เพราะผังเมืองของกรุงเทพฯ มีบ้านเรือนแบบ ตึกแถว ริมถนนมาอย่างยาวนาน และเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของบ้านเมืองเราที่อยู่คู่กัน ซึ่งก็เป็นรูปแบบของบ้านที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีน และละแวกประเทศเพื่อนบ้าน (ลองไปดูไต้หวันก็จะเจอตึกแถวแบบนี้กันทั้งนั้น) และในอดีต ตึกแถว หรืออาคารพาณิชย์ ก็ถือเป็นรูปแบบบ้านยอดฮิตที่มียุคนรุ่งโรจน์อยู่ ด้วยความที่ใช้เป็นที่ค้าขายก็ได้ เป็นที่อยู่ก็ได้ แต่ยุคหลังมานี้เริ่มร่วงโรย เพราะ ตึกแถว มักมีปัญหาเรื่องที่จอดรถ และติดถนนใหญ่จึงทำให้ผู้คนแวะเวียนลำบาก
แต่วันนี้ ตึกแถว ที่คุ้นเคยเริ่มกลับมาอีกครั้งในรูปแบบใหม่ ถูกเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่มิกซ์ยูส มีที่จอดรถอยู่ใกล้เคียง ไปจนถึงการคมนาคมที่มีรถไฟฟ้าลัดเลาะในเมืองมากขึ้น ทำให้การเดินทางโดยไม่ต้องพึ่งการขับรถสะดวกขึ้น แถมผู้คนก้โหยหาบรรยากาศเก่า ๆ ของ ตึกแถว เหล่านี้ อาคารหลายห้อง หลายแห่ง จึงถูกเปลี่ยนเป็น คาเฟ่ ที่แม้จะมีพื้นที่เล็กนิดเดียว แต่ก็ฮอตฮิตจนใคร ๆ ก็ต้องตามมาให้ได้สักครั้ง
และนี่คือ 12 คาเฟ่ ใน ตึกแถว ที่ Routeen. รัก และรวบรวมเอาไว้ให้แล้ว

คาเฟ่ใน ตึกแถว 2 ชั้น ที่มีความเก่าแก่ย่านบ้านหม้อ ที่อยากทำให้น้ำเต้าหู้ดูแมสขึ้น คนรักสุขภาพก็ดูเท่ได้ ไม่จำเป็นต้องตักใส่ถุงอย่างเดียว แล้วมองเห็นโอกาสของตัวน้ำเต้าหู้ว่า คาเฟ่น้ำเต้าหู้ก็เริ่มมีให้เห็น ไม่ใช่เรื่องที่ใหม่มากเกินไป
เบสน้ำเต้าหู้เริ่มต้น 40 บาท เลือกคั่วเข้ม-อ่อนได้ มีทั้งร้อน-เย็น จากนั้นเลือกเครื่องต่าง ๆ อย่างละ 10 บาท ซึ่งเครื่องต่าง ๆ ทางร้านก็เลือกสรรวัตถุดิบและต้มเองแทบทั้งหมด อย่างบัวลอย ไส้งาดำก็คั่วเอง ปั้นแป้งเองด้วย
นอกจากจะพัฒนาในรสชาติและคาแรกเตอร์ของน้ำเต้าหู้แล้ว ยังจับเอาน้ำเต้าหู้มาเป็นเบสในเมนูต่าง ๆ เปลี่ยนฟอร์มให้ดูน่าดึงดูด และเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ทั้งไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ สเลิฟปี้เย็น ๆ รวมถึงลองเอาไปน้ำเต้าหู้ไปต้มกับน้ำมะพร้าว ก็ได้รสชาติอื่นที่เพิ่มขึ้น คุณต้นมองบอกเราว่าหยิบแนวคิดมาจากกาแฟที่มีทั้งใส่ยูซุ หรือกาแฟส้มอะไรแบบนั้น แต่ก็ต้องทำความเข้าใจเบสของน้ำเต้าหู้ที่มีความยากกว่า เพราะมันมีโปรตีนสูง ก็ต้องค่อย ๆ พัฒนาไปทีละสเต็ป
เปิดทุกวัน (เว้นวันจันทร์) ช่วงเช้าหน้าร้าน 06:00 – 09:00 น. / คาเฟ่ 10:00 – 20:30 น.
บ้านหม้อ เยื้องกับศาลเจ้าบ้านหม้อเล่าปึงเถ่ากง
MRT สนามไชย | มีที่จอดรถ

