กระแส Staycation หรือการเปลี่ยนบรรยากาศเดิม ๆ ในย่านใหม่ ๆ พร้อมออกไป Explore ย่านนั้น ๆ ให้รู้จักมากขึ้น ยังคงเป็นเทรนด์ที่หลาย ๆ คนชอบและตั้งเป้าไว้ว่าปีนี้จะหาที่พักใหม่ ๆ แบบชิค ๆ ไม่ต้องหรูก็ได้ แต่ต้องมีเสน่ห์ และจุดเด่นที่น่าสนใจ
Routeen. เองก็เช่นกัน ที่ผ่านมาเราได้ลองไปเช็กอินเข้าพักมาหลากหลายที่ และนี่คือ 8 ที่พักที่มีจุดเด่นและเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ที่อยากแนะนำให้ทุกคนลองเข้าพักดูสักครั้งทั่วกรุงเทพฯ
แรกเริ่มเดิมที พื้นที่นี้เคยเป็นที่ตั้งของอาคารหลังใหญ่ทรงฝรั่ง ที่มีสถาปัตยกรรมแบบยุโรปผสมผสาน สร้างขึ้นมาตั้งแต่ช่วงรัชกาลที่ 5 โดยพลโทพระยาสุรเสนา (กลิ่น แสง-ชูโต) และพันตรีหลวงสรสิทธยานุการ (สิทธิ แสง-ชูโต) บุตรชาย โดยเรียกว่า บ้านตึกดิน (เพราะย่านนี้ในสมัยนั้นเป็นชุมชนส่งออกดินปืน และปืนระเบิดให้กับกระทรวงกลาโหม) ประกอบไปด้วยอาคารหลัก 2 อาคารด้วยกัน คือตึกใหญ่ (ปัจจุบันตึกใหญ่ไม่หลงเหลืออยู่แล้ว จะตั้งอยู่บริเวณลานจอดรถเอกชนข้าง ๆ โรงแรม) และเรือนคุณย่า ที่เป็นเรือนไม้แบบเรือนมนิลา ใต้ถุนยกสูงด้วยเสาปูน หลังคาปั้นหยาเปิดบางส่วนให้มีหน้าจั่ว ซึ่งปัจจุบัน เรือนคุณย่าก็คืออาคาร B ของโรงแรมบ้านตึกดินนั่นเอง
ด้วยการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ตัวเรือนคุณย่าเองก็ถูกเปลี่ยนมือไป โดยมีผู้เช่าไปทำโรงแรมไทยวารี ส่วนแนวอาคารพาณิชย์ด้านหน้า (ที่อยู่ติดถนนดินสอในปัจจุบัน) น่าจะเกิดขึ้นในช่วง 60-70 ปีให้หลัง คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับการเกิดโรงแรมไทยวารีขึ้นมาด้วยนั่นเอง วันหนึ่ง คุณราจิต และคุณแม่ ได้กลับมาเห็นสภาพของเรือนคุณย่าที่ปล่อยเช่าไปอย่างยาวนาน ก็พบว่าทรุดโทรมลงไปมาก ในขณะที่คุณแม่ของคุณราจิตเองก็มีความผูกพันกับเรือนคุณย่ามาก คุณราจิตจึงคิดว่า ทำอย่างไรที่จะทำให้อาคารหลังนี้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง การตัดสินใจเปลี่ยนเรือนหลังนี้ให้เป็น “โรงแรมบ้านตึกดิน” จึงเริ่มขึ้นนับแต่นั้น ซึ่งกว่าจะออกมาเป็นโรงแรมอย่างที่เห็นทุกวันนี้ คุณราจิตต้องใช้เวลาถึง 6 ปีในการรีโนเวทเลยทีเดียว
ห้องพักราคาเริ่มต้นที่ 2,000 บาท
ตึกดิน แขวงวัดบวรนิเวศ พระนคร
MRT สามยอด แล้วต่อพี่วิน | จอดรถที่ลานจอดเอกชนข้างโรงแรม (ชั่วโมงละ 40 บาท)
google maps
บ้านหลังนี้ เกิดจากความชอบบ้านริมน้ำเป็นทุนเดิมของ คุณเล็ก-พรรษพล ลิมปิศิริสันต์ เจ้าของ Arpo Pool Villa Riverside และเป็นเจ้าของโรงแรม Amdaeng Hotel โรงแรมบูทีคสีแดงชาด ริมโค้งน้ำเจ้าพระยาด้วย ด้วยความที่คุณเล็กเป็นสายครีเอที และมีแบบในใจที่ชอบอยู่แล้ว เลยรับจบเป็นทั้ง Architect, Interior และ Landscape วาดแบบเอง คุมงานเอง Learning by doing ล้วน ๆ
