอยไปกับ Street Food และบาร์สุดเก๋ที่ซ่อนตัวอยู่ในย่านเยาวราช Curated by Routeen. ที่รับรองว่าทุกที่มีแต่ของเด็ด! แล้วพบกัน 8 มีนาคม 2568 นี้
สอบถามรายละเอียดได้ที่ LineOA @dusitd2samyan
ZONE 5 : แพร่งภูธร
จำนวน 4 ชิ้นงาน
ระยะเวลาชมงาน 20-30 นาที
ข้ามถนนกัลยาณไมตรี เพื่อเข้าสู่โซนของแพร่งภูธร เริ่มที่งาน Alone, Together สร้าบรรยากาศห้องแถวจิ๋ว ที่ชวนเราเข้าไปส่องใกล้ ๆ ให้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของคนในตึกแถวที่เหมือนจะโดดเดี่ยว แต่จริง ๆ ก็ไม่นะ Glow In Bloom ตีความจากชื่อ “ฮวงไน้” ของ The Knight House ที่แปลว่าดอกบัว ให้กลายเป็นสวนบัวหลังบ้านที่เล่นกับแสงสีได้ดี


Distorted ตกแต่งรถเก่าหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊เพ็ญ ด้วยน้องแมวจอมป่วนในรูปแบบนีออนดัด หยอกล้อเล่นกันอยู่บนรถน่ารัก ๆ สุดท้ายกับ Wishing Point กับห้องที่มีเส้นแสงวิ่งไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมม่านบาง ๆ ให้เราถ่ายรูปเล่นกันสวย ๆ
ZONE 6 : แพร่งนรา
จำนวน 2 ชิ้นงาน
ระยะเวลาชมงาน 10-15 นาที

ข้ามถนนมานิดเดียวกับย่านแพร่งนรา ที่มีอยู่ 2 ชิ้นงานด้วยกันในย่านนี้ เริ่มที่พื้นที่ในร้าน “ย่งเซ่งหลี” ร้านอาหารประจำย่านอายุกว่าร้อยปี กับ Good Old Days ที่นำโคมไฟจีน 4 ดวง ที่เล่าถึง 4 ยุคของร้านที่ไม่ว่าช่วงไหน ก็ทำให้ย่านนี้ครึ้กคื้นอยู่เสมอ และ Dancing w/ Flowers กำแพงอินเตอร์แรคทีฟที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพรรณ ให้เราเข้าไปสร้างปฏิกิริยากับเหล่าดอกไม้นั้นอยู่
ZONE 7 : ถนนมหรรณพ
จำนวน 2 ชิ้นงาน
ระยะเวลาชมงาน 10-15 นาที
บนถนนเส้นนี้ที่เชื่อมระหว่างแพร่งภูธร กับดแพร่งนรา และศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ก็ยังมีชิ้นงานให้แวะดูอีก 2 ชิ้นด้วยกัน กับ The Seven Wonder Creatures of Himmaphan Forest ที่ซ่อนตัวอยู่ใน Double B Hostel กับการนำภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังป่าหิมพานต์ให้มีชีวิต และขยับเขยื้อนได้


และ Corner Unfolds ที่หน้า World At The Corner นำแรงบันดาลใจของร้านหนังสือของสองพี่น้อง “ประกอบสันติสุข” มาเป็นหนังสือเล่มใหญ่ ที่ให้เราเข้าสู่จินตนาการในหนังสืออีกครั้ง
ZONE 8 : ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร
จำนวน 1 ชิ้นงาน
ระยะเวลาชมงาน 15-20 นาที

บริเวณศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร มีชิ้นงานตั้งอยู่อีก 1 ชิ้น กับ EmoGlow กับชิ้นงานสุดเท่ที่จะนำเสนอแสงสีที่แตกต่างกัน โดยเปลี่ยนไปตามอารมณ์ของผู้เข้าชมที่แตกต่างกันออกไป คิดแล้วก็คล้ายกับ Inside Outs อยู่เหมือนกันนะ
ZONE 9 : สวนรมณีนาถ
จำนวน 6 ชิ้นงาน
ระยะเวลาชมงาน 40-50 นาที
ปิดท้ายที่สวนรมณีนาถ แต่เราขอให้ทุกคนแวะกันที่ข้าง ๆ วัดสุทัศน์กันก่อน กับ Twilight Levitation ที่เปลี่ยนพื้นที่เกาะกลางยามค่ำคืนให้มีสีสันและสว่างไสว ที่ช่วยแก้ปัญหาความมืดในย่านนี้ได้ด้วย แล้วค่อยเดินเข้าภายในสวน เพราะยังมีอีก 5 ชิ้นงานภายในนี้ เริ่มที่ Talk To Tree เล่นกับต้นจามจุรีที่ถูกตกแต่งแสงไฟอย่างสวยงาม รอให้เราเข้าไปพูดคุยกับต้นไม้ใหญ่นี้ ประภาคารฝัน กับงาน Projection Mapping บนประภาคารเก่า ด้วยภาพ Abstract มหาสมุทรแห่งชีวิต



Rise By The Halo อีกหนึ่งงานสุดสนุกกับ Interactive Mapping ที่จำลองคาแรกเตอร์น้อง Halo ให้เราได้ระบาย เขียนความเครียดต่าง ๆ ลงไป แล้วโยนไปยังน้อง น้องก็จะช่วยกลืนกินเรื่ิงราวไม่ดีของเรานั้นไป ถือเป็นการเยียวยาหัวใจของเราได้อีกทางหนึ่งนะ The Forest Of Freedom กับการฉายภาพนก ที่สือถึงความอิสระลงบนกำแพงเรือนจำเก่า สุดท้ายกับ ที่เก่าเล่าใหม่ ที่เปลี่ยนลานสเก็ตภายในสวน แล้วฉายภาพของกรุงเทพฯ ในอนาคต ที่รอให้ทุกคนไปดูด้วยตาตัวเอง
Awakening Bangkok 2024
เข้าชมฟรี
8-17 พฤศจิกายน 2567 เวลา 18:00 – 23:00 น.
ย่านพระนคร กรุงเทพมหานคร
MRT สนามไชย (มิวเซียมสยาม) แล้วออกเดินชมงาน