ในฐานะที่ผู้เขียนเองก็อยู่ฝั่งธนฯ มาโดยตลอด ต้องบอกว่ายุคนี้คือยุคแห่งธนบุรีอย่างแท้จริง! เพราะนับวันฝั่งธนฯ บ้านเราก็ยิ่งเติบโต และมีแต่ของดี ๆ ผุดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน จนตอนนี้การจะต้องข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เข้าไปยังฝั่งเมืองเพื่อชอป ชิม ชิลล์ นั้นไม่จำเป็นอีกต่อไป กลับกัน เดี๋ยวนี้ฝั่งเมืองต้องหาเวลาแวะมาฝั่งธนฯ บ่อยขึ้นกว่าเดิมด้วย! ก็คาเฟ่ฝั่งนี้เขาปังไม่ไหว มีร้านใหม่ ๆ และน่าสนใจให้แวะมากมาย และนี่คือ 9 คาเฟ่ ฝั่ง ธนบุรี ที่เพิ่งเปิดใหม่ในช่วงนี้ และ Routeen. ได้รวบรวมไว้ในบทความเดียวเรียบร้อยแล้ว
ตัวร้านได้ไอเดียมาจากตัวร้านเดิม (เป็นร้าน Pet Grooming) ที่นำตู้คอนเทนเนอร์มาเป็นห้องอาบน้ำของน้อง ๆ ทางร้านมองว่าของเดิมที่มีสามารถปรับเปลี่ยนให้น่าสนใจได้ และท้าทายไม่น้อยที่จะปรับตู้คอนเทนเนอร์ที่พอลูกค้าเดินเข้ามาแล้วไม่รู้สึกว่าเป็นตู้คอนเทนเนอร์อีก โดยตั้งใจทำให้เหมือนว่านี่คือบ้านหลังหนึ่ง ที่มีสวนหน้าบ้านสุดกว้างอยู่ เปลี่ยนตู้คอนเทนเนอร์ (ที่เขาว่า) ร้อนเมื่ออยู่กลางแดดให้เย็นสบาย ด้วยหลักสถาปัตยกรรม ทั้งเรื่องทิศทางแสง การระบายลม หลังคา หากเดินเข้าไปในร้านจะพบช่องแสงขนาดใหญ่ที่เจาะตู้เอาไว้ แล้วเปลี่ยนช่องว่างระหว่างตัวร้านกับกำแพงให้เป็นสวนสไตล์มินิมอลชวนรีแลกซ์ ให้ดูไม่อึดอัด รวมถึงต่อเติมพื้นที่ของร้านบริเวณเคาน์เตอร์ให้ยื่นออกไปจากตัวตู้คอนเทนเนอร์เล็กน้อยให้รูปทรงดูโฮมมี่มากขึ้น เปลี่ยนตู้ให้เป็นสีเบจ และหยิบเอาไม้สีเข้มสไตล์บ้านฝรั่งมาเติมเข้าไป
ทางร้านได้ KoffeePlus Coffee Roaster Academy ร้านกาแฟที่มีชื่อเสียงบนเวทีประกวดที่เปิดมานานกว่า 10 ปี รวมถึงเจ้าของร้านยังเป็นพี่ชายของคุณวิ้นอีกด้วย มาช่วยออกแบบ House Blend ของทางร้านให้ ผ่านโจทย์ว่าจะต้องเป็นกาแฟที่เข้าใจง่าย และรสชาติดี เป็น Everyday Coffee ได้ ออกมาเป็น 3 ตัวด้วยกันอย่าง Boundless เบลนด์คั่วกลางที่เหมาะสำหรับทุกแก้ว มีโน้ตเป็นนัตตี้นิด ๆ คาราเมลและช็อกโกแลตหน่อย ๆ ใช้เป็นเมล็ดบราซิล โคลอมเบีย และไทย อีกตัวเอาใจคนชอบดื่มเบา ๆ กับ Tiny In Town เมล็ดคั่วอ่อนที่โน้ตเป็ลฟลอรัลและซิตรัส ใช้เมล็ดเอธิโอเปีย กัวเตมาลา และเมล็ดไทย สุดท้ายกับสเปเชียลเบลนด์อย่าง Little Cloud ที่เป็นคั่วกลางค่อนอ่อน บอดี้จะมีความฟรุ้ตตี้นิด ๆ ฟลอรัลหน่อย ๆ ด้วยเมล็ดเอธิโอเปีย ฮอนดูรัส และเมล็ดไทย
อ่านบทความฉบับเต็มของ acre.Neighborhood Cafe ได้ที่ https://routeen.co/acre-neighborhood-cafe/
เปิดทุกวัน (เว้นวันศุกร์) เวลา 9:00 – 17:30 น. (Last Order 17:00 น.)