คาเฟ่ที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ ร้านสูทที่ชื่อคล้ายกันอย่าง Jin Vondervic (เพราะเป็นเจ้าของเดียวกัน) เป็น ตึกแถว สูงถึง 4 ชั้น ที่รีโนเวทจนจำภาพเดิมไม่ได้ โดยแบ่งชั้น 1 ให้เป็นชั้นพัก ชั้น 2 เป็นที่รับออเดอร์ และชั้น 3 ชั้น 4 เป็นที่นั่งเต็ม ๆ เมื่อดูแต่ละชั้นก็จะเห็นว่าเฟอร์นิเจอร์แทบไม่ซ้ำ ดูมีไวบ์ความอินเตอร์มาก ๆ และนี่ไม่ใช่ของสะสม แต่เป็นของที่ตั้งใจเลือกมาจัดวางให้กับคาเฟ่ ให้แต่ละมุมได้หลากหลายอารมณ์ มานั่งได้ไม่เบื่อ
ฝั่งเมนูเครื่องดื่ม ก็จริงจังไม่แพ้กัน มีกาแฟ House Blend 2 ตัว คือ กลางค่อนอ่อน เป็นบราซิลลาว และกลางค่อนเข้ม เป็นเมล็ดไทยล้วน ที่คัดสรรเมล็ดและโรงคั่วอย่างดี ส่วนขนมก็สั่งทำสูตรเฉพาะ และมีให้เลือกหลากหลายมาก ๆ ส่วนใหญ่จะเป็น Pastry ที่กินกับกาแฟแล้วไปด้วยกันได้ดี

เดินเท้าเข้ามาในซอยวานิช 1 ซึ่งเป็นซอยแคบ ๆ ขนาดคนเดินและรถมอเตอร์ไซต์ที่รับ-ส่งสินค้าในย่านนี้เข้ามาได้ ก็จะเจอร้านขนาด 1 คูหาที่สะดุดตา และกลมกลืนไปพร้อมกับโดดเด่นในบริเวณนั้นสุด ๆ ด้วยหน้าร้านที่เป็นกรอบไม้กระจก กับประตูตรงกลางสไตล์ยุโรป แต่ก็ยังให้กลิ่นอายเอเชียอย่างน่าสนใจ
ที่ร้านนำเสนอชาไต้หวัน เพราะอยากให้เรารู้จักชาจากไต้หวันกันมากขึ้น ความพิเศษของชาไต้หวันคือจะไม่ค่อยขมและฝาด แถมยังมีรสหวานจากธรรมชาติติดมาด้วย ซึ่งจะต่างจากใบชาจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่ฝาดและขมกว่า ซึ่งน่าจะเป็นรสชาติของชาที่คนไทยชอบ
ตัวชาที่ร้านจะแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือชาที่บ่มเข้ม (Deep Oxidation) รสของชาก็จะเข้ม รวมถึงสีของชาด้วย กับชาบ่มอ่อน (Light Oxidation) ที่เบาลงมา สีของชาจะใสกว่าคล้ายชาเขียว โดยการบ่มชานี่แหละคือตัวที่สร้างประเภทของชาแบบที่เราคุ้นเคยกัน เช่น ชาเขียว ชาดำ ชาแดง ชาอู่หลง ซึ่งมาจากกระบวนการบ่ม ชาอู่หลงจะบ่มอยู่ที่ 15-80 % ส่วนชาดำจะบ่มที่ 100% หรือชาเขียวก็จะไม่ผ่านการบ่มเลย เป็นต้น ซึ่งที่ร้านเองจะเน้นไปที่ชาอู่หลง เพราะไต้หวันจะเน้นผลิตใบชาอู่หลงเป็นหลักนั่นเอง
เปิดทุกวัน (เว้นวันจันทร์) เวลา 10:00 – 18:00 น.
ถนนวานิช 1 สัมพันธวงศ์ ทรงวาด
MRT วัดมังกร | ไม่มีที่จอดรถ

