สำหรับชาวเจริญนครแล้ว นอกจากไอคอนสยามก็คงต้องยกให้ เจริญนครซอย 10 เป็นอีกหนึ่งที่ที่น่าจะเป็นหน้าเป็นตาของย่านได้ เพราะปัจจุบันซอยนี้ฮิตขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยร้านรวงที่เกิดขึ้นใหม่มากมาย และกลายเป็นจุดหมายปลายทางของคนชอบของอร่อย ชอบดื่ม กาแฟ ไปจนถึงสายคาเฟ่ฮอบปิง ล่าสุดกับคาเฟ่เล็ก ๆ ดูอบอุ่นที่ Routeen. เพิ่งแวะเวียนไป กับ Anatta Coffee And Undefined Space


เราผ่านร้าน กาแฟ หลังหัวมุมแห่งนี้ในตอนเช้า ตัวร้านสีขาว แซมด้วยประตู กรอบหน้าต่าง และช่องรับแสงวัสดุไม้ ที่กำลังเล่นกับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดเข้ามา ก็ทำให้รู้สึกว่าน่าจะต้องแวะเข้าไปข้างในสักหน่อย เพราะแค่ดูข้างนอกก็ดูโฮมมี่และน่านั่งไม่น้อย ภายในร้านตกแต่งได้แบบน่ารักด้วยโต๊ะและเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม กับเคาน์เตอร์บาร์ที่มี คุณเบสท์ – ธนวัฒน์ มนตรีพิลา และหุ้นส่วน กำลังลงมือทำเครื่องดื่มแต่ละแก้วด้วยตัวเอง รอต้อนรับเราอยู่

โชคดีที่ช่วงที่เราไปนั้นยังไม่มีลูกค้า จึงไปเลียบ ๆ เคียง ๆ ข้าง ๆ เคาน์เตอร์ชวนคุณเบสท์คุยได้ จึงรู้มาว่า ก่อนหน้านี้คุณเบสท์เองก็เคยทำงานที่ร้าน กาแฟ ในจังหวัดระยอง บ้านเกิดของเขาอย่าง Wanna Sweet And Savoury Cafe มาก่อน ซึ่งต้องบอกว่าจุดเริ่มต้นของคุณเบสท์จะแตกต่างกับคนที่อยากทำร้าน กาแฟ เพราะชอบดื่ม กาแฟ อย่างที่เราเคยได้ยินมาสักหน่อย

แต่เพราะในช่วงเรียนปริญญาทั้งตรีและโท คุณเบสท์ได้มีโอกกาสเรียนบำบัดน้ำเสีย และน้ำเสียนั้นคือคาเฟอีน ทำให้มีโอกาสได้เกี่ยวข้องกับ กาแฟ เยอะ ได้เห็นความหมากหลาย มิติที่ซ่อนอยู่หลังแต่ละแก้ว กาแฟ จึงเริ่มอยากรู้แบบลงลึกขึ้นเรื่อย ๆ

จากที่เคยตั้งใจแค่ว่า พบเรียยนจบมาก็คงไปทำงานโรงงานตามที่สายที่เรียน เก็บเงินได้ค่อยทำอะไรสนุก ๆ ในช่วงบั้นปลายชีวิต ตามเส้นทางปกติอย่างคนทั่วไป ก็กลายเป็นว่าพอเรียนจบแล้วไปเป็นลูกจ้างที่ร้าน กาแฟ ก่อน เพื่อให้รู้เรื่องราวของธุรกิจนี้มากขึ้น และหวังว่าวันหนึ่งก็อาจจะเปิดร้าน กาแฟ แบบ Grab & Go เล็ก ๆ ที่ระยองได้

แต่วันหนึ่ง หุ้นส่วนของคุณเบสท์ก็ทักมาสอบถามข้อมูลเรื่อง กาแฟ เพราะทางหุ้นส่วนกำลังเปลี่ยนพื้นที่ส่วนหนึ่งของบ้านตัวเอง ให้เป็นคาเฟ่อยู่พอดี พอคุณเบสท์ขึ้นมากรุงเทพฯ และได้พูดคุยกันอย่างจริงจัง จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของร้านนี้อย่างปัจจุบัน