พุทธมณฑลสาย 2 ซอย 7 บางแคเหนือ
MRT หลักสอง แล้วต่อแท็กซี่ | มีที่จอดรถ
ที่จริงแล้ว จุดซ่อนเร้น คาเฟ่ เขามีสาขาแรกในย่านพุทธมณฑลสาย 3 มาก่อน ดังนั้นที่นี่จึงเป็นสาขาที่สองของคาเฟ่นี้ โชคดีที่เราไปแต่เช้า (ซึ่งคาเฟ่นี้เปิดเช้าเวอร์ 7 โมงครึ่งก็แวะได้แล้ว) ที่ร้านจึงยังไม่มีลูกค้ามากนัก เลยแอบไปพูดคุยกับเจ้าของร้านอย่าง คุณแบงค์ – ณัฐดนัย อยู่เจริญ จนรู้ถึงที่มาที่ไปของชื่อร้านที่สงสัยมานานว่า มันเกิดจากคาแรกเตอร์ของร้านที่อบอวลไปด้วยต้นไม้ และวิวดี กับบรรยากาศแบบโฮมมี่ ๆ พอร้านเหมือนกับตั้งหลบซ่อนอยู่ในธรรมชาติ เลยตั้งชื่อคาเฟ่ว่า “จุดซ่อนเร้น” เสียเลย
แม้ตัวร้านจะมาในฟีลบ้านชั้นเดียวสีขาวน่ารัก แต่เฟอร์นิเจอร์และงานโครงสร้างส่วนใหญ่ทำมาจากไม้ เพื่อทำให้ตัวร้านดูไม่แข็งและขาวเรียบจนเกินไป อีกทั้งวัสดุไม้ยังช่วยเพิ่มความอบอุ่น ความมีชีวิต ฟีลลิงโฮมมี่ได้อีกด้วย หากลองเงยหน้าขึ้นไปบนเพดาน จะเห็นว่าทางร้านตั้งใจทำให้หลังคาเปิดโล่งไม่มีฝ้ามาบัง และเลือกโชว์โครงสร้างไม้แบบเปลือย ๆ คล้าย Log House กลางป่าในต่างประเทศ
อ่านบทความฉบับเต็มของ จุดซ่อนเร้น คาเฟ่ ได้ที่ https://routeen.co/jutsonrayn-cafe-raikhing-nakornpathom/
เปิดทุกวัน เวลา 7:30 – 17:30 น. (Last Order 17:00 น.)
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3316 ไร่ขิง สามพราน | มีที่จอดรถ
ที่นี่คือคาเฟ่สุด Pet Friendly ที่วางคอนเซปต์ไว้ตั้งแต่แรกว่าจะเป็นคาเฟ่ที่มีทุกอย่าง โดยคิดจากมุมลูกค้า ที่มีสัตว์เลี้ยงดูว่าเขามาแล้วต้องการอะไร ทางร้านมีเพื่อนที่ทำร้านกาแฟอยู่แล้วมาช่วย Consult ให้ และยังเป็นคนที่คั่วเมล็ดให้อีกด้วย
และตัวกาแฟเองก็จะมีความดื่มง่าย เพราะเริ่มมาจากตัวเจ้าของร้านเองที่ไม่ดื่มกาแฟ พอได้มาทำธุรกิจที่มีกาแฟ เลยเลือกแบบโปรไฟล์กาแฟที่ดื่มง่าย ๆ คนไม่กินกาแฟก็เอนจอยได้ มี House Blend เป็นคั่วกลาง 3 ตัว คือ Mellow ลาว-บราซิล ออกโทนช็อกโกแลต นัตตี้ Sunny ไทย-เอธิโอเปีย ออกโทนฟรุตตี้ ดอกไม้ และ Moonshine ฮอนดูรัส-ไทย มีความหอมหวานมีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์
ส่วนอาหารก็มีเชฟ มาเป็น Consult คิดสูตรต่าง ๆ ให้ จุดเริ่มต้นคิดไว้ว่าอยากให้เป็นสไตล์เม็กซิกัน-บรันช์ กินง่าย ๆ ก็เลยมีนาโช่ ทาโก้เข้ามา แต่ด้วยความที่พอเปิดมาสักพักลูกค้าก็อยากได้อะไรที่หลากหลายขึ้น เลยเพิ่มไลน์ใหม่ ๆ ที่เป็นสปาเก็ตตี้ ออกไปในทางตะวันตกมากขึ้น มีความวาไรตี้มากขึ้นเป็น All Day Brunch ที่ตอบสนองลูกค้ามีทั้งแบบทานง่าย ๆ ไปจนถึงทางอิ่มเลย
อ่านบทความฉบับเต็มของ Petrichor cafe ได้ที่ https://routeen.co/petrichor-cafe/
เปิดทุกวัน 09:30 – 18:30 น.