ร้านกาแฟ Specialty น้องใหม่ ย่านท่าพระจันทร์ คาเฟ่เปิดใหม่ ที่ประสบการณ์และฝีมือไม่ใหม่ เพราะนี่คือสาขาที่ 2 แถมยังเป็นโรงคั่วที่มีไร่กาแฟเป็นของตัวเองอีกด้วย
ที่นี่ตั้งอยู่บนถนนพระจันทร์เลย (ถนนเล็ก ๆ ข้าง ๆ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์) มาในรูปแบบ ตึกแถว เก่า กลมกลืนไปกับย่านนี้ มีพื้นที่ไม่เยอะมากนัก ทางร้านตั้งใจรีโนเวทใหม่ โดยที่ยังมีคงความเดิมของตึกไว้ มีทั้งไม้และปูน ดูคลาสสิคแบบโมเดิร์น ซึ่งจะต่างจากที่สาขาสุทธิสารพอสมควรเพราะสาขาโน้นจะออกแนว Pink Gold โมเดิร์นจ๋า ๆ เลย
ด้านในของร้าน ดีไซน์ให้มีการยกชั้นลอยขึ้นมาเพื่อเพิ่มพื้นที่นั่ง และดูโปร่ง ไม่อึดอัด ส่วนด้านล่างตั้งใจทำที่นั่งให้เป็นแบบมานอนเอนหลังได้ ให้ลูกค้าได้มา Relax ผ่อนคลาย แอบแซมไวบ์ให้เหมือนอยู่ทางภาคเหนือนิด ๆ สมกับแหล่งปลูกกาแฟ
เปิดทุกวัน 08:00 – 16:00 น.
ถนน พระจันทร์ ข้าง ๆ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
เรือด่วนธงฟ้า ท่ามหาราช |จอดรถได้ที่ วัดมหาธาตุ (มีค่าจอด)

ตึกแถว ขนาด 1 คูหา ที่เดิมเคยเป็นออฟฟิศของอาจารย์คณะสถาปัตยกรรมที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มาก่อน ด้วยความที่ทีมเจ้าของร้านเองก็เป็นสถาปนิกด้วย ตัวร้านจึงถูกจับแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยตัวเอง โดยนำเสนอความ Expertise ด้านกาแฟผ่านดีไซน์ของตัวร้านในคอนเซปต์ “Coffee Centric” ที่ให้กาแฟเป็นแกนของแนวคิดในทุกอย่าง
ฝั่งกาแฟจะเน้น Natural Process เป็นหลัก ทางร้านก็มี House Blend ให้เลือกอยู่ด้วยกัน 2 ตัว แบ่งออกเป็น Blue Blend เมล็ดจากดอยสะเก็ด คั่วกลางค่อนเข้ม ที่ออกทางนัตตี้และคาราเมลหน่อย ๆ ส่วนอีกตัวจะเป็น Liberty Blend ใช้เมล็ดคั่วกลางค่อนอ่อนจากเอธิโอเปีย บราซิล และไทย ที่ออกฟรุตตีและฟลอรัล
เปิดทุกวัน เวลา 09:00 – 18:00 น.
(Last Order อาหาร 17:30 น. และเครื่องดื่ม 17:50 น.)
ซอยพหลโยธิน 34 เสนานิคม
BTS เสนานิคม แล้วต่อพี่วิน | จอดรถได้ที่ซอยพหลโยธิน34 แยก 5 และแยก 8