ซึ่งแบบที่ชอบมาจากบ้านสไตล์โคโลเนียลที่มี Arch เยอะ ๆ แรงบันดาลใจจากวิลล่าที่ The Labyrinth Home ของ Xavier Corberó จับมาผสมความเป็นไทยเข้าไปให้เข้ากับบริบทความเป็นบ้านริมน้ำ ที่คุณเล็กให้คำจำกัดความว่าเป็น ‘สไตล์โคโลเนียล-พรรษพลแบบอาโป’ เพราะยากที่จะอธิบาย ทั้งหมดวาดขึ้นมาด้วยมือ เป็นการผสมผสานทั้งไทยและยุโรป
บ้านทั้งหลัง เริ่มต้นที่ 14,900 บาท
ซอยเพชรเกษม 20
MRT บางไผ่ | มีที่จอดรถ
ถึงแม้ว่าห้องพักของที่นี่จะมีเพียง 2 ห้องเท่านั้น แต่ต้องบอกว่าพวกเขาก็จัดเต็มมาก ๆ เพราะ 1 ห้องจะกินพื้นที่ทั้งชั้นของอาคารเลย แปลว่าเราจะได้เข้าพักในห้องที่ขนาดกว้างมาก ๆ จนสามารถเข้าพักได้ถึง 4 คนแบบไม่อึดอัด นอกจากนี้ทั้ง 2 ห้องยังมีงานตกแต่ง และเลย์เอาต์ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง มาแบบ 2 มู้ดให้เลือกอีกด้วย
ห้องชั้น 4 ที่วิวออกวอร์ม ๆ จากร่มไม้ มู้ดของห้องนี้จึงมาในรูปแบบอบอุ่น โคซี่ ๆ ฟีลครอบครัวสบาย ๆ หน่อย ๆ เฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้จึงมาในโทนสงบ ๆ ทั้งโซฟาตัวนุ่มสีเขียวเข้ม เฟอร์นิเจอร์ไม้ ผนังกระจกบานใหญ่โชว์สีเขียวด้านนอก และของตกแต่งที่สีสันไม่ฉูดฉาด รวมถึงยังแยกโซนลิฟวิง และห้องนอนแบบกั้นห้องให้ได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน
แต่พอห้องชั้น 5 ที่เห็นวิวอาคาร สิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ จึงสร้างบรรยากาศที่มีสีสัน ฟีลปาร์ตี้เล็ก ๆ ขึ้น บรรยากาศของห้องนี้จึงออกแนว Bar Vibe อยู่เล็กน้อย เฟอร์นิเจอร์ โคมไฟ งานตกแต่งต่าง ๆ จะมีสีสันหยอดเข้ามามากขึ้น พรมสีน้ำเงิน โคมไฟสีส้ม หมอนอิงสีเชียว และรูปทรงของเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ฟีล Mid-Century ที่กำลังฮิตกันในไวบ์บาร์เวลานี้
ราคาห้องพักยังไม่ปรากฎ
ถนนพระอาทิตย์ ชนะสงคราม
MRT สนามไชย แล้วต่อพี่วินหรือแท็กซี่ | จอดรถได้ที่ Sheepshank, Muay Thai Street และวัดชนะสงคราม (มีค่าจอด)
โรงแรม The Fig Lobby มี คุณพลอย-ชาลิสา เตียนโพธิทอง เป็นเจ้าของ และนั่งแท่น Managing Director ออกไอเดีย ดีไซน์ และสร้างแบรนด์นี้ด้วยตัวเอง คุณป๊อกเล่าให้เราฟังว่า การเปิดโรงแรมเป็นแพชชั่นส่วนตัวของคุณพลอยเอง เธอเป็นคนชอบโรงแรมตั้งแต่เด็ก ๆ เวลาไปเที่ยวที่ไหนจะคอยสังเกตล็อบบี้โรงแรมอยู่เสมอ ซึมซับการตกแต่ง Elements ต่าง ๆ ที่มี แค่อยู่ในล็อบบี้ก็มีความสุข