ทวีวัฒนา | มีที่จอดรถ
Routeen. ขอแชร์ทริคเดินทางที่ ง่าย สะดวก สบาย และราคาดี ไม่ต้องคอยกังวลหาที่จอดรถ กินดื่มได้ไม่มีลิมิต กับ TADA Thailand แอปพลิเคชันเรียกรถน้องใหม่ จากสิงคโปร์ ที่มีจุดขายคือ ไม่ชาร์จค่าคอมมิชชั่น คนขับได้รับเงินเต็ม ๆ “ทำให้คนขับไม่เครียด เต็มที่ทุกการเดินทาง และคนนั่งได้ราคาที่เป็นมิตร” ซึ่งในสิงคโปร์ TADA เติบโตขึ้นเป็นเบอร์ 2 ของตลาดเรียกรถเลย
ปัจจุบัน TADA มีบริการ 4 ประเภท คือ AnyTADA / Economy / Economy Large และ Premium (เร็ว ๆ นี้จะมีรถจักรยานยนต์ให้บริการด้วย) เข้าถึงง่าย ใช้งานไม่ยุ่งยาก สะดวก คุ้ม ทุกการเดินทาง โหลดแอปฯ ติดเครื่องไว้เลย ที่ TADA ที่สำคัญ กรอกโค้ด ROUTEEN ลดทันที 80 บาท (3 สิทธิ์/ผู้ใช้งาน) บอกเลย “เรียกรถกับทาดา สะดวกกว่าเยอะ!”
ตึกเก่าที่เอามารีโนเวทและอยู่ในชุมชนสุด ๆ ภายในมีทั้งร้านอาหาร ดนตรี กิจกรรมอย่างเซิร์ฟสเก็ต ชื่อว่า P.Sherman The Enjoyable Ground พื้นที่ Community Space สุดแนว ตอบโจทย์ Neighborhood ย่านฝั่งธนฯ ที่ตึกนี้มีพื้นที่ 4 ชั้น แต่ตอนนี้เริ่มเปิด 2 ชั้นก่อน ภายในที่เราเห็นเป็นโครงสร้างเดิม ทั้งเสา คาน กำแพง เก็บไว้ให้เห็น แต่มีการทุบทะลุเปิดพื้นที่ รีโนเวทด้านในบางส่วน และตั้งใจให้ชั้น 1 เป็นพื้นที่ของร้านอาหาร และมีลานเซิร์ฟสเก็ตอยู่ตรงกลาง
ร้านอาหารที่มีตอนนี้หลากหลายมาก ๆ ข้อดีของที่นี่คือ พื้นที่สำหรับร้านค้าใช้โมเดล Share space ทุกร้านไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่ใหญ่ ใช้ที่นั่งของส่วนกลาง ใช้ครัวกลางแบบ Share kitchen ที่มีให้ ทำให้ร้านเล็ก ๆ มีโอกาสเข้ามาได้โดยไม่ต้องใช้ต้นทุนสูงด้วย ทั้ง Minami ร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านดังจากสุขุมวิท 26, ร้าน เปรี้ยวหวานมันเค็ม ร้านอาหารอีสานสุดแซ่บ, คาเฟ่อย่าง Charlies Caffeine ใช้เมล็ดกาแฟจากโรงคั่ว Roast Runner และช่วงค่ำยังมีบาร์ Liquors Planet พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มหลากหลายด้วย
อ่านบทความฉบับเต็มของ P.Sherman The Enjoyable Ground ได้ที่ https://routeen.co/p-sherman-the-enjoyable-ground/
เปิดทุกวัน 09:30 – 24:00 น. (ดนตรีสด ศุกร์-เสาร์)
ซอยเหล่าลดา (อรุณอมรินทร์ 39)
มีที่จอดรถ