จริง ๆ แล้ว Envies Cafe สาขาสาธุประดิษฐ์นี้เค้าเปิดมาหลายปีแล้วล่ะ แต่ที่น่าสนใจเพราะเค้าเพิ่งจะดีไซน์ปรับลุคใหม่ไม่นานมานี้ ทั้งมู้ดโทนสีสัน อย่างกับสตูดิโอย่อม ๆ อยู่ใน ตึกแถว 1 คูหา ในซอย สาธุประดิษฐ์ 41
ความน่าสนใจของ Envies คือไม่ได้ว่าตัวเองเป็น Specialty ด้านกาแฟ แต่เลือกโฟกัสเครื่องดื่มที่ทำให้คนจดจำร้านได้ เป็นเมนูแบบ Mixology คล้าย ๆ กับดื่มค็อกเทล
ถึงจะไม่ได้เป็น Specialty แต่ก็ให้ความสำคัญกับเมล็ดกาแฟ มี House Blend ของทางร้าน ที่เน้นเป็นไทย อาราบิก้า Peaberry คั่วกลาง เข้ากับนม และน้ำผลไม้ได้ดี สิ่งสำคัญคือเรื่องการความบาลานซ์ ต้องไม่เปรี้ยวไป บอดี้ดี ไม่สโม้คหนัก เพราะการทำ Mixology Coffee ถ้า Taste-note บาลานซ์ไม่ดี จะทำให้เครื่องดื่มไม่อร่อย
เปิดทุกวัน 08:00 – 17:00 น.
สาธุประดิษฐ์ 41 ช่องนนทรี ยานนาวา
BTS ช่องนนทรี แล้วต่อแท็กซี่ | ไม่มีที่จอดรถ

ไวบ์ที่เห็นอยู่นี้ เป็นแบบร้านคิสสะเต็นแท้ ๆ เหมือนที่ญี่ปุ่นเลย คือจะเน้นไวบ์ที่เข้ามาแล้วรู้สึกผ่อนคลาย ได้มาดื่มกาแฟดี ๆ และบทสนทนาที่เป็นกันเองจากมาสเตอร์ (บาริสต้า) ซึ่งคำว่า ‘คิสสะเต็น (kissaten – 喫茶店)’ ถ้าให้พูดง่าย ๆ คือร้านกาแฟแบบดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น ที่สืบทอดกันมากว่า 100 ปีแล้ว มีเอกลักษณ์เฉพาะทั้งกรรมวิธีการชง รสชาติ การเสิร์ฟ และบรรยากาศของร้าน
เปิดทุกวัน (เว้นวันจันทร์) 10:00 – 18:00 น.
ถนนบริพัตร ป้อมปราบ
MRT สามยอด

ร้านมัตฉะจากเกียวโตขนาด 1 คูหาในย่านพระอาทิตย์ สิ่งที่เตะตาที่สุดในร้านหนีไม่พ้นเคาน์เตอร์รูปตัว L ขนาดใหญ่แทบเต็มร้าน เพราะเจ้าของร้านอยากให้ที่นี่เป็นร้านชาที่สามารถคุยกับลูกค้าได้ ให้ลูกค้าได้มานั่งริมเคาน์เตอร์ ดูขั้นตอนการชงชา และพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวระหว่างกัน ถึงอย่างนั้นทางร้านก็ยังมีโต๊ะ – เก้าอี้จัดไว้รองรับสำหรับลูกค้าที่อยากมานั่งเป็นกลุ่มด้วยกันด้วย
ทางร้านมีให้ลองทั้งชาใส และลาเต้ ผ่านชาเบลนด์ทั้ง 4 ตัว ได้แก่ Ujitawara Blend ที่บอดี้จะมากลาง ๆ มีรสขมเล็กน้อย Hikari เหมาะสำหรับคนที่ชอบบอดี้แบบเบา ๆ และชาไม่ขม ได้รสหวานจากใบชาและอโรมาเพิ่มเติม Yuhi ตัวนี้จะเป็น Full Body ชาจะหนักกว่าตัวอื่น มีรสขมเล็กน้อยแต่ไม่ติดลิ้น และ Asahi ชาเกรดดีที่สุดของร้าน บอดี้กลาง ๆ ที่มีกลิ่นฟลอรัล ตัวนี้เหมาะกับการชงใสมากกว่า รวมถึง Green Tea Premium อีก 1 ตัวให้เลือก โดยชาทุกตัวอยู่ในกลุ่มเกรด Ceremony เพราะสามารถชงแบบใสได้
เปิดทุกวัน 09:00 – 18:00 น.
ถนนพระอาทิตย์ พระนคร
MRT สนามไชย แล้วต่อแท็กซี่หรือพี่วิน / เรือด่วนเจ้าพระยา ท่าพระอาทิตย์ | ไม่มีที่จอดรถ

