สำหรับคนรักอาหาร อิตาเลียน ชื่อของร้านอาหารอิตาเลียนย่าน อโศก อย่าง About Eatery น่าจะเป็นอีกหนึ่งร้านที่อยู่ในดวงใจของใครหลาย ๆ คน วันนี้ ร้านอาหาร ที่คุ้นเคย ถูกยกระดับใหม่หมด ทั้งตัวร้านและเมนูอาหาร ที่ทำให้เราเอนจอยกับอาหารอิตาเลียนมากขึ้น (แถมมาพร้อมกับไวน์มากมายให้เลือก) กับ Al Gatto Nero
แน่นอนว่าตัวร้านยังคงตั้งอยู่ที่เดิม ใต้อาคารโอเชียนทาวเวอร์ 2 กับหน้าตาที่เปลี่ยนไป ให้เราเดินเข้าไปแล้วต้องพบกับบรรยากาศที่ราวกับเราเข้าไปนั่งอยู่ในร้านอาหารที่อิตาลี ที่เลือกใช้วัสดุไม้เข้ามาประกอบเป็นหลัก โต๊ะนั่งปูผ้าลายสก็อตสีแดงที่ชวนย้อนให้เรานึกถึงร้านอาหารโฮมคุกหน้าตาง่าย ๆ แต่รสชาติถูกใจในอิตาลี
พร้อมกับแบ่งพื้นที่ในร้านออกได้อย่างเป็นสัดส่วน ตั้งแต่โซนเอาต์ดอร์เล็ก ๆ หน้าร้าน โซนโต๊ะที่นั่งที่รองรับทั้งกลุ่มเล็ก กลุ่มใหญ่ และครอบครัว ที่มีเคาน์เตอร์โชว์การทำพาสต้าเส้นสดหลากหลายรูปแบบให้เราเห็นกันชัด ๆ และยังมีเคาน์เตอร์ยาวที่มีบาร์เก้าอี้สูงให้นั่งสำหรับผู้ที่รักเบียร์ กับโซนสุดท้ายที่มาในรูปแบบ Open Kitchen ขนาดใหญ่ พร้อมเคาน์เตอร์ที่นั่งรูปตัว U และขนาบด้วยกำแพงไวน์ทั้งสองข้าง ที่ให้เราได้นั่งดูเหล่าเชฟปรุงอาหารกันสด ๆ ตรงหน้า
จริง ๆ แล้วที่นี่น่าจะเรียกว่าเป็นร้าน Trattoria (ตรัตโตรียา) ที่อยู่ระหว่างการเป็นร้านอาหารจริงจังขนาดใหญ่ (Ristorante) กับร้านง่าย ๆ เล็ก ๆ (Osteria) ด้วยความตั้งใจที่อยากให้ตัวร้านเข้าถึงง่ายขึ้นในทุกช่วงเวลา และเหมาะกับทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะมากินมื้อเที่ยงง่าย ๆ มื้อเย็นจัดหนัก หรือสังสรรค์กันอย่างสนุกสนาน ก็ตอบโจทย์ในทุกด้าน
ส่วนชื่อร้านอย่าง Al Gatto Nero ที่แปลได้ว่า “เจ้าแมวดำ” นั้น เราเชื่อว่าหลายคนคงสงสัยว่าแล้วแมวดำเกี่ยวอะไรกับร้านกันนะ จริง ๆ แล้วต้องบอกว่านี่คือความสนุกของเจ้าของร้าน ที่หยิบเอาชื่อฮิตของร้านในอิตาลีมาใช้ที่นี่ด้วย และเป็นที่มาว่าทำไมในร้านถึงหยิบเอาภาพคนดังต่าง ๆ ที่มีแมวดำเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของภาพมาประกอบอยู่ในร้านด้วยนั่นเอง
“จริง ๆ แล้วที่นี่น่าจะเรียกว่าเป็นร้าน Trattoria (ตรัตโตรียา) ที่อยู่ระหว่างการเป็นร้านอาหารจริงจังขนาดใหญ่ (Ristorante) กับร้านง่าย ๆ เล็ก ๆ (Osteria) ด้วยความตั้งใจที่อยากให้ตัวร้านเข้าถึงง่ายขึ้นในทุกช่วงเวลา และเหมาะกับทุกกลุ่มเป้าหมาย”
อาหารอิตาเลียนของที่นี่นับเป็นสไตล์นีโอ-คลาสสิก ที่หยิบเอาอาหารอิตาเลียนหลากหลายรูปแบบมานำเสนอ โดยได้เฮดเชฟที่มีฝีมือและประสบการณ์มากมาย ทั้งการเป็นเชฟในโรงแรมชื่อดังของประเทศไทย ไปจนถึงการได้เข้าไปถวายการปรุงอาหารให้กับบุคคลสำคัญระดับประเทศมาแล้ว ไม่ว่าอาหารอิตาเลียนจานไหนจะน่าสนใจ แต่จานไฮไลต์คงต้องยกให้ Pizza Romana ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
หากย้อนกลับไปในสมัยโรมโบราณ พิซซ่าแบบดั้งเดิมมักจะเป็นแบบบางกรอบ หน้าพิซซ่าจะมีส่วนผสมที่เรียบง่ายแต่มีรสชาติ อาทิ น้ำมันมะกอก กระเทียม แอนโชวี และเพโคริโนชีส แต่เมื่อเวลาผ่านไป สูตรพิซซ่าก็พัฒนาขึ้น และพิซซ่า Romana สมัยใหม่ที่เรารู้จักในทุกวันนี้มักประกอบด้วยซอสมะเขือเทศ มอสซาเรลลาชีส ปลาแอนโชวี่ และออริกาโน (แต่ยังคงเป็นแป้งบางกรอบอยู่)