สายถ่ายภาพ นางแบบ แฟชั่น น่าจะคุ้นหูกับชื่อ Nilla Studio สตูดิโอถ่ายภาพย่านบางแวกที่เปิดมานานกว่า 4 ปี ตอนนี้เค้ามีคาเฟ่ ที่ครบทั้งขนม กาแฟ เครื่องดื่ม และเมนูข้าวที่เดียวจบ แถมยังตกแต่งสวย มุมถ่ายรูปเยอะกว่าเดิม ชื่อว่า Solyse Cafe คาเฟ่แสงสวยในซอยบางแวก 35
คอนเซปต์ของ Solyse Cafe เรียกว่าถูกใจสายถ่ายภาพแบบสุด ๆ เพราะเค้าจัดให้เป็นโทนแฟชั่นจ๋า ๆ แต่ละมุมก็มีความแตกต่างกัน ให้คนละอารมณ์ไปเลย การออกแบบของที่นี่จะเน้นถ่ายภาพสวย แสงดี มีแสงธรรมชาติ และเพดานสูงทำให้ภาพไม่อึดอัด ความน่าแปลกใจของที่นี่ คือเมนูค่อนข้างไวไรตี้มาก ๆ ไม่ได้มีแค่เมนูชา กาแฟแบบเบสิค แต่ยังมีทั้งไอศกรีม เบเกอรี และล่าสุดมีเมนูอาหารมาเพิ่ม ทางร้านบอกว่าเกิดจากการรีเควสของลูกค้าเองที่อยากให้มีเมนูข้าวด้วย รวมไปถึงอยากลองตลาดว่าลูกค้าจะชอบแบบไหน แต่ละเมนูอาจมีหมุนเวียน สลับสับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตาม Seasonal และ Feedback ลูกค้า
อ่านบทความฉบับเต็มของ Solyse Cafe ได้ที่ https://routeen.co/solyse-cafe/
เปิดทุกวัน 10:30 – 18:30 น.
ซอย บางแวก 35
BTS บางหว้า หรือ MRT บางหว้า แล้วต่อพี่วิน | มีที่จอดรถ
Cafe Something about us มีทั้งหมด 3 ชั้น สไตล์การตกแต่งคาเฟ่ ดูจะแตกต่างจากร้านที่บางลำพู (ร้าน Selected Shop ร้านแรก) อยู่สักหน่อย เพราะเดิมทีร้านแรกจะมีความมินิมอลคุมโทนสีขาวกับสีไม้อ่อน ๆ แต่ที่นี่มีเติมสีสันเข้ามาบ้างแล้ว ตัวร้านที่เราเห็น เดิมเป็นตึกแถวเก่า (มาก) ที่รีโนเวทจนลืมเค้าเดิม ด้วยความเรียนแฟชั่นเธอเลยชอบเรื่องของดีไซน์ จึงหยิบเอาความเป็น Bauhaus (โรงเรียนสอนศิลปะในเยอรมัน ที่รากฐานการออกแบบสมัยใหม่มาจนถึงทุกวันนี้) มาเป็นไอเดียหลัก
ที่นี่มีทั้งเบเกอรี ขนมเค้ก และเครื่องดื่ม ทางร้านบอกเราว่า อยากให้ร้านมีเมนูที่หลากหลาย ทั้งขนมและกาแฟ เพราะเธอเองเวลาไปเที่ยวประเทศอื่น ๆ จะเจอกับเค้กที่วาไรตี้มาก ๆ แต่ในไทยมักจะเจอไม่มีชนิด อย่างชีสเค้ก ทีรามิสุ หรือครัวซองต์ เพราะคาเฟ่ส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญกับกาแฟมากกว่า เลยอยากให้ที่นี่มีความบาลานซ์ และด้วยความเป็นคนเกาหลี หลาย ๆ เมนูเลยได้แรงบันดาลใจมาจากเทรนด์เกาหลีด้วย
อ่านบทความฉบับเต็มของ Cafe something about us ได้ที่ https://routeen.co/cafe-something-about-us/
เปิดทุกวัน (ยกเว้นวันอังคาร) 08:00 – 17:00 น.