เดิมทีพื้นที่ก่อนที่จะเป็น Anatta Coffee And Undefined Space ตรงนี้เป็นโรงจอดรถของบ้านหุ้นส่วนมาก่อน ก่อนที่จะเปลี่ยนพื้นที่ให้กลายเป็นร้าน ย้ายรถไปจอดที่ชั้น 1 ของตัวบ้านแทน ตัวร้านยังคงใช้โครงสร้างเดิมของโรงจอดรถเก่า (ที่ถือว่าชัยภูมิค่อนข้างดีมาก ๆ เพราะตั้งอยู่หัวมุมของซอย ทำให้ตัวร้านมีผนังและหน้าต่าง รวมถึงช่องรับแสงเหนือหน้าต่าง ที่ทำหน้าที่รับแสงธรรมชาติได้มาก และมองเห็นเด่นชัด) ย้ายประตูร้านไปไว้ฝั่งที่เมื่อคนเดินทางเข้ามาจากปากซอยเจริญนคร 10 จะเห็นชัดขึ้น

ส่วนงานตกแต่งด้านในเป็นไปตามความชอบของเจ้าของร้าน ทั้งการเลือกใช้ตัวร้านสีขาว และการหยิบเอาสัจจะวัสดุอย่างไม้มาตกแต่งเป็นหลัก ให้บรรยากาศแนวโฮมคาเฟ่ที่ดูคอมฟี่หน่อย ๆ เติมความพริ้วไหวให้ตัวร้านดูไม่แข็งจนเกินไปด้วยม่านสีขาวที่ทิ้งตัวหน่อย ๆ และผ้าขาวผืนใหญ่ที่ขึงไว้บนเพดาน และยังคงเห็นส่วนประกอบเดิมของต้วบ้านที่ยังเก็บเอาไว้ ทั้งกระเบื้องลายจีนบางแผ่น หรือกรอบหน้าต่างเดิมที่กำแพงฝั่งติดตัวบ้าน
“จากความเชื่อของเข้าของร้านว่าทุกอย่างไม่จีรัง และไม่อยากยึดติด ที่สอดคล้องกับการนำเสนอหลาย ๆ อย่างในร้านแบบไม่ตั้งใจให้เป็นแพตเทิร์น ทุกอย่างถูกจัดแจงและเกิดขึ้นตามความชอบและสนใจ”

นอกจากนี้เรายังจะได้เจอของวางจำหน่ายจุกจิกไปทั่วร้าน มีทั้งชั้นขนาดใหญ่ที่อยู่ฝั่งเคาน์เตอร์ มุมเล็ก ๆ อีกด้านบริเวณที่นั่ง ชั้นวางอีกจุดที่โซนหลังร้าน ไปจนถึงเสื้อหรือไอเท็มที่แขวนอยู่ตามราวผ้าม่าน ทั้งหมดนี้คือสินค้าที่ทางร้าน Selected รวมถึงเป็นสินค้าของเหล่าผองเพื่อนที่คัดมานำเสนอและวางจำหน่ายเพิ่มเติม
ซึ่งอาจนับว่าเป็นไอเดียเริ่มต้นจริง ๆ ของร้านก็ได้ เพราะจริง ๆ แล้วร้านนี้เกิดจากความชอบที่อยากจะเปิดร้านแนว Selected Shop ที่มี กาแฟ เข้ามาทำให้ร้านครบครันมากขึ้น แต่ปัจจุบันก็กลายเป็นคาเฟ่ที่มีสินค้าต่าง ๆ วางจำหน่าย ที่ทั้งสองอย่างก็เกื้อหนุนกันให้คาแรกเตอร์ร้านนี้ชัดเจนขึ้นมา

ส่วนชื่อร้านอย่าง Anatta นั้นก็มาจากคำว่า “อนัตตา” นั่นเอง มาจากความเชื่อของเข้าของร้านว่าทุกอย่างไม่จีรัง และไม่อยากยึดติด ที่สอดคล้องกับการนำเสนอหลาย ๆ อย่างในร้านแบบไม่ตั้งใจให้เป็นแพตเทิร์น ทุกอย่างถูกจัดแจงและเกิดขึ้นตามความชอบและสนใจ เพราะไม่อยากยึดติดกับอะไร และไม่อยู่กับคำว่า “ทำไมต้อง…” ตลอดเวลานั่นเอง