แนวคิดหลักในการทำโรงแรมที่ค่อนข้างน่าสนใจ แบ่งออกเป็น 3 เรื่องหลัก ๆ คือ หนึ่ง Community หรือความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของชุมชนอย่างที่เล่าไป และสอง คือ Sustainability หรือความยั่งยืน คุณพลอยเลือกที่จะรีโนเวทตึกเก่าอายุมากกว่า 30 ปี ที่หลายคนอาจคิดว่าในแง่ธุรกิจทำเงินไม่ได้แล้ว เก็บโครงสร้างเดิมแล้วต่อยอดให้มี Value ในรูปแบบที่ดีขึ้นกว่าเดิม ให้ตึกนี้ยังคงอยู่ต่อไป และสาม คือ Inclusivity ความเป็นโรงแรมที่เปิดกว้างกับทุกเพศ ทุกวัย ไม่ได้ตัดสินว่าเป็นใครมาจากไหน ทุกคนสามารถมาเอนจอยกับความเป็น Art Hotel ของที่นี่ได้ เหมือนกับศิลปะที่ไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดสีสันนั่นเอง
ห้องพักเริ่มต้นที่ 1,700 บาท
ถนนริมทางรถไฟปากน้ำ (คลองเตย)
MRT ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (มีรถรับ-ส่ง) | มีที่จอดรถ
MUU Bangkok ทองหล่อ เปิดให้บริการเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา และยังเป็นหนึ่งในไม่กี่โรงแรมในประเทศไทยที่เป็นพันธมิตรกับเครือ Small Luxury Hotels of the World community อีกด้วย โดยตั้งอยู่ที่ชั้นบนของโครงการไลฟ์สไตล์มอลล์อย่าง EIGHT Thonglor ทำให้เป็นอีกหนึ่งโรงแรมกลางทองหล่อที่มีความสะดวกสบาย เพียงลงมาก็มีชอปปิงคอมเพล็กซ์ครบครัน และยังไปฮอตสปอตต่าง ๆ ของทองหล่อได้อย่างง่ายดาย
MUU Bangkok ทองหล่อ จะแบ่งออกเป็นโซนโรงแรม และโซนเรซิเดนซ์สำหรับลองสเตย์ โดยฝั่งโรงแรมจะมีทั้งหมด 148 ห้อง แบ่งออกเป็น 6 รูมไทป์ ที่ชั้น 10 เป็นที่ตั้งของ La Sala di Otto ห้องอาหารที่ตอนเช้าจะเปลี่ยนเป็นจุดให้บริการอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ และเปิดให้บริการยาวมาก ๆ ตั้งแต่ 6:30 – 11:30 น. ในวันจันทร์ – ศุกร์ และลากยาวไปจนถึง 14:00 น. ในวันเสาร์ – อาทิตย์ไปเลย!
ราคาห้องพักเริ่มต้นที่ 4,800 บาท
โครงการ EIGHT Thonglor ทองหล่อซอย 8
BTS ทองหล่อ แล้วต่อพี่วิน | มีที่จอดรถ
จากมุมมองของครอบครัวที่ทำธุรกิจอยู่ในย่านเยาวราชมาอย่างยาวนาน ทำให้เห็นว่า ย่านเยาวราชแทบไม่มีห้องพักสำหรับครอบครัวเลย จึงต้องการที่จะทำที่พักที่สามารถรองรับกลุ่มท่องเที่ยวแบบครอบครัวนี้ขึ้น โดยรีโนเวทอาคารเก่าของครอบครัวมาทำเป็นที่พัก และให้ทั้งชั้นเป็นห้องพักห้องเดียวเต็ม ๆ เข้าพักทั้งครอบครัวแบบสบาย ๆ ไม่แออัด
ในช่วงแรก คุณเบลและพี่สาวสร้างห้องพักเพียง 2 ห้องในอาคารด้านหลัง ให้ชื่อห้องชั้นล่างว่า Marlowe (มาร์โลว) ซึ่งเป็นชื่อแมวตัวโปรดของพี่สาว ส่วนห้องชั้นบนให้ชื่อว่า Tony (โทนี่) ซึ่งเป็นชื่อสุนัขสุดเลิฟของคุณเบล ปัจจุบันมีห้องพักใหม่เพิ่มอีก 2 ห้อง ถูกต่อเติมขึ้นจากโครงสร้างอาคารเดิม โดยยังคงคอนเซปต์เดิมคือให้ 1 ชั้นเท่ากับ 1 ห้องไปเลย และพอเป็นการต่อเติมพื้นที่ใหม่ ทำให้สามารถกำหนดความสูงของเพดานได้เอง ห้องใหม่ทั้ง 2 นี้จึงโปร่งขึ้นด้วยเพดานสูง และโดดเด่นกว่าเดิมด้วยการตกแต่งที่แตกต่างกันออกไป