ซอยวนาวรรณ 1
BTS กรุงธนบุรี | ไม่มีที่จอดรถ (ใครเอารถมาแวะไปที่ ที่จอดรถ BTS กรุงธนบุรี ก็ได้นะ)
Third House Cafe เป็นคาเฟ่น้องใหม่แบบสุด ๆ เพราะเพิ่งเปิดเมื่อ 2 กันยายนที่ผ่านมานี้เอง เดิมทีตรงนี้เป็นบ้านพักอาศัยตามปกติ แต่โครงสร้างเดิมของบ้านค่อนข้างเก่า และโทรมมาก เลยต้องรีโนเวทกันยกใหญ่ ทั้งทุบพื้นที่ กั้นห้องอบขนม และจะเห็นว่าชั้นล่างนี้เพดานค่อนข้างต่ำกว่าปกติ เป็นเพราะเจ้าของเดิมถมพื้นให้สูงขึ้นกันน้ำท่วม
การรีโนเวทก็ได้รุ่นน้องที่รู้จักมาเป็น Interior ให้ โดยตั้ง Mood and Tone ไปว่าไม่อยากได้ร้านที่ดูเป็นสเปเชียลตี้จ๋า ๆ อยากให้มีความโฮมมี่ ดูอบอุ่น เหมือนมาบ้านเพื่อนแล้วมีเพื่อนชงกาแฟให้กิน วัสดุในร้านเลยมีทั้งไม้ (เป็นของเดิมที่มีอยู่แล้ว) อิฐโทนสีส้ม และหินอ่อน ดูอบอุ่น ๆ อย่างที่บอกว่าเพดานค่อนข้างต่ำ โต๊ะเก้าอี้ ที่นั่งต่าง ๆ เลยดูเตี้ยกว่าปกติ เพื่อให้เวลานั่งแล้วรู้สึกโปร่ง สบาย ซึ่งเหล่านี้ก็เป็นไอเดียของ Interior ที่ออกแบบให้ทั้งหมด
ที่นี่ไม่ถึงกับเป็นสเปเชียลตี้ด้านกาแฟขนาดนั้น แต่ก็ให้ความสำคัญกับกาแฟจริงจังพอสมควร ทั้งเคยไปเรียนคอร์ส SCA (Specialty Coffee Association), Coffee Sensory พอชิมได้ว่ารสชาติกาแฟเป็นประมาณไหน และก็มีรุ่นพี่ที่เปิดร้านกาแฟ และมีโรงคั่วที่รู้จัก ทำให้มีกาแฟดี ๆ วางอยู่ในร้านเพียบ ซึ่งมี House Blend ถึง 2 ตัว เป็นกลาง-เข้ม และกลาง-อ่อน และมีเมล็ดพิเศษให้เลือกอีกถึง 11 ตัว
อ่านบทความฉบับเต็มของ Third House Cafe ได้ที่ https://routeen.co/third-house-cafe/
เปิดทุกวัน 07:00 – 17:00 น.
เพชรเกษม 55
MRT หลักสอง แล้วต่อพี่วิน | จอดรถได้ที่ริมกำแพงในซอย
ด้วยความตั้งใจที่อยากให้ที่นี่เป็นคาเฟ่ที่โดดเด่นในย่านนี้ แต่ยังแทรกความเป็นบ้านให้เข้ากับย่านนี้เข้าไป อีกทั้งยังอยากให้เป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถมาจอยกันได้ จึงตั้งใจให้พื้นที่นี้แสดงออกถึง 3 คีย์เวิร์ดหลักอย่าง Friendly, Energize และ Welcome เพื่อสร้าง Waken Cafe ให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอย่างแข็งแรง ส่วนชื่อร้านอย่าง Waken นั้นก็มาจากคีย์เวิร์ดทั้ง 3 คำที่บอกไปก่อนหน้านี้เช่นกัน จึงเลือกคำนี้ที่สื่อถึงความสดใส สดชื่น และยังจำง่ายอีกด้วย โดยชื่อร้านที่ทำให้นึกถึงแสงแดดและยามเช้านี้ก็ถูกต่อยอดออกมาเป็นคาแรกเตอร์ของร้านอย่าง Biggy ที่มาเป็นน้องดวงอาทิตย์กำลังโผล่ขึ้นมาจากพื้น หน้าตาน่ารักดูเฟรนด์ลีตัวนี้นี่เอง