เราลอง Diavola (310 และ 390 บาท) ที่ประกอบไปด้วย Spicy Salamino มะเขือเทศ และมอซซาเรลลา ที่รสชาติลงตัว ได้ความเปรี้ยวจากมะเขือเทศ และหอมมันจากชีสแบบเต็ม ๆ
สายซีฟู้ด ลองสั่งจานทานเล่นอย่าง Crispy Calamari & Shrimps (450 บาท) ที่มาพร้อมทั้งปลาหมึกและกุ้งตัวใหญ่ ๆ เสิร์ฟพร้อมซอสทาทาร์โฮมเมด หรือสายเนื้อลองสั่งเป็น Polpette (350 บาท) มีตบอลลูกโต เสิร์ฟมาในซอสสไปซี่มะเขือเทศ และ Pecorino ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
Risotto Busara (490 บาท) รีซอตโตกุ้ง ทั้ง Mantis Prawns และ Shrimps เติมรสด้วย Tomato Bisque ที่รอบนี้เราโชคดีมาก เพราะทางเชฟแอบเพิ่ม Yellow Wine Sauce มาให้เคียงกับริซอตโตจานนี้ด้วย ช่วยเสริมรสชาติหอมมันกำลังดี พอคลุกริซอตโตกับซอสเพิ่มจะช่วยให้รสชาติมีมิติมากขึ้น
หรือคอพาสตา เราอยากให้ลองสั่ง Braised Shoulder Lamb ดู ครั้งนี้เราเลือกเส้นเป็น Orecchiette (450 บาท) ผัดกับ Tomato Sauce, Pecorino และ Cacioricotta สารภาพจริง ๆ ว่าเราไม่เคยลองเส้นนี้มาก่อน ที่คล้ายเปลือกหอยก้นบุ๋ม ทำให้ซอสที่นอกจากเคลือบเส้นแล้ว ซอสยังเข้าไปอยู่ในรอยบุ๋มของพาสตา ทำให้ Juicy ขึ้นมาก ๆ เลยล่ะ
อีกจานที่ไม่อยากให้พลาดคือ Slow-Cooked Beef Cheek (690 บาท) แก้มเนื้อตุ๋นไวน์แดง หรือ “guancia di manzo al vino rosso” ในภาษาอิตาลี จานนี้มีต้นกำเนิดในแคว้นทัสคานี ที่จริง ๆ แล้วเนื้อส่วนนี้เป็นส่วนที่หลายคนมองข้ามในสมัยก่อน นำมาเคี่ยวช้า ๆ ในซอสไวน์แดงรสเผ็ด จนในที่สุดแก้มวัวตุ๋นกลายเป็นสัญลักษณ์ของอาหารที่เรียบง่ายแต่ประณีตของภูมิภาคนี้ไปแล้ว และสามารถหาชิมได้ที่นี่ (ซึ่งแอบบอกว่ามันบดในจานนี้ก็คืออร่อยมากจริง)
ล้างปากกันสักหน่อยด้วยของหวานสไตล์อิตาเลียน กับ Gatto Nero Chocolate Mousse Cake (270 บาท) Zuccotto Gelato (270 บาท) และ Baked Apple & Almond Tart (240 บาท) ที่เป็นอีกหนึ่งจานที่มีประวัติมาอย่างยาวนานในแคว้นทัสคานี
กล่าวกันว่าตอร์ตา ดิ เมเล หรือเค้กแอปเปิลอิตาเลียน มีต้นกำเนิดในหมู่บ้านเล็กๆ ที่นี่ ซึ่งคนทำขนมปังได้สร้างสรรค์เค้กที่เรียบง่ายและอร่อยโดยใช้แอปเปิลสดจำนวนมากจากสวนผลไม้ในบริเวณใกล้เคียง จนกลายเป็นอีกหนึ่งเมนูของหวานโด่งดังนั่นเอง
สำหรับคนรักไวน์ ที่นี่น่าจะเรียกว่าสวรรค์ของคนรักไวน์ก็ว่าได้ จริง ๆ แล้วก่อนที่จะมาเป็น Al Gatto Nero มาก่อน ที่นี่น่าจะถือเป็นร้านแรก ๆ ในบ้านเราที่มี Natural Wine จำหน่าย ซึ่งจริง ๆ แล้วยังมี Organic Wine และ Biodynamic Wine ให้เลือกด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมี Lunch Set แบบราคาคุ้ม ๆ รองรับเหล่าคนทำงานให้มาฝากท้องกันด้วย
Al Gatto Nero
เปิดทุกวัน เวลา 11:30 – 14:30 น. และ 17:30 – 22:00 น.
อาคาร Ocean Tower II สุขุมวิท 21 ซอย 3
คลองตันเหนือ วัฒนา
BTS อโศก / MRT สุขุมวิท แล้วต่อพี่วิน | มีที่จอดรถ