ราคาเริ่มต้นที่คืนละ 2,500 บาท/ห้อง
ถนนพาดสาย (ซอยขนานกับเยาวราช)
MRT วัดมังกร เดินต่อประมาณ 400 เมตร
รถส่วนตัว จอดรถได้ที่วัดสัมพันธวงศ์ (มีค่าจอดนะ)
ตัวอาคารได้ POAR (Patchara + Ornnicha Architecture Co., Ltd.) มาช่วยออกแบบให้ ไอเดียตั้งต้นมาจากความต้องการที่จะทำอาคารให้เปิดโล่ง ไม่อึดอัด ในพื้นที่หน้าแคบเพียง 5 เมตร ลึก 30 เมตร แถมยังมีตึกแถวขนาบซ้าย – ขวา แบบนี้ ทำให้ต้องหาวิธีดึงแสงธรรมชาติเข้ามาเป้นส่วนหนึ่งของอาคาร เพื่อให้อาคารมีชีวิต และสมกับความเป็น “บ้าน” มากขึ้น จึงมีการออกแบบผังและสเปซภายในที่เหลื่อมกันในแต่ละส่วนใช้สอย ทำให้เกิดช่องขนาดเล็กที่กระจายอยู่ทุกชั้นทั่วทั้งตึก ช่วยดึงทั้งอากาศให้ไหลเวียนจากที่ต่ำขึ้นที่สูง และยังรับแสงอาทิตย์ได้มากขึ้นอีกด้วย
หลายจุดของอาคารมีความน่าสนใจมาก ๆ ตั้งแต่บานเลื่อนไม้ขนาดใหญ่ที่บริเวณชั้น 2 ในห้องรับแขก ที่สามารถเลื่อนเปิดให้เป็นห้องแบบ Open Air ที่มองเห็นกำแพงจากบ้านเก่าข้าง ๆ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่กลายเป็นของประดับชิ้นใหญ่โดยบังเอิญ และเมื่อต้องการพื้นที่ส่วนตัวก็เพียงเลื่อนบานไม้ปิดบังตาได้ หรือบันไดทางขึ้นจากชั้น 1 ที่เลือกใช้กระจกใสด้านตั้งของแต่ละขั้นบันได เผยให้เห็นบรรยากาศของร้านกาแฟที่อยู่ชั้น 1 และช่วยให้สบายตา ไม่อึดอัดจนเกินไป ในขณะเดียวกันก็ออกแบบให้ฝั่งขวาเป็นขั้นบันไดปกติสำหรับเดินขึ้น-ลง ส่วนฝั่งซ้ายทำระดับลดหลั่นสูง-ต่ำไม่เท่ากัน เพื่อใช้เป็นพื้นที่นั่งหย่อนใจได้ด้วย เป็นต้น
ราคาห้องอยู่ที่ประมาณ 3,000 – 5,000 บาท
ถนนตะนาว พระนคร
MRT สามยอด แล้วต่อพี่วิน | ไม่มีที่จอดรถ
ตัวอาคารของ YANH Ratchawat สวยงามเตะตา โดยปรับเปลี่ยนจากโครงสร้างเดิมของอพาร์ตเมนต์ 8 ชั้น ออกแบบให้มีความ Modern Touch แต่ในขณะเดียวกันก็ยังหยิบเอา Elements ต่าง ๆ ของราชวัตรมาใช้เพื่อช่วย Represent ถึงตัวตนของย่านนี้มากขึ้น อย่างเช่นบ้านเรือนแถวนี้จะมีประตูเหล็กดัดก่อนเปิดเข้าตัวบ้าน ก็หยิบเอากิมมิกนี้มาเล่นกับตัวโรงแรม โดยจะมีทางเดินไปยังแต่ละห้องพัก แล้วเจอประตูเหล็กดัดก่อนเข้าห้องพัก
ห้องพักทั้งหมดแบ่งออกเป็น 5 Type รวม 78 ห้อง ได้แก่ Superior Room ที่มาในเตียง Twin Bed, Deluxe Room ที่มีให้เลือกทั้งห้องเตียง Twin และ Double Bed, Grand Deluxe Room, Suite Room และไทป์ Dormitory โดยมีห้องละ 4 เตียง มาพร้อมกับพื้นที่ส่วนกลางครบครัน ทั้ง Swimming Pool, Fitness และพื้นที่ Semi Outdoor ที่สามารถนั่งเล่นรับลมได้สบาย ๆ
ห้องพักเริ่มต้นที่ 1,700 บาท
ถนนพระราม 5 นครไชยศรี ดุสิต
BTS อนุเสารีย์ชัยสมรภูมิ แล้วต่อแท็กซี่หรือพี่วิน | มีที่จอดรถ