ส่วนเมนูเครื่องดื่มต่าง ๆ ก็ถูกพัฒนามาจากไอเดียเดียวกับตัวร้านเช่นกัน โดยเจ้าของร้านอยากให้ที่นี่เหมือนเป็นบ้าน ที่พร้อมต้อนรับเพื่อนบ้านละแวกนี้ และเพื่อน ๆ ทุกคนให้แวะเวียนเข้ามา และอยากให้ทุกคนได้ลองกินในสิ่งที่เราชอบกิน ซึ่งเจ้าของร้านเองเป็นคนที่สนใจในเรื่องของอาหาร Healthy ไม่ปรุงแต่งมาก ตัวเครื่องดื่มจึงคิดว่าอยากให้มีความ Comfort กับทุกคน ทั้งลูกค้า ทั้งผู้ดื่ม และบาริสต้า ตัวเมนูจึงไม่ได้แฟนซีมาก เน้นความคลาสสิคและเข้าใจง่าย แต่ยังมีความโดดเด่นและไอเดียแอบซ่อนอยู่ในแต่ละแก้วไม่น้อย
อ่านบทความฉบับเต็มของ Waken Cafe ได้ที่ https://routeen.co/waken-cafe-bangkok/
เปิดทุกวัน (เว้นวันอังคาร) 09:30 – 17:00 น.
ถนนฉิมพลี ตลิ่งชัน
SRT ชุมทางตลิ่งชัน แล้วต่อพี่วิน | ไม่มีที่จอดรถ
เดิมพื้นที่ทั้งหมดของตรงนี้เป็นโรงงานเหล็กของคุณพ่อมาก่อน ฝั่งตรงข้ามของอาคารที่เราอยู่ในตอนนี้เคยเป็นโรงหล่อเหล็กมาก่อน ซึ่งถือเป็นโรงงานแรกของคุณพ่อ (ปัจจุบันไม่มีตัวอาคารนี้อยู่แล้ว) ในชื่อ เตียว เฮง ฮวด จนช่วงวิกฤติการณ์ต้มยำกุ้ง ทางโรงงานก็ประสบพิษเศรษฐกิจไม่ต่างจากอีกหลาย ๆ ธุรกิจในประเทศไทยในเวลานั้น ทำให้โรงหล่อต้องหยุดกิจการไป วันหนึ่ง คุณโบ (เจ้าของพื้นที่รุ่นปัจจุบัน) ได้แวะเวียนเข้ามาที่โรงงานนี้อีกครั้งเพื่อมาไหว้ศาล ก็พบว่าอาคารที่เคยเป็นธุรกิจของคุณพ่อตอนนี้ทรุดโทรมลงไปมาก และพื้นที่ก็รกร้างจนเป็นป่ากระถินกลาย ๆ จนรู้สึกว่า ตัวเราเองก็ทำงานด้านพัฒนาพื้นที่ให้กับที่อื่นมามาก คงถึงเวลาแล้วที่จะมาพัฒนา ปรับปรุงพื้นที่ของเราเอง
ที่นี่นอกจากจะเป็น “พื้นที่สร้างสรรค์ที่สามารถใช้เวลาร่วมกันได้” แล้ว ยังมี Cafe Slow Bar แอบซ่อนอยู่ด้วย ซึ่งเลือกให้ร้านกาแฟเป็น Slow Bar ก็ด้วย 2 เหตุผล ทั้งเพราะเครื่องมือต่าง ๆ สอดคล้องไปกับตัวโรงงานที่มีแมชชีนต่าง ๆ มากมายด้วย และอีกเหตุผลคือการเดินทางมาที่นี่ก็ไม่ใช่ง่าย ๆ ครั้นจะให้มาแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับก็น่าเสียดาย จึงอยากให้ทุกคนไม่เร่งรีบ ใช้เวลาอยู่ที่นี่ให้สมกับที่เดินทางกันมาสักหน่อยนั่นเอง
อ่านบทความฉบับเต็มของ WENG’S FACTORY ได้ที่ https://routeen.co/wengs-factory-workspace-together/
เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 17:00 น.
ซอยเอกชัย 7 บางขุนเทียน จอมทอง
BTS วุฒากาศ แล้วต่อแท็กซี่ | มีที่จอดรถ