คาเฟ่ (ที่ตอนกลางคืนในช่วงสุดสัปดาห์จะเปลี่ยนเป็นบาร์ด้วยนะ) ที่เปิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 นี้ แม้จะเป็น ตึกแถว ขนาด 1 คูหา แต่ถ้าเข้าไปข้างในจะต้องว้าวมาก ผ่านตกแต่งออกมาในแนวของ Mid-Century Modern ที่ผสมผสานกัน ที่ไม่ใช่แค่การหยิบเอาเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ มามิกซ์แอนด์แมตช์กันเท่านั้น หากยังเปลี่ยนบางมุมบางจุดของอาคารให้เข้ากับภาพรวมทั้งหมดของร้านอีกด้วย
เราจะเห็นว่าที่ร้านจะไม่ได้จัดฟอร์มให้เป็นร้านนั่งจ๋า ๆ แบบที่มีโต๊ะและเก้าอี้จริงจัง แต่เลือกที่จะเป็นโต๊ะเล็กบ้าง โซฟาบ้าง หรือเก้าอี้เดี่ยว ๆ วางไว้บางตัว รวมถึงหยิบเอาเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ชอบ และไวนิลวงที่ตัวเองรักมาวางไว้ในร้าน เพราะอยากให้มู้ดเหมือนมาบ้านมากกว่า ซึ่งก็สอดคล้องกับชื่อร้าน ที่อยากให้เราเป็นพื้นที่สบาย ๆ ไม่หวือหวา ตามคำว่า Ordinary แต่ก็หยิบคำว่า Mansion ที่บางทีเราพูดคำว่าแมนชั่น ก็จะคิดถึงความหรูหรา ความแกลม แบบแมนชั่นในแมนฮัตตัน เป็นพื้นที่ธรรมดาที่ซ่อนความพิเศษไว้ข้างในนั่นเอง
คาเฟ่เปิดพฤหัสบดี – อาทิตย์ เวลา 10:00 – 18:00 น.
บาร์เปิดวันศุกร์ – อาทิตย์ เวลา 18:00 – 24:00 น.
ซอยสาธุประดิษฐ์ 41 ช่องนนทรี ยานนาวา
BTS ข่องนนทรี แล้วต่อแท็กซี่ | ไม่มีที่จอดรถ

คาเฟ่ ที่อยู่ในซอยเล็ก ๆ ที่เป็นชุมชนอย่างวนาวรรณ 1 ที่มีเจ้าของเดียวกับร้าน Something about us ร้านเล็ก ๆ ที่ขายสินค้าแฟชั่น ไลฟ์สไตล์แบบ Selected Shop ย่านบางลำพู บนถนนพระสุเมรุ นี้ มีทั้งหมด 3 ชั้น สไตล์การตกแต่งคาเฟ่ ดูจะแตกต่างจากร้านที่บางลำพูอยู่สักหน่อย เพราะเดิมทีร้านแรกจะมีความมินิมอลคุมโทนสีขาวกับสีไม้อ่อน ๆ แต่ที่นี่มีเติมสีสันเข้ามาบ้างแล้ว ตัวร้านที่เราเห็น เดิมเป็นตึกแถวเก่า (มาก) ที่รีโนเวทจนลืมเค้าเดิม ด้วยความเรียนแฟชั่นเธอเลยชอบเรื่องของดีไซน์ จึงหยิบเอาความเป็น Bauhaus (โรงเรียนสอนศิลปะในเยอรมัน ที่รากฐานการออกแบบสมัยใหม่มาจนถึงทุกวันนี้) มาเป็นไอเดียหลัก
ที่นี่จะเน้นเมนูที่มีความสดชื่น และกาแฟที่ให้ประสบการณ์ใหม่ ๆ เลยลองทำเมนูที่ได้แรงบันดาลใจมาจากค็อกเทลอย่าง Modori sour เป็นค็อกเทลที่พบได้ทั่วไปในเกาหลี ซึ่งตัวกาแฟ ถึงจะไม่ใช่ Specialty แต่ก็จริงจังใช้ได้ มีเบลนด์ลาว-บราซิล จากเชียงใหม่ เป็นโทนคั่วกลางที่ทำอร่อยทั้งกาแฟดำและกาแฟนมเลย
เปิดทุกวัน (ยกเว้นวันอังคาร) 08:00 – 17:00 น.
ซอยวนาวรรณ 1
BTS กรุงธนบุรี | ไม่มีที่จอดรถ (ใครเอารถมาแวะไปที่ ที่จอดรถ BTS กรุงธนบุรี ก็ได้นะ)