ทางร้านมีทั้ง Speed Bar และ กาแฟ ดริปให้เลือกชิม มาพร้อมกับ House Blend ให้เลือกถึง 3 ตัวครบ ๆ ทั้งคั่วอ่อน “เปรี้ยวสดชื่น” กับเมล็ดจากเอธิโอเปียที่เบลนด์ทั้งโปรเซส Natural กับ Washed ที่มาในโทนฟลอรัล ฟรุตตี คั่วกลาง “หอมหวาน” ที่จะเป็นเมล็ดจากฮอนดูรัสและบราซิล ออกโทนวานิลลา ช็อคโกแลต และครีมมีหน่อย ๆ
สุดท้ายกับคั่วกลางค่อนเข้ม “หอมเข้ม” ที่จะเป็นเมล็ดไทยจากเชียงรายและบราซิล ตัวนี้จะออกนัตตี้ ดาร์กช็อก และมีความคาราเมลอยู่ด้วย รวมถึงยังมีเมล็ดสำหรับดริป และ Single Origin ให้เลือกด้วยเช่นกัน

เราลอง Dirty (130 บาท) เลือกเป็นเมล็ด “หอมเข้ม” ที่ต้องบอกว่ากลิ่นนัตตี้ค่อนข้างจัดมาก ๆ มาได้เจอกับนมเย็น ๆ เข้าไปจึงได้ฟีลคล้ายดื่มนมถั่วที่นัวขึ้น และมีเอกลักษณ์ใหม่ ๆ ในเดอร์ตี้แก้วเดิม


แล้วก็ไม่พลาดที่จะลอง Drip Coffee (180 บาท) ด้วย เราจัดเป็นเมล็ดพิเศษอย่าง Rose Valley เป็นเมล็ดโคลอมเบียที่ได้ AKA ว่าเป็นเบลนด์ราชนิกุล ได้กลิ่นฟรุตตีและฟลอรัลมาแบบลูกคุณ ค่องข้างดื่มง่ายและเหมาะกับคนไม่ชอบกาแฟเปรี้ยว แต่ก็ไม่ชอบบอดี้หนัก ๆ ปิดท้ายอีกแก้วกับ Cold Brew (90 บาท) ที่ไลต์ ๆ หน่อย ดื่มง่าย เกมาะกับเป็นแก้วที่สองหรือสาม ไว้เติมความสดชื่นระหว่างวันได้

ส่วนขนมอบในร้านก็ได้โฮมคุกฝีมือดีที่ทางเจ้าของร้านชอบมาวางจำหน่าย และทางร้านทำการคัสตอมรสชาติให้เหมาะสมเพิ่มเติม เราจะได้พบทั้ง สตรอว์เบอร์รี่ชอตเค้ก บานอฟฟี เลมอนเค้ก บราวนี ฟรุตเค้ก และเบิร์นชีสเค้ก รวมถึงยังมีเมนูอื่น ๆ ตามเทศกาลเพิ่มเติมเรื่อย ๆ ด้วย

เราลองชิมเป็น 4D Brownies (95 บาท) บราวนีชิ้นโตที่มีความพิเศษอยู่ที่เหมือนเราได้กินทั้งบราวนีแบบกรอบ แบบนุ่ม แบบลาวา ในชิ้นเดียวกัน หากตัดดูจะเห็นคล้ายเป็นเนื้อเลเยอร์ที่ช่วงกลาง ๆ จะหนึบหน่อย ชั้นลนและล่างจะร่วนขึ้น และหน้าบราวนีเป็นฟิล์มกรอบ แถมยังดแอบใส่เกลือเข้าไปตัดรสหวานด้วย สร้างมิติแบบใหม่ ๆ ให้ขนมชิ้นนี้ได้ดีทีเดียว
หากใครแวะเวียนไปยังเจริญนคร 10 ก็ลองแวะไปนั่งท่ามกลางบรรยากาศสงบ ๆ ฟังเพลงจากไวนิลของทางร้าน หรือจะถ่ายรูปโพลารอยด์เล่นในร้านก็มีให้บริการ แอบบอกว่าถ้ามาช่วงเช้า แสงในร้านจะสวยไม่น้อยเลยล่ะ
Anatta Coffee And Undefined Space
เปิดทุกวัน เวลา 08:00 – 20:00 น.
เจริญนคร 10 คลองสาน
BTS สถานีเจริญนคร แล้วเดิน | มีที่จอดรถ