ร้านชาไต้หวันที่แอบบอกว่า ตอนบ่ายแสงพาดเข้าในตึกสวยมาก ๆ ตึกแถว นี้เป็นอาคารพาณิชย์ที่เดิมเคยเป็นร้านอาหารมาก่อน เมื่อ Teaory เข้ามา ก็จัดการมารีโนเวทใหม่ทั้งหมด ติดไฟ ติดผ้าม่าน ทำกรอบไม้กระจก เพิ่มช่องแสงโดยการทุบผนังทำกระจกบานใหญ่ขึ้นมาเพิ่ม เพื่อให้แสงเข้าได้มากที่สุด ตั้งใจให้เข้ามาแล้วรู้สึกสบาย ๆ มีแสงนวล ๆ มีความโฮมมี่ ที่นั่งได้เรื่อย ๆ ตัวร้านเลยออกมาในโทนสีครีม ไม้อ่อน ๆ ละมุนตุ้นสุด ๆ
เบสชาไต้หวันทั้ง 6 ตัวของทางร้าน เป็นใบที่คัดมาแล้วว่าคนไทยน่าจะเข้าใจง่าย มีคาแรกเตอร์และกลิ่นชัดเจน คือ Assam / Tie Guanin จะมีความเข้มหอม ส่วน Earl Grey / Osmanthus หรือชาดอกหอมหมื่นลี้ จะมีความหอมโทนดอกไม้ชัด ๆ Ceylon จะมีความหอม นุ่ม แบบเบา ๆ และสุดท้ายคือ Traditional ใบชาที่มีกลิ่นคล้ายกาแฟ
เปิดทุกวัน จ.-ศ. 09:00 – 18:00 น. | ส.-อา. 10:00 – 18:00 น.
สาธุประดิษฐ์ 6
BTS เซนหลุยส์ แล้วต่อพี่วิน | จอดรถริมถนน

ร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ริมถนนเจริญกรุง (ใกล้กับเจริญกรุง 29) เป็นร้านกาแฟใน ตึกแถว เก่า ที่ซ่อนตัวได้อย่างแนบเนียนมาก ๆ เพราะทางร้านเลือกที่จะเก็บประตูเหล็กยืดของเดิมไว้ และคงสภาพเดิมของด้านหน้าตึก ชนิดที่ว่าถ้าปิดประตูเหล็กก็ไม่รู้ว่าด้านในรีโนเวทร้านให้กลายเป็น Coffee Lounge เท่ ๆ แล้วเรียบร้อย
วางคอนเซปต์ให้เป็น Daily Lifestyle Cafe เป็นร้านที่คนเดินเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้ ราคากาแฟก็ยังเข้าถึงง่ายมาก ๆ อย่างอเมริกาโน เริ่มต้นที่ 65 บาท โดยที่มีบรรยากาศของความเป็น Coffee Lounge ที่มีบาร์กาแฟใหญ่ ๆ พร้อมที่นั่งแบบโซฟาโค้ง และไฟสลัว ๆ
เปิดทุกวัน 08:30 – 17:30 น.
ถนนเจริญกรุง (ใกล้กับเจริญกรุง 29)
MRT หัวลำโพง | จอดรถริมถนนได้ (วันคู่ – วันคี่) หรือ ตึกจอดรถอาคารณัฐภูมิ (มีค่าจอด)